คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
ผมเคยนับถือศาสนาพุทธมาก่อน ทุกวันนี้ผมยังเชื่อว่าคำสอนแท้ของพระพุทธเจ้าเป็นคำสอนที่ประเสริฐ
เพียงแต่ว่าผมอาจจะรับคำสอนของพระพุทธเจ้ามาไม่ครบถ้วน ทำให้ผมยังต้องแสวงหาสิ่งที่ขาดหายไป เพื่อมาเติมเต็มในชีวิตผมให้สมบูรณ์
แล้วในที่สุดผมก็มาพบกับความรักของพระเยซูคริสต์ ซึ่งป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ที่มีแต่ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ทำให้ผมดำเนินชีวิตอย่างมีสันติสุข
ไม่เพียงแต่ผมจะอธิษฐานและอ่านคัมภีร์ไบเบิลอยู่เป็นประจำ แต่ผมยังปฏิบัติตามคำสอนบางอย่างของพระพุทธเจ้า เช่น ให้ความเมตตากรุณาแก่
มนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย เดินในทางสายกลาง และดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท รวมทั้งเดินจงกรมและนั่งสมาธิบ้างเป็นบางครั้ง
แต่ผมไม่กราบไหว้หรือบูชาพระพุทธรูปและรูปเคารพใดๆทั้งสิ้น โดยที่ผมเพียงแต่นึกถึงคุณความดีที่ท่านเหล่านั้นได้กระทำให้แก่แผ่นดิน
ผมจึงเป็น "คริสเตียนที่นับถือปรัชญาทางพุทธ"
***ผมขอเสนอแนวทางในการดำเนินชีวิตคริสเตียน ที่นับถือปรัชญาทางพุทธให้ท่านพิจารณา ดังนี้
ผมเป็นคริสเตียนที่มีความเชื่อดังนี้
1. พระเยซูคริสต์ทรงเป็น "พระเจ้าผู้ประเสริฐ (God)" "เป็นผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด" "เป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง" และ "เป็นพระเจ้าผู้ประเสริฐเพียงองค์เดียว"
2. พระเยซูคริสต์รักมนุษย์ทุกคนมาก จิตใจของพระองค์เต็มเปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา พระองค์ต้องการให้ทุกคนมีความสุขและหลุดพ้นจากความทุกข์
3. พระเยซูคริสต์ต้องการให้มนุษย์ดำเนินชีวิตในทางชอบธรรม ด้วยการปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ ซึ่งสรุปเป็นข้อเดียวคือ "รักทุกคน"
และวางใจในพระองค์ ด้วยการทำตามน้ำพระทัย (พระประสงค์) ของพระองค์ เพื่อให้มนุษย์ดำเนินชีวิตได้ดีและมีสันติสุข (มีความสุขอย่างแท้จริง)
มนุษย์สามารถนมัสการพระเจ้าผู้ประเสริฐด้วยจิตวิญญาณ โดยการนึกถึงพระคุณของพระเยซูคริสต์ที่มีต่อเราและมนุษย์ทั้งโลก
จากการที่พระองค์มารับบาปแทนมนุษย์ด้วยการยอมถูกตรึงตายบนไม้กางเขน เพื่อเปลี่ยนมนุษย์จากคนบาปให้เป็นคนชอบธรรม
เมื่อผู้ใดรับเชื่อพระเยซูคริสต์แล้ว ผู้นั้นจึงเป็นคนชอบธรรม แล้วมุ่งทำแต่ความดี จึงส่งผลให้ดำเนินชีวิตได้ดีและมีสันติสุข
เมื่อคนชอบธรรมตายแล้ว พระเยซูคริสต์ก็จะรับวิญญาณผู้นั้นไปอยู่ในสวรรค์ชั่วนิรันดร์ ส่วนคนบาปเมื่อตายแล้วจะต้องตกนรกชั่วนิรันดร์
