เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ผศ.ดร.พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย นักวิชาการด้านกฎหมายมหาชน กฎหมายรัฐธรรมนูญและสถาบันการเมือง จากภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “Pornson Liengboonlertchai” แสดงความเห็นกรณี “4 รัฐมนตรีกับพรรคพลังประชารัฐ จะต้องลาออกหรือไม่ลาออก เพียงแค่ใช้เวลานอกราชการทำงานทางด้านพรรคการเมืองเท่านั้น ก็พอ” โดยมีรายละเอียดดังนี้
4 รัฐมนตรีกับพรรคพลังประชารัฐ จะต้องลาออกหรือไม่ต้องลาออก เพียงแค่ใช้เวลานอกราชการทำงานทางด้านพรรคการเมืองเท่านั้น ก็พอ แน่นอนครับแต่ละท่านมีสิทธิมีเสรีภาพของท่าน อย่างไรก็ดี ผมขอให้ความเห็นทางวิชาการสั้นๆ ผ่าน “4 รัฐมนตรี กับ 4 ประเด็นทางรัฐธรรมนูญ” ดังนี้ครับ
1. จริงหรือที่รัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติ :
หากไปพลิกดูแต่เพียงแค่บทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ หลายท่านก็อาจจะบอกว่ากรณี 4 รัฐมนตรีไม่จำต้องลาออก ไม่มีข้อห้ามเหมือนตำแหน่งอื่นๆ แต่การพิจารณาทำนองนี้เป็นเพียงเพราะไปมุ่งเน้นพิจารณาเพียงแค่เรื่องของ “คุณสมบัติ” หรือ “ลักษณะการกระทำ” แต่ต้องไม่ลืมว่าในฐานะรัฐมนตรี ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่นั้นรัฐธรรมนูญได้มีการวางกรอบ “หลักการพื้นฐานในการใช้อำนาจของฝ่ายบริหาร” ผ่าน “ม.164 (3)” ซึ่งหาได้เป็นข้อยกเว้นในบทเฉพาะกาลที่รัฐมนตรีจะหลีกเลี่ยงไม่พึงต้องกระทำได้ กล่าวให้ขัดเจนยิ่งขึ้น รัฐมนตรีจำต้องปฏิบัติตาม “หลักการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี” หรือ “good governance” ที่มีเรื่อง “ความโปรงใสและการตรวจสอบได้” เป็นองค์ประกอบย่อย โดยหลักการนี้มีเจตนารมณ์ เพื่อควบคุมกำกับการใช้อำนาจของฝ่ายบริหาร ทั้งนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นใจต่อประชาชนว่าตนจะมิได้มีการใช้อำนาจตามอำเภอใจ อันเป็นการสอดคล้องกับหลักกฎหมายมหาชนทั่วไปด้วย ยังมิพักที่จะกล่าวการเทียบเคียงกับมาตรา ม.169 ให้เห็นถึง “เจตจำนง” ของรัฐธรรมนูญที่พยายามควบคุมมิให้รัฐมนตรีที่โดยธรรมชาติอยู่ในตำแหน่งแห่งที่ที่อาจหมิ่นเหม่ ต่อการใช้อำนาจตนเองไปในการก่อให้เกิดประโยชน์ส่วนตนในด้านการเลือกตั้งได้
2. จำต้องคำนึงถึงการปฏิรูปการเมือง :
อันที่จริงถือเป็นวัตถุประสงค์ของรัฐธรรมนูญปัจจุบันที่มีการกำหนดไว้ค่อนข้างชัดเจนใน ม.258 เรื่องการปฏิรูปการเมือง ที่ต้องให้การดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมืองเป็นไปโดยโปร่งใสตรวจสอบได้ ประกอบกับประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีที่ประกาศแผนการปฏิรูปดังกล่าวในรายละเอียดที่มีการเน้นถึง “แนวคิดการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี” ในฐานะคุณธรรมและจริยธรรมที่นักการเมืองพึงยึดถือเป็นสรณะ ดังนั้นการกระทำใดๆ ที่เป็นการบั่นทอน หรือก่อให้เกิดความสงสัยต่อความโปร่งใสตรวจสอบได้ ก็ไม่น่าจะสอดคล้องกับเจตจำนงของรัฐธรรมนูญที่มุ่งปฏิรูปการเมืองข้างต้น อันอาจส่งผลต่อความขัดแย้งในทางการเมืองได้
3. แนวคิดการขัดกันของผลประโยชน์ (conflict of interest) :
