เมื่อเสียรู้มิจฉาชีพ โอนเงินมัดจำจองรถ แล้วหายติดต่อไม่ได้ !!

กระทู้สนทนา
ก่อนอื่นเลยคือพ่อเราอยากได้รถกระบะ รุ่นเก่า เป็น isuzu TFR ฝาทอง เพื่อนำมาใช้บรรทุกของที่บ้าน เพราะรุ่นนี้ประหยัดน้ำมัน พอคุยกับพ่อว่างบของเราประมาณเท่าไหร่ ก็เริ่มค้นหารถรุ่นนี้ทันที หาจากทาง facebook และ เว็ปต่างๆ จนมาเจออยู่คันนึง เจอผ่านทางเว็ป เราอ่านรายละเอียดและดูรูปรถ คิดว่าโอเค ตอบโจทย์ เราก็ติดต่อไปตามเบอร์โทรที่แจ้งไว้ โทรอยู่หลายครั้งมาก จนรับสาย เราก็คุยถามรายละเอียดเพิ่มเติม และต่อรองราคา แต่เมื่อปลายสายคือมิจฉาชีพ เขาก็พูดกับเราว่า คือตอนนี้มีคนสนใจและพร้อมโอนมัดจำอยู่ และเค้าจะโอนมาภายในครึ่ง ชม. นี้  เราก็บอกกลับไปว่าแต่เราเอาแน่นอนนะคะ เราพร้อมไปดูรถ และ รับรถได้ภายในวันนี้เลยนะคะ เขาบอกว่างั้นเอางี้นะครับ โอนเงินมัดจำก่อนมั้ย เพราะจะได้มั่นใจว่าจะมาจริงๆ แล้วผมจะได้ปิดการขาย เราเองในนาทีนั้นก็ไม่คิดไตร่ตรองอะไร กลัวแค่จะโดนตัดหน้า ก็ตัดสินใจขอเลขบัญชีการโอน แล้วขอไลน์ เพื่อติดต่อ แต่เขาบอกว่า โทรศัพท์เสีย เอาเครื่องสำรองมาใช้ พอเราถามว่าเลขบัญชีนี่ชื่ออะไรคะ เขาบอกว่า เป็นชื่อบัญชีแฟนผมเองครับ เราก็ถามต่อว่า ถ้าโอนแล้วจะให้ส่งสลิปการโอนที่ไหนอ่ะคะ เขาบอกว่าเดี๋ยวมี sms แจ้งครับไม่ต้องห่วง เราก็ไม่คิดอะไรให้รอบคอบ ใจเร็วรีบโอนเงินไปเป็นค่ามัดจำ 3,000 บาท พอโอนเงินเสร็จ เราก็โทรกลับไป เขาก็บอกรายละเอียดว่าต้องมาเจอที่ไหน พูดคุยตกลงกันเสร็จ ก็วางสายไป หลังจากนั้นเราก็บอกกับพ่อว่าได้รถแล้วนะ โอนเงินมัดจำไปแล้ว เดี๋ยวเราไปดูรถกัน พ่อเราก็ขับรถออกไปเบิกเงิน ส่วนเราก็รีบอาบน้ำแต่งตัว ซักประมาณ 10:30 น. เราก็ติดต่อไป แต่ไม่รับสาย พยายามโทรอยู่หลายครั้ง ติดบ้าง ไม่ติดบ้าง ในใจก็คิดว่าโดนหลอกแล้วแน่ๆ โทรอยู่ประมาณ 1 ชม. จน 11:30 น. เราตัดสินใจไปตามที่อยู่ที่ลงไว้ เราอยู่ฉะเชิงเทราค่ะ ทางมิจฉาชีพ อยู่ นครนายก เราขับรถไปประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็ไปถึงหมู่บ้านที่เขาระบุไว้ในเว็ป ขับรถเข้าไปก็พอจะรู้สึกตัวแล้วว่าโดนหลอกแน่นอน 100% เพราะที่อยู่ที่เขาลงไว้ คือ 45/8 แต่เลขที่บ้านแต่ละหลัง ขึ้นต้นด้วย 75/ ... เราก็จอดรถถามคนในหมู่บ้าน คือ ไม่มีบ้านเลขที่นี้ ถามเอาจากคนแถวนั้น ตอบเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า โดนหลอกแล้วลูก มีคนมาถามหาบ้านเลขที่นี้ทุกวัน ขับวนมาดูแบบนี้แหละ เรานี่หน้าชาเลย ก็รีบโทรหาเพื่อนที่เป็นตำรวจ เพื่อนก็แนะนำเบื้องต้นว่าต้องมาแจ้งความก่อน เราก็โทรไปที่ธนาคาร ทางธนาคารก็ให้คำแนะนำว่าต้องเอาสลิปการโอนเงินไปแจ้งความ แล้วบอกรายละเอียดว่าเราได้โอนเงินจำนวนนี้ไปเพราะอะไร แล้วนำใบแจ้งความมายื่นกับทางธนาคาร สาขาใดก็ได้ที่ใกล้บ้านแล้วทางตำรวจกับธนาคารจะเป็นผู้ติดตามปลายทาง บช ที่เราโอนเงินไปมาพูดคุยไกล่เกลี่ย แต่ถ้าเขาไม่ยอมรับก็ฟ้องร้องกันต่อไป พอทราบข้อมูลเบื้องต้น เราก็ขับรถกลับบ้านเพื่อจะมาแจ้งความ ในนาทีนั้น เรารู้สึกโกรธตัวเอง พูดอะไรไม่ออก เราเสียทั้งเวลา เสียทั้งความรู้สึกเพราะเหมือนเราพาพ่อมาลำบากนั่งรถมากับเราเป็นชั่วโมงเพื่อเจอความว่างเปล่า เจอกับเหตุการณ์แบบนี้ แต่พ่อเรากลับถามว่า หิวมั้ย แวะกินข้าวกันเถอะ ก่อนกลับ พ่อยื่นเงิน 3,000 ให้เรา บอกว่าเอาคืนไป เราก็บอกกลับไปว่า หนูจะไปแจ้งความ หนูขอลองทำให้สุดความสามารถของหนูก่อน หนูจะเอาใบแจ้งความไปเช็คว่าเบอร์นี้จดทะเบียนซิมเป็นชื่อใคร จากนั้นเราก็ลองโทรไปทางเว็ปเพื่อขอความช่วยเหลือเบื้องต้น ทางเว็ปก็ให้ทางไอที เช็คเลข IP ให้ ทราบว่าอยู่ที่กรุงเทพ อยู่ทางโซนมหาวิทยาลัยหัวเฉียว ทางเว็ปก็ขอโทษเราที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เราก็ทำได้แค่แนะนำกลับไปว่าควรตรวจสอบ หรือให้สมาชิกยืนยันตัวตนด้วยเลขบัตรประชาชนจะดีกว่าเพราะเป็นเว็ปซื้อขาย มันแน่นอนอยู่แล้วว่าต้องมีมิจฉาชีพแฝงตัวอยู่ แต่อย่างน้อยถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก จะได้มีข้อมูลที่เพียงพอที่จะช่วยเหลือทางผู้ที่เสียหายได้ ..

