[CR] MALDIVES 2018 ใครๆก็ไปได้ : นอนกลางน้ำชิคๆ 2 คืน @THULHAGIRI RESORT คนละ 20,581 จบปิ๊ง.


         สวัสดีเพื่อนๆที่น่ารักทุกคน วันนี้ฤกษ์งามยามดีจึงอยากที่จะมารีวิว ทริปมัลดีฟส์สวรรด์บนดิน ที่พึ่งไปมาให้ทุกๆคนได้อ่านกัน เราเป็นคนใช้คำพูดไม่ค่อยเก่งและนี่ก็เป็นรีวิวแรกในชีวิต หากติดขัดตรงจุดไหนขออภัยไว้ ณ จุดนี้ด้วยนะ
หัวใจหัวใจอมยิ้ม02หัวใจหัวใจ



ทริปนี้เราไปกัน 2 คน มี เรา และผู้ร่วมชะตากรรมอีก 1 คนคือ แฟนเราเอง5555+



         ที่มาของทริปนี้คือ เราเคยได้ไปอ่านรีวิวของคนอื่นๆที่เขาเคยไปมัลดีฟส์แบบไม่ได้ซื้อแพคเกจไปกันมา แล้วมีความรู้สึกว่า เฮ้ย! เราก็สามารถไปกันได้นี่ งบก็ไม่ได้เยอะ ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ใช้เยอะแยะ ถูๆ ไถๆ ไปได้ไม่น่าจะยาก (มือไม่ได้ด้วน กลัวอะไร555+) แล้วพอดีช่วงเดือนกันยายน ปี 2560 Air Asia มีโปร 0 ออกมา ก็เลยจองตั๋วกันไว้ตอนช่วงนั้น และได้มาในราคาน่ารักมากที่สุด ไป-กลับ รวมประกันภัย และค่าตัดบัตรเครดิตแล้ว ตกคนละ 5,684 บาทเท่านั้น O M G!!!


** Air Asia จะมีเที่ยวบิน ไป-กลับ เมืองมาเล หรือมัลดีฟส์ แค่วันละ 1 เที่ยวบินเท่านั้น


         เราไปช่วงวันที่ 4-6 กันยายน 2561ซึ่งเป็นช่วงกลางสัปดาห์ คือ วันอังคาร-วันพฤหัสบดี ถ้าเป็นช่วงวันศุกร์-วันอาทิตย์ หรือช่วงวันเสาร์-วันจันทร์ ราคาก็จะไม่ถูกเท่านี้นะ แต่ได้ตั๋วมาในราคานี้ การลางาน 3 วันก็คงไม่ต้องคิดอะไรมากมายแล้วแหละ ลาโลดจ้า5555
หัวใจหัวใจขอบคุณ Air Asiaหัวใจหัวใจ

         ที่ต้องจองล่วงหน้านานขนาดนี้ เพราะตอนนั้นเดือนตุลาคม ปี 2560 เราจะมีทริปไปเที่ยว Sapa กับเพื่อนๆ
         จึงทำให้เรายังไม่มีงบสำหรับไปมัลดีฟส์ในเร็ววัน จึงต้องเว้นช่วงไว้สำหรับทยอยเก็บเงิน เรากับแฟนก็ทยอยเก็บเงินกันคนละ 2,000 บ้าง 3,000 บ้างต่อเดือน หยอดกระปุกกันไปเรื่อยๆ

         สำหรับที่พัก เราจองผ่าน Agoda  ในวันเดียวกันกับที่จองตั๋วเครื่องบิน เราเลือกที่จะไปพักที่ Thulhagiri Island Resort & Spa Maldives (**Thulhagiri อ่านว่า ตุลากิริ)  เป็นที่พักระดับ 4 ดาว มีลักษณะเป็นเกาะขนาดเล็กที่มีแค่รีสอร์ทนี้อันเดียวบนเกาะ (**ที่นี่ไม่มีพนักงานคนไทย)
  

