เคยเป็นความสบายใจของกันและกันหรือไม่

เคยมีคนนึง ที่เราและเค้า เคยเป็นความสบายใจของกันและกัน ไม่ว่าจะสุข จะทุกข์ เราทั้งคู่ก็ต่างเคยแชร์ด้วยกัน รู้จักกันเมื่อตอนม.5 เพราะเคยเรียนม.ปลาย รร. เดียวกัน ถึงอยู่กันคนละห้อง แต่เมื่อเจอกัน สวนกัน ต่างก็แค่ยิ้มให้กัน เราเริ่มคุยกันตอนจบ ม.ปลาย ซึ่งต่างแยกย้ายไปเรียนในมหาลัยต่างที่ คุยกันทุกๆเรื่อง อย่างไม่มีสถานะ แชร์ทุกๆอย่าง ทั้งๆที่ต่างคนต่างมีคนของใจด้วยกันทั้งคู่ โดยที่เราทั้งคู่ไม่รู้จักหรอก คนของใจอีกฝ่าย แต่เมื่อมีปัญหาไรกัน ก็จะปรึกษากันเสมอๆ จบม.ปลายไปไม่ได้มีโอกาสได้เจอกันเลย ได้คุยแค่ทางโทรศัพท์ที่ค่าโทรแสนแพงและคุยผ่านตัวอักษรสมัย Hi5 ที่บูมๆอยู่ช่วงนั้น มีปัญหาเรื่องเรียนก็เอามาถามไถ่กัน ทั้งๆที่เรียนอยู่คนละสาย คุยกันทุกวันแบบไม่มีสถานะ และแบบไม่มีใครรู้ และคนของใจทั้งสองฝ่ายก็ไม่รู้เช่นกัน
  ช่วงปลายปี2 ทางเราเรียนหนักขึ้น รวมทั้งต้องขึ้นฝึกงานบนหอผู้ป่วยครั้งแรก เครียด กังวล เลยหายจากการคุยกัน นานๆตอบที นานๆคุยกันที จึงทำให้ห่างหายกันไป จนบังเอิญได้เจอกันหลังจากไม่ได้เจอกันเลย 2ปี ในร้านก๋วยจั๊บร้านนึงในตลาด เพราะบังเอิญเค้ามาต่อคิวสั่งก๋วบจั๊บด้านหลังเรา ตอนเราหันจะกลับไปจะหาที่นั่ง ต่างสตั้นอึ้งกันไปชั่ววินาที เป็นทางเค้าที่ยิ้มให้ก่อน ทักเราด้วยคำพูดอ่อนโยน "หายไปไหนมา สบายดีไหม" เราได้แต่ยิ้มและตอบ "สบายดีเธอละ เป็นไงบ้าง" เค้ามองหน้าและตอบ "สั่งก๋วยจั๊บแปบ" เราเลือกที่จะเดินไปหาที่นั่งซึ่งเพื่อนเราได้จองไว้แล้ว ซึ่งโต๊ะข้างเคียงที่เพื่อนไปจองก่อนนั้น เป็นโต๊ะของเค้าที่เพื่อนเค้ามานั่งจองเช่นกัน เพื่อนเราและเพื่อนเค้านั่งหันหลังให้แก่กัน จึงทำให้ทั้งเราและเค้าต้องหันหน้าเข้าหากันโดยปริยาย โดยที่มีเพื่อนของทั้งคู่ บังกันและกันเอาไว้ เค้าเลือกที่จะขยับไปข้างๆโดยที่ยังคงมองเห็นเรา และเราก็มองเห็นกันและกัน นาทีนั้นเหมือนโลกหยุดหมุน เหลือแค่เราทั้งสองมองหน้ากัน โดยไม่มีเสียงใดๆผ่านหู ถึงแม้ความจริงรอบข้างจะเสียงดังแค่ไหนก็ตาม ไม่มีบทสนทนาใดๆผ่านเราทั้งสองนอกเหนือจะหันไปตอบเพื่อน