4. เราสามารถพิสูจน์ว่าพระเจ้าผู้ประเสริฐมีจริงหรือไม่ด้วยตนเอง ดังนี้
(1) เมื่อเราขอให้พระเยซูคริสต์เป็นผู้นำชีวิตของเราแล้ว ชีวิตของเราจะต้องดีขึ้นและมีสันติสุข
(2) หากเรามีปํญหาใหญ่หรือเรื่องเร่งด่วน แล้วเราไม่สามารถจัดการได้ด้วยกำลังของตนเอง หลังจากพยายามอย่างเต็มที่แล้ว
รวมทั้งเราไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากคนอื่นได้ หรือขอความช่วยเหลือจากคนอื่นแล้วแต่ไม่สำเร็จ
ดังนั้นเราสามารถขอความช่วยเหลือจากพระเยซูคริสต์ได้ แต่จะต้องไม่ขอเพื่อสนองกิเลสตัณหาของตัวเราหรือผู้อื่น
โดยมีเงื่อนไขว่าสิ่งที่เราขอจะต้องมีองค์ประกอบครบ 3 อย่าง ได้แก่ เป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่จำเป็น และเป็นสิ่งที่เหมาะสม
เมื่อเราขอความช่วยเหลือจากพระเยซูคริสต์แล้ว พระองค์ก็จะช่วยเหลือเราด้วยการอัศจรรย์
โดยที่พระเยซูคริสต์จะช่วยเหลือแบบให้เปล่า และหวังให้เราช่วยเหลือคนอื่นในทางที่ดีต่อไป
โดยสิ่งที่พระเยซูคริสต์ช่วยเหลือเรา อาจจะไม่ตรงกับสิ่งที่เราขอ แต่จะเป็นสิ่งที่ดีและเหมาะสมกับเราอย่างแท้จริง
ท่านสามารถศึกษาคัมภีร์ไบเบิลได้จากลิ้งค์นี้ครับ http://www.ireadbible.org/
โดยคัมภีร์ไบเบิล (พระคริสตธรรมคัมภีร์) ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ
(1) ภาคพันธสัญญาเดิม (ก่อนพระเยซูคริสต์ประสูติ)
(2) ภาคพันธสัญญาใหม่ (หลังพระเยซูคริสต์ประสูติ)
สำหรับผู้ที่เริ่มศึกษาคัมภีร์ไบเบิล ขอแนะนำให้อ่านภาคพันธสัญญาใหม่ก่อนครับ เนื่องจากเข้าใจง่ายและมีจำนวนหน้าน้อยกว่ามาก
โดยเน้นในพระกิตติคุณ 4 เล่มแรกก่อน ประกอบด้วยหนังสือ มัทธิว มาระโก ลูกา และยอห์น (โดยอ่านหลายๆรอบก่อน แล้วจึงไปอ่านเล่มอื่น)
หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามจากผู้นำคริสตจักรทุกแห่งในวันอาทิตย์ (เราเรียกตำแหน่งนี้ว่า "ศิษยาภิบาล")
สอบถามคริสตจักรใกล้บ้านพร้อมเบอร์โทรติดต่อ ได้ที่สมาคมพระคริสตธรรมไทย โทร 02 279 8341-4 http://www.thaibible.or.th
หากท่านสนใจที่จะศึกษาทางของพระเยซูคริสต์ในเบื้องต้น ซึ่งผมเชื่อว่าเป็นทางที่มีสันติสุขอย่างแท้จริง
สามารถศึกษาได้ตามลิ้งค์นี้ครับ https://pantip.com/topic/36545170/comment1 และ 2
***ผมมีความเชื่อบางอย่างต่างจากคริสเตียนส่วนใหญ่ โดยเกิดจากการตีความในคัมภีร์ไบเบิลบางตอนต่างกัน***
ขอพระเจ้าผู้ประเสริฐประทานสันติสุขให้แก่ท่าน
ในความรักของพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นพระเจ้าผู้ประเสริฐ
