ข้อแนะนำ การเรียนต่อมัธยมฯในแคนาดา

ข้อแนะนำการเรียนต่อแคนาดาระดับมัธยมฯ

คงไม่ต้องเขียนว่า ทำไมต้องมาเรียนที่แคนาดานะคะ เพราะคุณจิ้มเข้ามาอ่านแล้ว คงมีความสนใจและความรู้เรื่องแคนาดามาประมาณหนึ่งเนอะ

โรงเรียนมัธยมฯในแคนาดาจะเปิดเรียนในช่วงอาทิตย์แรกของเดือนกันยายน จนถึงเดือนมิถุนายน(ใช้เวลาเรียนประมาณ 10 เดือน)

โรงเรียนเอกชนจะมีเครื่องแบบนักเรียน ซึ่งค่าเล่าเรียนจะแพงกว่าโรงเรียนของรัฐบาล

โรงเรียนรัฐบาล เรียนฟรี(สำหรับซิติเซ่นหรือพีอาร์) ไม่มีเครื่องแบบ แต่มีกฎระเบียบบางประการ(dress code)

ก่อนจะเรียนจบเกรดสิบสอง นักเรียนทุกคนควรมีชั่วโมงสะสมในการบริการสาธารณะ (volunteers)
ซึ่งสามารถใช้อ้างอิงเป็น reference ที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการเรียนต่อระดับอุดมศึกษาหรือการทำงานได้

การเตรียมตัวก่อนมาเรียนที่แคนาดา

1.การบรรจุเด็กเข้าในชั้นเรียนจะนับที่ปีที่เด็กเกิด จะรวมเด็กที่เกิดปีเดียวกันอยู่ในระดับชั้นเรียนเดียวกัน
เช่น เด็กเกิดวันที่ 1 มกราคม 2005 กับเด็กที่เกิดวันที่ 31 ธันวาคม 2005 จะเรียนในระดับ เกรด 9(เท่ากับ มัธยม 3 ในไทย)
-เด็กจากไทยบางคนเรียนที่ไทย มอ 2 มาถึงที่นี่ ขึ้นมอ 3. เลย
-การบ้านค่อนข้างจะเยอะในทุกๆวัน แต่ไม่มีกองการบ้านในวันสุดสัปดาห์ เป็นข้อดี เด็กที่นี่ไม่นิยมการเรียนพิเศษหลังเลิกเรียนหรือเสาร์อาทิตย์
แต่เด็ก(เชื้อสาย)เอเซีย เช่น จีน เกาหลี ญี่ปุ่น อินเดีย มักจะถูกพ่อแม่ส่งไปเรียนพิเศษหลังเลิกเรียน เป็นการเรียนเพิ่มเติมแก้ไขข้อยกพร่องในวิชาต่างๆ แต่ไม่ใช่การเรียนเพื่อเตรียมสอบเข้าระดับอุดมศึกษา
การยื่น transcripts ในการเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยในแคนาดาหรืออเมริกา จะเริ่มนับตั้งแต่เกรด 10-12 (มอ 4- มอ 6)

ขอแนะนำว่า ให้มาเรียนตั้งแต่เกรด 9 จะทำให้น้องๆมีความพร้อมก่อนเรียนแบบจริงจังในเกรด 10 ค่ะ
เพราะจะได้มีเพื่อนบ้าง ดีกว่ามาปุ๊ปก็ช๊อคเลยเพราะไม่มีเพื่อน เข้ากับใครไม่ได้ เวลาจับกลุ่มทำงานกลุ่ม จะได้ไม่เครียด

2.ผปค. ควรรีบเตรียมความพร้อมเรื่องเอกสาร เช่น ข้อมูลสนับสนุนทางการเงิน (เพื่อการขอวีซ่าและ study permit)
ระยะเวลาในการติดต่อโรงเรียน (ไม่ว่าจะติดต่อเอง หรือใช้เอเจนซี่)

ควรเริ่มได้ตั้งแต่ต้นปี ในการเลือกดูโรงเรียน ว่าจะเอกชนหรือรัฐบาล ค่าเรียนแตกต่างกัน