กินก๊วยจั๊บเสร็จก็ต่างแยกย้ายไม่ทีคำบอกลาของกัน คงมีแต่ค่าก๊วยจั๊บที่ฝ่ายเค้าชิงจ่ายให้เราและเพื่อนก่อนที่จะหายไปกับหมู่คนในตลาด ไม่ทันได้ขอบคุณไม่ทันจริงๆ เป็นฝ่ายเราที่เลือกทักและขอบคุณเค้าผ่านตัวหนังสือทางHi5 ที่ไม่ได้เล่นมานาน เนื่องจากเป็นยุคของ เฟสบุคที่เข้ามาแทนที่ เมื่อล็อคอินHi5 เข้าไป มีการแจ้งเตือนข้อความจำนวนมากจากเค้า ที่เราแทบไม่ได้อ่านเลย
  ได้มีโอกาสคุยกันใหม่โดยผ่านตัวอักษรในเฟสบุค คุยไปคุยมา จึงรู้ว่าเค้าได้เลิกกับคนของเค้าแล้ว เนื่องจากคนของเค้าจับได้ว่า เค้าชอบคนๆนึง ชอบมาตลอด คนของเค้าไม่สามารถแทนคนๆนั้นได้ ตอนนั้นแอบเข้าข้างตัวเอง เป็นกูป่ะวะ 555 เพ้อจริง ตอนนั้นเค้าไม่มีใครใหม่เลย เราไม่กล้าถามไรมาก ไม่กล้าแม้กระทั่งถามว่าเค้าคนนั้นเป็นใคร รู้แค่ว่า ชอบมาจะ5ปีแล้ว ตอนนั้นยอมรับนะ ว่าเป็นเราไหม เพราะระยะเวลามันได้ๆกัน แต่เราคงลืมไปว่า เค้าไม่ได้รู้จักเราในช่วงนั้นแค่คนเดียว
  คุยกันมาเรื่อยๆ ทั้งๆที่บางครั้งหายไปเป็นพักๆ จากการไม่ว่างของทั้งคู่ มีช่วงนึงเราและคนของใจเราทะเลาะหนักมาก เพราะเราจับได้ว่าคนของเราคบซ้อน คบซ้อนในที่นี่ คบกันมาพร้อมๆกันตั้งแต่ที่คบกันมา เรากับคนของเราคบกันมาจะ 6ปี เคยคิดว่าเป็นผลกรรมจากที่เราทำไว้ เรามีคนของใจอยู่แล้ว แต่ยังไปคุยกับเค้าอยู่ ถึงแม้คุยแบบไม่มีสถานะก็เถอะ แต่เราและคนของเราก็เลิกกันในที่สุด เลิกกันโดยดีนะ โดยคนของเราเค้าให้เหตุผลมาว่า เค้าไม่อยากทำร้ายเราอีกต่อไป อยากให้เราไปเจอคนที่ดี ถึงแม้เค้ารักเรามาก แต่เค้าก็รักอีกคนเช่นกัน เราถามคนของเรานะ ว่าเลือกคนนั้นแล้วหรอ แล้วเลือกที่จะทิ้งและเลิกกับเราใช่ไหม คนของเราเค้าบอกไม่ลือกใครสักคน เพราะเค้าเลือกไม่ได้ มีอีกวิธีนึงคือ คบกัน3คนต่อไปอย่างนี้ เรารับไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะยังรักเค้าก็ตามคบกัน6ปี ถ้าไม่รักคงโกหกละ ยอมรับว่าตอนที่เลิกกันแรกๆ ก็คิดว่าจะให้เค้ามาแทนที่คนของเราที่เลิกกันไปนะ แต่เราทำไม่ได้ว่ะ ไม่อยากทำร้ายเค้า ถ้าเราจะคบ ก็อยากคบเพราะเราและเค้ารักกันจริงๆ ไม่ได้คบเพื่อแทนที่ใคร ก็ยังคงปรับทุกข์ เล่าให้เค้าฟังมาเรื่อยๆ จนมาถึงปลายปี3 เป็นช่วงที่เราต้องออกฝึกงานหอผู้ป่วยหนัก ต่างจังหวัดและฝึกยาวๆ และหนักมาก เราก็ยังคุยกันเรื่อยๆ มา ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง แล้วแต่เวลาเอื้ออำนวย