เพียงแต่ว่าผมอาจจะรับคำสอนของพระพุทธเจ้ามาไม่ครบถ้วน ทำให้ผมยังต้องแสวงหาสิ่งที่ขาดหายไป เพื่อมาเติมเต็มในชีวิตผมให้สมบูรณ์
แล้วในที่สุดผมก็มาพบกับความรักของพระเยซูคริสต์ ซึ่งป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ที่มีแต่ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ทำให้ผมดำเนินชีวิตอย่างมีสันติสุข
ไม่เพียงแต่ผมจะอธิษฐานและอ่านคัมภีร์ไบเบิลอยู่เป็นประจำ แต่ผมยังปฏิบัติตามคำสอนบางอย่างของพระพุทธเจ้า เช่น ให้ความเมตตากรุณาแก่
มนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย เดินในทางสายกลาง และดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท รวมทั้งเดินจงกรมและนั่งสมาธิบ้างเป็นบางครั้ง
แต่ผมไม่กราบไหว้หรือบูชาพระพุทธรูปและรูปเคารพใดๆทั้งสิ้น โดยที่ผมเพียงแต่นึกถึงคุณความดีที่ท่านเหล่านั้นได้กระทำให้แก่แผ่นดิน
ผมจึงเป็น "คริสเตียนที่นับถือปรัชญาทางพุทธ"
***ผมขอเสนอแนวทางในการดำเนินชีวิตคริสเตียน ที่นับถือปรัชญาทางพุทธให้ท่านพิจารณา ดังนี้
ผมเป็นคริสเตียนที่มีความเชื่อดังนี้
1. พระเยซูคริสต์ทรงเป็น "พระเจ้าผู้ประเสริฐ (God)" "เป็นผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด" "เป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง" และ "เป็นพระเจ้าผู้ประเสริฐเพียงองค์เดียว"
2. พระเยซูคริสต์รักมนุษย์ทุกคนมาก จิตใจของพระองค์เต็มเปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา พระองค์ต้องการให้ทุกคนมีความสุขและหลุดพ้นจากความทุกข์
3. พระเยซูคริสต์ต้องการให้มนุษย์ดำเนินชีวิตในทางชอบธรรม ด้วยการปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ ซึ่งสรุปเป็นข้อเดียวคือ "รักทุกคน"
และวางใจในพระองค์ ด้วยการทำตามน้ำพระทัย (พระประสงค์) ของพระองค์ เพื่อให้มนุษย์ดำเนินชีวิตได้ดีและมีสันติสุข (มีความสุขอย่างแท้จริง)
มนุษย์สามารถนมัสการพระเจ้าผู้ประเสริฐด้วยจิตวิญญาณ โดยการนึกถึงพระคุณของพระเยซูคริสต์ที่มีต่อเราและมนุษย์ทั้งโลก
จากการที่พระองค์มารับบาปแทนมนุษย์ด้วยการยอมถูกตรึงตายบนไม้กางเขน เพื่อเปลี่ยนมนุษย์จากคนบาปให้เป็นคนชอบธรรม
เมื่อผู้ใดรับเชื่อพระเยซูคริสต์แล้ว ผู้นั้นจึงเป็นคนชอบธรรม แล้วมุ่งทำแต่ความดี จึงส่งผลให้ดำเนินชีวิตได้ดีและมีสันติสุข
เมื่อคนชอบธรรมตายแล้ว พระเยซูคริสต์ก็จะรับวิญญาณผู้นั้นไปอยู่ในสวรรค์ชั่วนิรันดร์ ส่วนคนบาปเมื่อตายแล้วจะต้องตกนรกชั่วนิรันดร์
4. เราสามารถพิสูจน์ว่าพระเจ้าผู้ประเสริฐมีจริงหรือไม่ด้วยตนเอง ดังนี้
