สัทธราฉันท์ 21 ต่อโคลงสี่สุภาพ
________________________________________
ש
ס ในผืนป่าพงพนาสัณฑ์ ปฏิกิริยประชัน
กิ่งเคาะสีกัน ประกอบเพลิง
๐ ลุกโหมจากยอดลุโคนเชิง กุณฑประทุเถลิง
ลามธราเวิ้ง สะเก็ดไฟ
๐ วาโยพ้องพัดประโคมไว้ ขจรบ่ละกษัย
เผาประลัยไกล กะหมอกมาร
๐ โชดช่วงทุกทิศมโหฬาร อนยะรุธิระฉาน
ร้อนระเริงนาน วิโยคภัย ฯ
...
๏ นัยน์ตากวางแน่งน้อย ระส่ำ
กวัดแกว่งขาท่าทำ ลุกลี้
สับสนทิศทางย่ำ แตกตื่น
ชีพแข่งกับเพลิงจี้ ไล่ร้อนหลังมา
๏ ตาสองจับคู่เคล้า หมดทาง
ลูกแม่ชะนีนาง ร่ำร้อง
โหยหวนทั่วไพรกลาง ไฟท่วม รอบเฮย
กอดแน่นรักแขนป้อง ลูกน้อยจนตาย
๏ พ่ายรังเป็นแน่แล้ว ปักษา
ปีกร่อนยังเวหา รอดได้
ปีกล่อนเมื่อไฟพา พัดต่อ ติดนา
ปีกลุกลามตัวไร้ พ่ายร้างชีวิน
๏ ถิ่นฐานนานเนิ่นด้าว สูงสัก
ผันผ่านกัลป์กาลพัก ผ่องแผ้ว
สูญศักดิ์โค่นครืนหัก เพียงครู่ เดชนา
เผาสักวอดสิ้นแล้ว ล่องพื้นธาตรี ฯ
...
๐ ลีลาเลิศร้อนระเร่าดี สริระมฤทุศรี
ร่ายระบำนี้ สะพรึงกลัว
๐ โอดองค์อ่อนช้อยชม้อยยั่ว รุทระมสิสลัว
ย่างยะเยื้องตัว จะพรากกาย
๐ ออกจากดวงจิตประทีปฉาย หุตสิละวปุวาย
ไหม้เมลืองหาย ธ โลกันตร์
๐ รำต่อเพลงโศกประดับจันทร์ อนุสรเสนาะสรรค์
สร้างเพราะจาบัลย์ สะท้านทรวง ฯ
...
๏ บ่วงไฟรอนอ่อนบ้า เบาแรง
รำร่ายลดถอยแดง เด่นน้อย
เหลืองจางผ่อนเป็นแสง เกือบมอด แล้วนอ
เพียงถ่านดำเหลือร้อย ร่องครั้งคืนโหด
๏ โปรดปรอยลงสู่หล้า หยาดฝน
พรมทั่วแดนทุกข์ทน พร่างฟ้า
ประโลมหม่นเพียงพ้น ความโศก- ศัลย์เทอญ
ดินชุ่มชะรอยล้า ตื่นฟื้นคืนเดิม
๏ เริ่มเห็นเขียวโผล่ขึ้น จากกอง
กูณฑ์เก่าเดิมเป็นของ สรรพสร้าง
จากสัตว์กร่อนเพียงพร่อง ผงร่าง ธุลีแฮ
ผลิหน่อรอวันข้าง ค่ำหน้าเติบโต
๏ โลกาหมุนผ่านม้วย อีกรอบ
แรกเริ่มคือคำตอบ เที่ยงแท้
จุดจบแค่เวียนมอบ นิจเนื่อง อนันต์นา
สุขทุกข์เยือนจากแล้ ว่ายเวิ้งเป็นวง ךף
______________________________________
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ขอบคุณรูปภาพจาก Shuttlestock
ระบำแห่งความตาย
สัทธราฉันท์ 21 ต่อโคลงสี่สุภาพ
________________________________________
ס ในผืนป่าพงพนาสัณฑ์ ปฏิกิริยประชัน
กิ่งเคาะสีกัน ประกอบเพลิง
๐ ลุกโหมจากยอดลุโคนเชิง กุณฑประทุเถลิง
ลามธราเวิ้ง สะเก็ดไฟ
๐ วาโยพ้องพัดประโคมไว้ ขจรบ่ละกษัย
เผาประลัยไกล กะหมอกมาร
๐ โชดช่วงทุกทิศมโหฬาร อนยะรุธิระฉาน
ร้อนระเริงนาน วิโยคภัย ฯ
...
๏ นัยน์ตากวางแน่งน้อย ระส่ำ
กวัดแกว่งขาท่าทำ ลุกลี้
สับสนทิศทางย่ำ แตกตื่น
ชีพแข่งกับเพลิงจี้ ไล่ร้อนหลังมา
๏ ตาสองจับคู่เคล้า หมดทาง
ลูกแม่ชะนีนาง ร่ำร้อง
โหยหวนทั่วไพรกลาง ไฟท่วม รอบเฮย
กอดแน่นรักแขนป้อง ลูกน้อยจนตาย
๏ พ่ายรังเป็นแน่แล้ว ปักษา
ปีกร่อนยังเวหา รอดได้
ปีกล่อนเมื่อไฟพา พัดต่อ ติดนา
ปีกลุกลามตัวไร้ พ่ายร้างชีวิน
๏ ถิ่นฐานนานเนิ่นด้าว สูงสัก
ผันผ่านกัลป์กาลพัก ผ่องแผ้ว
สูญศักดิ์โค่นครืนหัก เพียงครู่ เดชนา
เผาสักวอดสิ้นแล้ว ล่องพื้นธาตรี ฯ
...
๐ ลีลาเลิศร้อนระเร่าดี สริระมฤทุศรี
ร่ายระบำนี้ สะพรึงกลัว
๐ โอดองค์อ่อนช้อยชม้อยยั่ว รุทระมสิสลัว
ย่างยะเยื้องตัว จะพรากกาย
๐ ออกจากดวงจิตประทีปฉาย หุตสิละวปุวาย
ไหม้เมลืองหาย ธ โลกันตร์
๐ รำต่อเพลงโศกประดับจันทร์ อนุสรเสนาะสรรค์
สร้างเพราะจาบัลย์ สะท้านทรวง ฯ
...
๏ บ่วงไฟรอนอ่อนบ้า เบาแรง
รำร่ายลดถอยแดง เด่นน้อย
เหลืองจางผ่อนเป็นแสง เกือบมอด แล้วนอ
เพียงถ่านดำเหลือร้อย ร่องครั้งคืนโหด
๏ โปรดปรอยลงสู่หล้า หยาดฝน
พรมทั่วแดนทุกข์ทน พร่างฟ้า
ประโลมหม่นเพียงพ้น ความโศก- ศัลย์เทอญ
ดินชุ่มชะรอยล้า ตื่นฟื้นคืนเดิม
๏ เริ่มเห็นเขียวโผล่ขึ้น จากกอง
กูณฑ์เก่าเดิมเป็นของ สรรพสร้าง
จากสัตว์กร่อนเพียงพร่อง ผงร่าง ธุลีแฮ
ผลิหน่อรอวันข้าง ค่ำหน้าเติบโต
๏ โลกาหมุนผ่านม้วย อีกรอบ
แรกเริ่มคือคำตอบ เที่ยงแท้
จุดจบแค่เวียนมอบ นิจเนื่อง อนันต์นา
สุขทุกข์เยือนจากแล้ ว่ายเวิ้งเป็นวง ךף
______________________________________
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้