         ถามว่าทำไมเราถึงเลือกไปทีนี้ คือ 1.รีวิวที่เราเคยอ่านเขาไปพักที่นี่555+ และ 2.เท่าที่เราสำรวจมา Water Villa ที่นี่ราคาถูกสุด ไปมัลดีฟส์ทั้งทีก็ต้องไปนอนกลางน้ำสิ ถึงแม้จะเป็นเกาะขนาดเล็ก แต่สภาพแวดล้อมรอบๆเกาะก็อุดมสมบูรณ์ร่มรื่น เดินเล่นรอบๆเกาะได้ทั้งวันเลย ถ้าไม่กลัวแดด555+


         เราจองห้องแบบ Water Villa Half Board จำนวน 2 คืน ได้มาในราคา 21,359.60 บาท และเลือกการจ่ายเงินแบบ “จองวันนี้ จ่ายวันหลัง” โดยของเรา ค่าที่พักจะตัดบัตรเครดิตวันที่ 1 กันยายน 2561 หรือก่อนไปเที่ยว 3 วัน (**Water Villa ที่นี่พักได้สูงสุดหลังละ 3 คนนะ ถ้าไป 3 คนก็จะมีตัวหารเพิ่ม เซฟงบลงได้อีก)


**Half Board คือจะรวม Welcome Drink,บุฟเฟ่ห์อาหารเช้า2มื้อ (ไม่รวมน้ำ) และบุฟเฟ่ห์อาหารค่ำ2มื้อ (ไม่รวมน้ำ) *ไม่มีอาหารเที่ยง

         ก่อนเดินทางประมาณ 10 กว่าวัน ทางโรงแรมก็จะอีเมลล์มาแจ้งเรา ว่าเขาได้รับการ Booking ของเราแล้ว ให้เราอีเมลล์แจ้งไฟล์ทบินให้เขาทราบ แล้วเขาจะจัดเรือมารับ-ส่งให้ สำหรับค่าเรือจะเป็นราคาที่รวมทั้งขาไปและขากลับแล้ว เราจะต้องจ่ายตอนที่เราไปเช็คอินเข้าที่พัก คนละ USD100 เมื่อแจ้งข้อมูลเรียบร้อยแล้ว เขาก็จะส่งอีเมลล์ยืนยันกลับมา

ปลา พร้อมออกเดินทางกันเลย...... Let’s Go!!! ปลา


         Day 1 : วันที่ 4 Sep, 2018 เวลา 16.00 น. (ดีเลย์เล็กน้อย) เริ่มออกเดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมืองไปสู่เมืองมาเลด้วยเจ้าสีแดงลำนี้

         ด้วยความที่ต้องใช้เวลาในการบินถึง 4 -5 ชั่วโมง เราจึงต้องขอเติมพลังกันหน่อย แต่ก็ยังไม่เคยลองกินอาหารบนเครื่องเลยสักครั้ง จึงไม่รู้ว่าเมนูไหนเด็ด เลยลองสุ่มมาชิม 2 เมนู ได้แก่ ข้าวแกงเขียวหวานไก่ กับข้าวอบสไตล์มาเลเซีย
         ราคาเมนูละ 120 บาท พร้อมน้ำ 1 ขวด เราว่ารสชาติโอเคนะ ปริมาณคือกินอิ่ม อร่อยทั้ง 2 เมนู แต่เราค่อนข้างแฮปปี้กับแกงเขียวหวานไก่มาก เพราะว่าได้ไก่เยอะกว่ามะเขือพวง5555+

         ในขณะที่บินอยู่ก็กรอกใบ ตม. ให้เสร็จเรียบร้อย นอกจากพาสปอร์ตจะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเดินทางแล้ว มีอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญ คือ ปากกา แต่ถ้าลืมก็ไม่เป็นไร เพราะสามารถขอยืมจากพี่สจ๊วตสุดหล่อได้ ซึ่งวันนั้นเราก็ลืมแหละ5555+