(1) เมื่อเราขอให้พระเยซูคริสต์เป็นผู้นำชีวิตของเราแล้ว ชีวิตของเราจะต้องดีขึ้นและมีสันติสุข
(2) หากเรามีปํญหาใหญ่หรือเรื่องเร่งด่วน แล้วเราไม่สามารถจัดการได้ด้วยกำลังของตนเอง หลังจากพยายามอย่างเต็มที่แล้ว
รวมทั้งเราไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากคนอื่นได้ หรือขอความช่วยเหลือจากคนอื่นแล้วแต่ไม่สำเร็จ
ดังนั้นเราสามารถขอความช่วยเหลือจากพระเยซูคริสต์ได้ แต่จะต้องไม่ขอเพื่อสนองกิเลสตัณหาของตัวเราหรือผู้อื่น
โดยมีเงื่อนไขว่าสิ่งที่เราขอจะต้องมีองค์ประกอบครบ 3 อย่าง ได้แก่ เป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่จำเป็น และเป็นสิ่งที่เหมาะสม
เมื่อเราขอความช่วยเหลือจากพระเยซูคริสต์แล้ว พระองค์ก็จะช่วยเหลือเราด้วยการอัศจรรย์
โดยที่พระเยซูคริสต์จะช่วยเหลือแบบให้เปล่า และหวังให้เราช่วยเหลือคนอื่นในทางที่ดีต่อไป
โดยสิ่งที่พระเยซูคริสต์ช่วยเหลือเรา อาจจะไม่ตรงกับสิ่งที่เราขอ แต่จะเป็นสิ่งที่ดีและเหมาะสมกับเราอย่างแท้จริง
ท่านสามารถศึกษาคัมภีร์ไบเบิลได้จากลิ้งค์นี้ครับ http://www.ireadbible.org/
โดยคัมภีร์ไบเบิล (พระคริสตธรรมคัมภีร์) ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ
(1) ภาคพันธสัญญาเดิม (ก่อนพระเยซูคริสต์ประสูติ)
(2) ภาคพันธสัญญาใหม่ (หลังพระเยซูคริสต์ประสูติ)
สำหรับผู้ที่เริ่มศึกษาคัมภีร์ไบเบิล ขอแนะนำให้อ่านภาคพันธสัญญาใหม่ก่อนครับ เนื่องจากเข้าใจง่ายและมีจำนวนหน้าน้อยกว่ามาก
โดยเน้นในพระกิตติคุณ 4 เล่มแรกก่อน ประกอบด้วยหนังสือ มัทธิว มาระโก ลูกา และยอห์น (โดยอ่านหลายๆรอบก่อน แล้วจึงไปอ่านเล่มอื่น)
หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามจากผู้นำคริสตจักรทุกแห่งในวันอาทิตย์ (เราเรียกตำแหน่งนี้ว่า "ศิษยาภิบาล")
สอบถามคริสตจักรใกล้บ้านพร้อมเบอร์โทรติดต่อ ได้ที่สมาคมพระคริสตธรรมไทย โทร 02 279 8341-4 http://www.thaibible.or.th
หากท่านสนใจที่จะศึกษาทางของพระเยซูคริสต์ในเบื้องต้น ซึ่งผมเชื่อว่าเป็นทางที่มีสันติสุขอย่างแท้จริง
สามารถศึกษาได้ตามลิ้งค์นี้ครับ https://pantip.com/topic/36545170/comment1 และ 2
***ผมมีความเชื่อบางอย่างต่างจากคริสเตียนส่วนใหญ่ โดยเกิดจากการตีความในคัมภีร์ไบเบิลบางตอนต่างกัน***
ขอพระเจ้าผู้ประเสริฐประทานสันติสุขให้แก่ท่าน
ในความรักของพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นพระเจ้าผู้ประเสริฐ
แสดงความคิดเห็น
เพื่อนๆคิดอย่างไร คนเดียวนับถือ 2 ศาสนา คือ เป็นทั้ง คริสเตียน และ พุทธ (หวังเพียงเป็นคนดีในทางโลก หากไม่นิพพานก็รับได้)