ด้านค่าเล่าเรียน
รัฐบาลประมาณ 15,00-16,000$ ต่อปี
เอกชนก็จะมากกว่าประมาณ 20-30%

ค่าประกันสุขภาพ
ปัจจุบันมักจะรวมไปในค่าเล่าเรียนแล้ว

ค่าที่พักและอาหารสามมื้อของโฮมสเตย์
ประมาณเดือนละ 800-1200$ ขึ้นอยู่กับทำเล

การเดินทางไปโรงเรียน
ส่วนมากเอเจนซี่จะพยายามให้อยู่ในระยะที่นักเรียนสามารถเดินไปโรงเรียนได้เองไปเกิน 15 นาที
ถ้าไกลจากนั้น หากโชคดี โฮสอาจจะขับรถไปส่ง แต่ระดับมัธยม เด็กๆจะจะนั่งรถเมล์ไปเอง (ออกค่าใช้จ่ายเอง)

ระยะการเตรียมส่งเอกสาร
หลังบุตรหลานสำเร็จการศึกษาในปีนั้น น่าจะเป็นเดือนมีนาคม เพราะเราจะต้องใช้ใบ transcripts ในการยื่นสมัครเรียน  

หาก ผปค เข้าใจในเอกสารภาษาอังกฤษ การติดต่อสมัครเรียน ไม่ยากเลย สามารถติดต่อได้ด้วยตัวเอง ข้อดีคือ เราจะไม่ถูกเอเจนซี่กล่อมให้ไปเรียนที่ๆเราไม่ชอบ และไม่ถูกใจ แม้ว่าเราจะขอโรงเรียนแบบที่เราต้องการ ในเมืองที่เราต้องการ แค่มักจะถูกมัดมือชกในนาทีสุดท้าย ได้ไปเรียนโรงเรียนrank ต่ำๆ (เพราะเอเจนซี่เป็นตัวแทนของโรงเรียนนั้นๆ ได้ค่าคอมมิชชั่น) บางโรงเรียนที่เราขอไป แต่เอเจนซี่ไม่มีคอนเนคชั่น ทำให้เอกสารล่าช้าไปซ่ะงั้น

แต่หากเราไม่ถนัดเรื่องของภาษา การใช้บริการของเอเจนซี่ เป็นเรื่องที่สะดวกกว่า
แต่เราก็ต้องศึกษาข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ไม่มีกฎหมายใดๆ บังคับคุณว่า ต้องใช้บริการเอเจนซี่เดียว ขอข้อมูลกว้างๆเยอะๆ กลับมาคุยกับบุตรหลานที่บ้าน ให้น้องได้มีโอกาสได้มีส่วนร่วมในการเลือกและตัดสินใจ และทำให้เรามีข้อมูลในมือในการต่อรองและคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุด

ปกติ แต่ก่อนการใช้บริการเอเจนซี่เหล่านี้ ก่อนเราเซ็นต์สัญญาให้เค้าเป็นตัวแทนของเรา ขอให้คุยกับให้ชัดเจนเรื่องค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น เช่น ค่าธรรมเนียมวีซ่าและใบอนุญาตนักเรียน (study permit) ค่าใบสมัครโรงเรียน ค่าใบสมัครโฮมสเตย์ ค่าธรรมเนียมต่างๆ และค่าบริการของเอเจนซี่
และอื่นๆ และควรมีเอกสารค่าธรรมเนียมเหล่านี้เป็นลายลักษณ์อักษรแสดง

ระหว่างรอวีซ่าและ study permit
หลังจากยื่นเอกสารทั้งสองอย่างแล้ว

นักเรียนคอรส์เกิน 6 เดือนในแคนาดา ทุกคนจะต้องทำการตรวจสุขภาพ ในสถานพยาบาลที่สถานทูตกำหนดเท่านั้น

หลังจากยื่นเอกสารไปสักพัก อาจจะใช้ระยะเวลาเป็น 2-6 สัปดาห์
แล้วทางสถานทูตจะทำการติดต่อให้นักเรียนไปรับเอกสารตรวจสุขภาพ

หลังจากเราจะต้องรีบนัดสถานพยาบาลนั้นๆและยื่นแบบฟอร์มที่สถานทูตออกให้เราต่อสถานพยาบาลนั้นๆ
หมอที่ทำการตรวจสุขภาพจะเป็นผู้กรอกเอกสารและจะส่งเอกสารนั้นกลับไปที่สถานทูตเอง