แนวคิดนี้เป็นแนวคิดพื้นฐานทางกฎหมายรัฐธรรมนูญที่นำไปสู่การมีบทบัญญัติต่างๆ มากมายในรัฐธรรมนูญทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยของเราด้วย ไม่ว่าจะเป็นบทบัญญัติว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะ (การกระทำ) ต้องห้ามต่างๆ บทบัญญัติว่าด้วยการขัดกันของผลประโยชน์ ฯลฯ โดยแนวคิดนี้เรียกร้องมิให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางรัฐธรรมนูญ (กรณีนี้คือฝ่ายบริหาร) มีลักษณะของการกระทำเพื่อให้ได้มา หรือก่อให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยอย่างมีนัยสำคัญต่อการกระทำใดๆ ว่าอาจได้มาซึ่งผลประโยชน์ผ่านการกำหนดนโยบายในฐานะของฝ่ายบริหาร ทั้งหมดนี้ก็เพื่อกำกับมิให้ผู้ดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ ใช้อำนาจโดยไร้ขอบเขตอันเป็นการอันตรายต่อระบอบรัฐธรรมนูญที่กำหนดขึ้นภายใต้หลักการแบ่งแยกอำนาจ (separation of powers) และรักษาไว้ซึ่งเจตจำนงของประชาชนที่แสดงออกผ่านสัญญาประชาคมอย่างรัฐธรรมนูญ
4.นี่คือการสร้างธรรมเนียมปฏิบัติทางการเมือง :
หากท่านยืนยันว่ากรณีที่เกิดขึ้นกับ 4 รัฐมนตรี ไม่มีบทบัญญัติทางด้านรัฐธรรมนูญกล่าวถึงไว้ ในทางหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญท่านก็ต้องเข้าใจด้วยว่า การกระทำ หรือการปฏิบัติของเหล่าบรรดาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในห้วงเวลาใดห้วงเวลาหนึ่งโดยธรรมชาติแล้วเป็นการ “สร้างกฎเกณฑ์ทางการเมือง” ขึ้น โดยในทางหลักการเราเรียกว่า “ธรรมเนียมปฏิบัติทางรัฐธรรมนูญ” (constitutional convention) “อันจะมีผลไม่มากก็น้อยต่อผู้ดำรงตำแหน่ง หรือนักการเมืองต่างๆ ในวันข้างหน้าในการที่จะประพฤติปฏิบัติตาม”
ดังเช่น กรณีของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ วอร์ชิงตัน ของประเทศสหรัฐอเมริกาที่ได้สร้างธรรมเนียมปฏิบัติทางการเมือง หรือทางรัฐธรรมนูญขึ้นด้วยการดำรงตำแหน่งเพียงแค่ 2 สมัย อันนำไปสู่การปฏิบัติตามรวมถึงการนำไปบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกา
คำถามที่ว่าทั้ง 4 ท่านพึงลาออกหรือไม่ หรือไม่ต้องลาออก เพียงแค่ใช้เวลานอกราชการทำงานทางด้านพรรคการเมืองเท่านั้น ก็พอนั้น ขึ้นอยู่กับท่านว่าสามารถอธิบายต่อ 4 ประเด็นข้างต้นได้อย่างชัดเจนหรือไม่ครับ
JJNY : อาจารย์จุฬาฯ จี้รมต.พปชร.แจง 4ข้อ ปมไม่ยอมลาออก
4 รัฐมนตรีกับพรรคพลังประชารัฐ จะต้องลาออกหรือไม่ต้องลาออก เพียงแค่ใช้เวลานอกราชการทำงานทางด้านพรรคการเมืองเท่านั้น ก็พอ แน่นอนครับแต่ละท่านมีสิทธิมีเสรีภาพของท่าน อย่างไรก็ดี ผมขอให้ความเห็นทางวิชาการสั้นๆ ผ่าน “4 รัฐมนตรี กับ 4 ประเด็นทางรัฐธรรมนูญ” ดังนี้ครับ
1. จริงหรือที่รัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติ :
หากไปพลิกดูแต่เพียงแค่บทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ หลายท่านก็อาจจะบอกว่ากรณี 4 รัฐมนตรีไม่จำต้องลาออก ไม่มีข้อห้ามเหมือนตำแหน่งอื่นๆ แต่การพิจารณาทำนองนี้เป็นเพียงเพราะไปมุ่งเน้นพิจารณาเพียงแค่เรื่องของ “คุณสมบัติ” หรือ “ลักษณะการกระทำ” แต่ต้องไม่ลืมว่าในฐานะรัฐมนตรี ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่นั้นรัฐธรรมนูญได้มีการวางกรอบ “หลักการพื้นฐานในการใช้อำนาจของฝ่ายบริหาร” ผ่าน “ม.164 (3)” ซึ่งหาได้เป็นข้อยกเว้นในบทเฉพาะกาลที่รัฐมนตรีจะหลีกเลี่ยงไม่พึงต้องกระทำได้ กล่าวให้ขัดเจนยิ่งขึ้น รัฐมนตรีจำต้องปฏิบัติตาม “หลักการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี” หรือ “good governance” ที่มีเรื่อง “ความโปรงใสและการตรวจสอบได้” เป็นองค์ประกอบย่อย โดยหลักการนี้มีเจตนารมณ์ เพื่อควบคุมกำกับการใช้อำนาจของฝ่ายบริหาร ทั้งนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นใจต่อประชาชนว่าตนจะมิได้มีการใช้อำนาจตามอำเภอใจ อันเป็นการสอดคล้องกับหลักกฎหมายมหาชนทั่วไปด้วย ยังมิพักที่จะกล่าวการเทียบเคียงกับมาตรา ม.169 ให้เห็นถึง “เจตจำนง” ของรัฐธรรมนูญที่พยายามควบคุมมิให้รัฐมนตรีที่โดยธรรมชาติอยู่ในตำแหน่งแห่งที่ที่อาจหมิ่นเหม่ ต่อการใช้อำนาจตนเองไปในการก่อให้เกิดประโยชน์ส่วนตนในด้านการเลือกตั้งได้