         และแล้วเราก็เดินทางมาถึงเมืองมาเลในเวลาประมาณ 18.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นของเขา ที่นู่นเวลาจะช้ากว่าบ้านเรา 2 ชั่วโมง ถ้าคิดเป็นเวลาไทยก็คือ 20.30 น. นั่นเอง

         เมื่อเดินผ่าน ตม . ออกมาแล้ว ก็จะเจอกับ Arrivals Terminal ให้เดินไปยังเคาน์เตอร์ No.15 ซึ่งเป็นเคาน์เตอร์ของที่พักที่จองไว้ จะมีสุดหล่อนั่งรอรับเราอยู่ และก็ทำให้เราได้รู้ว่า เราคือแขก2คนสุดท้ายของวันนั้น5555+

         ก่อนจะเดินไปขึ้นเรือ เรารีบวิ่งไปซื้อซิมอินเตอร์เน็ต ร้านขายซิมจะมีด้วยกัน 2 ร้าน คือ ร้านสีแดง กับ ร้านสีส้ม (**ที่พักมี Wifi ให้  แต่เราเป็นคนติด Social จึงขอมีไว้กันเหนียวดีกว่า และก็เอาไว้ใช้ที่สนามบินตอนนั่งรอเครื่องขากลับด้วย)
        ในวันนั้นเราเลือกซื้อที่ร้านสีแดง เพราะร้านสีส้มปิดแล้ว (**ในรูปเราถ่ายตอนขากลับนะ จึงทำให้เห็นว่าร้านสีส้มยังเปิดอยู่ เราเกรงใจสุดหล่อที่มารอรับ เลยรีบมากและลืมถ่ายไว้ตอนขาไป555+)
         เราเลือกซื้อซิมแบบ 17GB for 7Days  มาในราคา USD22 (ราคาซิม USD20 +  USD2 น่าจะเป็น Tax มั้ง) ซิมมีหลายราคาให้เลือก ก็แล้วแต่เราเลยว่าจะสะดวกแบบไหน ตอนซื้อเสร็จก็ยื่นโทรศัพท์ให้คนขายเปลี่ยนและสมัครซิมให้ด้วยเลย เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็รีบเดินตามสุดหล่อไปขึ้นเรือ

         ตอนเดินมาถึงท่าเรือ ก็ยังไม่ค่อยรู้สึกตื่นเต้นกับน้ำทะเลสักเท่าไร เพราะฟ้าก็เริ่มมืด ทำให้มองไม่เห็นว่าน้ำทะเลมันสีฟ้าและใสเหมือนรูปในอินเตอร์เน็ตที่ดูมาหรือป่าว ในใจตอนนั้นคิดว่าอยากไปให้ถึงรีสอร์ทและรีบนอน จะได้เช้าไวไว55555+
         เรือที่มารอรับก็จะเป็นเรือ Speed Boat ปกติทั่วไป ตอนนั้นบนเรือก็มีแขกแค่เรา 2 คน ส่วนคนอื่นๆในเรือก็จะเป็นพวกพนักงานของรีสอร์ท        
         บนเรือเขาจะแจกน้ำเปล่าให้เราด้วยคนละขวด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก เราต้องเก็บน้ำไว้ให้ดี เพราะในบุฟเฟ่ต์แต่ละมื้อจะไม่มีน้ำดื่มให้ ถ้าอยากกินก็ต้องซื้อเพิ่มเอง ซึ่งราคาก็ค่อนข้างโหด!