เราว่าเงิน 3,000 มันอาจไม่ได้มากมายจนเราต้องฟ้องร้อง แต่เราคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้มันไม่มีทางหมดไปได้ บางคนอาจจะมีไหวพริบไม่เสียรู้แบบเรา แต่มันก็ยังต้องมีคนที่เสียรู้แล้วโอนเงินไปแบบเราอีกไม่ใช่น้อยเหมือนกัน คนละ 3,000 หลายๆคน ก็เป็นจำนวนเงินที่เยอะขึ้นได้นะ

ภายในวันนี้เราก็จะเดินทางไปที่ค่ายมือถือเพื่อให้เขาดำเนินการให้ เราคิดว่านี่คือความผิดของเราเองที่ไม่ตรวจสอบอะไรให้ดีซะก่อน คิดว่าเงิน 3,000 จะเป็นเงินที่ซื้อบทเรียนให้กับเรา เราจะต้องได้ความรู้ ได้อะไรจากสิ่งที่เสียไป อย่างน้อยถ้าเกิดเหตุการณ์นี้กับใคร เราก็ยังสามารถบอกเค้าได้ว่าต้องทำแบบไหนยังไงบ้าง ต่อไปนี้คนคิดดี คนซื่อสัตย์หากินอย่างจริงใจ คงอยู่ยากเพราะคนแบบนี้อ่ะค่ะ

มีคำแนะนำดีๆ บอกเราบ้างนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่