2. จำต้องคำนึงถึงการปฏิรูปการเมือง :
อันที่จริงถือเป็นวัตถุประสงค์ของรัฐธรรมนูญปัจจุบันที่มีการกำหนดไว้ค่อนข้างชัดเจนใน ม.258 เรื่องการปฏิรูปการเมือง ที่ต้องให้การดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมืองเป็นไปโดยโปร่งใสตรวจสอบได้ ประกอบกับประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีที่ประกาศแผนการปฏิรูปดังกล่าวในรายละเอียดที่มีการเน้นถึง “แนวคิดการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี” ในฐานะคุณธรรมและจริยธรรมที่นักการเมืองพึงยึดถือเป็นสรณะ ดังนั้นการกระทำใดๆ ที่เป็นการบั่นทอน หรือก่อให้เกิดความสงสัยต่อความโปร่งใสตรวจสอบได้ ก็ไม่น่าจะสอดคล้องกับเจตจำนงของรัฐธรรมนูญที่มุ่งปฏิรูปการเมืองข้างต้น อันอาจส่งผลต่อความขัดแย้งในทางการเมืองได้
3. แนวคิดการขัดกันของผลประโยชน์ (conflict of interest) :
แนวคิดนี้เป็นแนวคิดพื้นฐานทางกฎหมายรัฐธรรมนูญที่นำไปสู่การมีบทบัญญัติต่างๆ มากมายในรัฐธรรมนูญทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยของเราด้วย ไม่ว่าจะเป็นบทบัญญัติว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะ (การกระทำ) ต้องห้ามต่างๆ บทบัญญัติว่าด้วยการขัดกันของผลประโยชน์ ฯลฯ โดยแนวคิดนี้เรียกร้องมิให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางรัฐธรรมนูญ (กรณีนี้คือฝ่ายบริหาร) มีลักษณะของการกระทำเพื่อให้ได้มา หรือก่อให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยอย่างมีนัยสำคัญต่อการกระทำใดๆ ว่าอาจได้มาซึ่งผลประโยชน์ผ่านการกำหนดนโยบายในฐานะของฝ่ายบริหาร ทั้งหมดนี้ก็เพื่อกำกับมิให้ผู้ดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ ใช้อำนาจโดยไร้ขอบเขตอันเป็นการอันตรายต่อระบอบรัฐธรรมนูญที่กำหนดขึ้นภายใต้หลักการแบ่งแยกอำนาจ (separation of powers) และรักษาไว้ซึ่งเจตจำนงของประชาชนที่แสดงออกผ่านสัญญาประชาคมอย่างรัฐธรรมนูญ
4.นี่คือการสร้างธรรมเนียมปฏิบัติทางการเมือง :
หากท่านยืนยันว่ากรณีที่เกิดขึ้นกับ 4 รัฐมนตรี ไม่มีบทบัญญัติทางด้านรัฐธรรมนูญกล่าวถึงไว้ ในทางหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญท่านก็ต้องเข้าใจด้วยว่า การกระทำ หรือการปฏิบัติของเหล่าบรรดาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในห้วงเวลาใดห้วงเวลาหนึ่งโดยธรรมชาติแล้วเป็นการ “สร้างกฎเกณฑ์ทางการเมือง” ขึ้น โดยในทางหลักการเราเรียกว่า “ธรรมเนียมปฏิบัติทางรัฐธรรมนูญ” (constitutional convention) “อันจะมีผลไม่มากก็น้อยต่อผู้ดำรงตำแหน่ง หรือนักการเมืองต่างๆ ในวันข้างหน้าในการที่จะประพฤติปฏิบัติตาม”
ดังเช่น กรณีของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ วอร์ชิงตัน ของประเทศสหรัฐอเมริกาที่ได้สร้างธรรมเนียมปฏิบัติทางการเมือง หรือทางรัฐธรรมนูญขึ้นด้วยการดำรงตำแหน่งเพียงแค่ 2 สมัย อันนำไปสู่การปฏิบัติตามรวมถึงการนำไปบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกา
คำถามที่ว่าทั้ง 4 ท่านพึงลาออกหรือไม่ หรือไม่ต้องลาออก เพียงแค่ใช้เวลานอกราชการทำงานทางด้านพรรคการเมืองเท่านั้น ก็พอนั้น ขึ้นอยู่กับท่านว่าสามารถอธิบายต่อ 4 ประเด็นข้างต้นได้อย่างชัดเจนหรือไม่ครับ