เป็นที่คาดการณ์ได้ประมาณหนึ่งว่า การริดต่อให้ไปรับเอกสารตรวจสุขภาพ
คือเราผ่านด่านของความสำเร็จในโอกาสที่จะได้วีซ่าเรียนต่อแคนาดาไปถึง 80-90% แล้ว
เหลือแต่ว่า สุขภาพของน้องแข็งแรงพอ ไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง หรือปอดไม่เป็นจุด
(เคยมีเด็กที่มาไม่ทันเรียน เพราะสภาพปอดมีปัญหาค่ะ) ต้องไปรักษาปอดจนหายแล้วถึงจะได้มาเรียน
ระยะเวลาในการรอผลการตรวจสุขภาพ ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ขอวีซ่าในช่วงนั้นๆด้วย
อาจจะถึง 4-6 อาทิตย์ ถึงขั้นเปลี่ยนตั๋วเครื่องบินกันสามสี่รอบก็บ่อยค่ะ
*** ดังนั้น 4-5 เดือนก่อนโรงเรียนเปิดเทอม (กันยายน) ก็เป็นเวลาที่เหมาะสมค่ะ

ช่วงมาแคนาดา
1. ควรเลือกเมืองที่ไม่หนาวเกินไป ไม่ไกลเกินไป เลือกเมืองที่เหมาะกับสภาพนิสัยของบุตรหลานนะคะ
ถ้าเค้าชอบธรรมชาติหรือชอบแบบเมือง ก็ต้องคุยกัน ให้เข้าใจ
2. การอยู่กับโฮมสเตย์ หากเข้ากันไม่ได้ สามารถเปลี่ยนโฮมสเตย์ได้ แต่อาจจะต้องเสียค่าใช้จ่าย (ประมาณ 300-500$)
3. คำเตือนเรื่องโฮมสเตย์ ห้ามปล่อยเด็กอยู่บ้านคนเดียวในตอนกลางคืน
ห้ามมาใช้เราเลี้ยงหมาหรือลูกของเค้า ไม่ใช่หน้าที่ของเราเด็ดขาด
(แต่ถ้าจะจ่ายเงินพิเศษจ้าง อันนี้ก็แล้วแต่เรา เรทค่าจ้างของเด็กประมาณ 7-10$ ต่อชั่วโมงค่ะ เงินสด)                  
4. เรื่องอาหาร 3 มื้อ ถ้าทานอาหารเค้าไม่ได้ ต้องแจ้งให้ทราบ  เค้าสามารถเตรียมซื้อให้เราได้บ้าง เช่น เราไม่ดื่มนมวัวเพราะเราแพ้ เปลี่ยนเป็นนมถัวเหลืองหรือ almond milk.      
               มื้อเช้ามักจะเป็น คอนเฟล๊ก ซีเรียล นม แพนเค้ก ผลไม้
                มื้อกลางวันเป็นแซนวิสแพ็คพร้อมเครื่องดื่มและผลไม้ เป็นแบบนี้ทุกวันตลอดปี
              ส่วนมื้อเย็น ก็ตามแต่สไตล์โฮส อย่างที่บอก ถ้าไม่ทานเนื้อสัตว์ ก็บอกโฮส แต่ปกติแล้วก่อนจะได้โฮมาเคย์ เราควรแจ้งเอเจนซี่ไว้แล้ว
5. วันหยุดเสาร์อาทิตย์ โฮสใจดีอาจจะมีพาเราไปเที่ยวตามที่ต่างๆ แต่ไม่ได้เป็นข้อบังคับ
6. นักเรียนอินเตอร์ระดับมัธยม ไม่ได้รับอนุญาตในการทำงานได้ในแคนาดา แต่ทำงานอาสาสมัคร volunteer ได้โดยไม่ได้รับค่าแรง

ข้อแนะนำที่เขียนมาพอสังเขป น่าจะมีประโยชน์กับ ผปค ที่กำลังคิดจะส่งบุตรหลานมาเรียนที่แคนาดากัน

หากสงสัยหรืออยากทราบข้อมูลเพิ่มเติม ก็อินบ๊อกมาถามได้ ยินดีค่ะ
ปัจจุบันเราอาศัยอยู่ใน แวนคูเวอร์ บริติชโคลัมเบีย แคนาดาและไม่ใช่เอเจนซี่ค่ะ ด้วยความเคารพ

กันยายน 2018

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่