         ใช้เวลาในการนั่งเรือประมาณ 20 นาที และเราก็มาถึงรีสอร์ท
         จะมีพนักงานยืนรอรับอยู่ที่ท่าเรือ เขาจะพาไปยัง Lobby ของรีสอร์ทเพื่อทำการเช็คอิน พร้อมกับจ่ายค่าเรือคนละ USD100  เราก็จะได้รับผ้าเย็นกับ Welcome Drink  เป็นน้ำส้ม คนละ 1 แก้ว ไม่แน่ใจว่าผสมอะไรด้วยมั้ย รสชาติอร่อยแบบแปลกๆ
         นั่งพักผ่อนสักพักก็จะมีพนักงานมาแนะนำที่พักให้เราฟัง เกี่ยวกับข้อมูลต่างๆบนเกาะว่ามีโซนอะไรบ้าง โชคดีที่พนักงานที่มาแนะนำให้เราฟัง เขาพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยเร็วมาก เราเลยฟังเขารู้เรื่อง (**สกิลภาษาอังกฤษเราอยู่ในระดับปานกลาง555+) หลังจากแนะนำเสร็จ เขาก็ให้พนักงานอีกคนพาเราไปส่งที่ห้องพัก
         ทางเดินค่อนข้างสลัวๆ มองแล้วก็ดูโรแมนติกนะ แต่เวลาเดินต้องคอยมองทางให้ดี อย่ามัวแต่ฟินเพราะอาจจะเดินตกน้ำได้5555+ ห้องของเราคือ No.204
         หลังจากที่เก็บของเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินออกมากินบุฟเฟต์อาหารค่ำ บุฟเฟต์อาหารค่ำจะเริ่มตั้งแต่เวลา 19.00 – 21.00 น. เขาจะจัดโต๊ะให้เราไว้โดยเฉพาะ และจะมีพนักงานคอยเทคแคร์เราตลอด
         จะมีเบอร์ห้องของเราวางบนโต๊ะเป็นสัญลักษณ์กำกับไว้ คือทั้งอาหารเช้าและอาหารค่ำเราต้องนั่งโต๊ะนี้
         อาหารก็ค่อนข้างหลากหลาย แต่จะเน้นไปทางไก่กับเนื้อ ไม่มีหมูเพราะมัลดีฟส์เป็นเมืองมุสลิม ในเรื่องของรสชาติเราว่าก็อร่อยดี
         ในส่วนของน้ำดื่มนั้น อย่างที่บอกตั้งแต่แรกว่าจะไม่รวมอยู่ในรายการบุฟเฟ่ต์ เราจึงเอาน้ำที่ได้บนเรือมากิน แต่ถ้าใครต้องการน้ำเพิ่ม เราก็สามารถซื้อเพิ่มได้ตามราคาดังต่อไปนี้ (**ราคาเงินUSD)

         ที่ Lobby จะมีบอร์ดแสดงกิจกรรมต่างๆบนเกาะไว้ เช่น กิจกรรมดำน้ำลึก นั่งเรือดูปลาโลมา นั่งเรือดูพระอาทิตย์ตก ฯลฯ มีเวลาและราคาบอกครบถ้วน คือถ้าเราสนใจกิจกรรมไหนก็ลงชื่อไว้ ส่วนค่าใช้จ่ายก็ค่อยไปจ่ายตอนเช็คเอ้าท์ออก เขาจะสรุปทั้งหมดมาให้ (**รวมทั้งค่าน้ำที่เราซื้อเพิ่มด้วย)
         เราไม่ได้ลงกิจกรรมไหนเลย เพราะเราว่ายน้ำไม่เก่ง เลยขอพักผ่อนดื่มด่ำธรรมชาติแค่รอบๆเกาะก็พอ เมื่อกินข้าวเรียบร้อยก็รีบเดินกลับที่พัก รีบอาบน้ำ รีบนอน รอคอยพระอาทิตย์ขึ้น ฝันดี ราตรีสวัสดิ์555+
moonstarดาวmoonstarดาวmoonstarดาวmoonstar


จะมาทยอยอัพนะคะ  อมยิ้ม16หัวใจ
ชื่อสินค้า:   Thulhagiri Island Resort & Spa Maldives
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่