  มีวันนึง มีผู้หญิง 2คนแอดเฟสเรามา คนแรกทักเรามาคุยดีมาก ทักทุกวัน บอกว่ารู้จักเราผ่านเพื่อนผญ.มัธยมคนนึง แล้วอยากคุยกับเราเพราะชอบในสิ่งที่เราเรียนมา แต่เค้าไม่สามารถเรียนได้ ทักมาคุยกับเราทุกวัน เป็นเดือนเลยละ เราก็ตอบนะ แต่ช่วงแรกเราไม่ได้เล่าเรื่องผญ คนนี้ให้เค้าฟัง จนมาเอะใจวันนึง ผญ คนนั้น ถามเราว่า ถ้าแฟนของตนชอบผญ คนอื่นมาตลอดระยะที่คบกัน ทำอย่างไรก็แทนที่ผญที่แฟนชอบไม่ได้ เราจะทำไง ตอนนั้นคือรู้สึกคุ้นเรื่องราวมาก เหมือนเคยรู้มาจากไหน เราเลยเลือกที่จะบอกเค้าไปเกี่ยวกับผญ.คนนี้ เคยเลยขอดูเฟส ผญ. เค้าจึงตอบเรามาว่า แฟนเก่าเค้าเอง เราเลยงง ทำไมมันช่างบังเอิญจัง ตอนนั้นเราก็ตอบผญ คนนั้นนะ เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน แล้วถามความรู้สึกของผญ คนนั้นที่มีต่อ ผญ ที่แฟนเค้าชอบมาตลอด หล่อนตอบมาว่า อิจฉา ที่ไม่ต้องทำอะไร แฟนก็ชอบ แต่ต่างกับตนที่พยายามยังไง ก็ไม่อาจทำให้แฟนลืมได้ ตอนนั้นลำบากใจมาก เราก็ถามเค้านะ รู้เรื่องแฟนเก่าเค้าอย่างนี้แล้วรู้สึกยังไง เค้าตอบว่า เค้าไม่อยากทำร้ายแฟนเค้าเพราะเค้ามั่นใจ ว่ายังไงก็ยังคงรอ ผญ ที่ชอบอยู่ เพราะผญ ที่เค้าชอบ เป็นเสมือนรักแรก ที่เค้ายังคงรอมาเสมอ ตอนนั้นเรายอมรับว่า อิจฉาผญ คนนั้นนะ ไม่รู้ทำไม รู้สึกอย่างนั้น อยากเข้าข้างตนเอง ว่าผญคนนั่นคือ ตัวเราเอง
  แต่ก็มีเรื่องราวเข้ามาก่อน นั่นคือผญคนที่2 แอดเฟสเรามา มาปรากฎตัวและยืนยัน กับเราว่า หล่อนเคยเป็นรักแรกของเค้า รู้จักกันมาก่อนที่เค้าจะมีแฟนเป็นผญ.คนที่1 ที่แอดเรามา หล่อนคนนั้นเป็นรุ่นน้องใกล้บ้านเค้า บ้านเดิมเค้าอยู่ภาคกลาง แต่ช่วงมัธยมเค้ามาเรียนใต้จนถึงมหาลัยก็ยังอยู่ใต้ เพราะมีญาติอยู่ทางใต้  เรางงมาก น้องบอกเรา ตนเพิ่งรู้ว่าเค้าชอบน้องมาตลอด เลยอยากคบกับเค้า ขอให้เราช่วย เราจึงถามน้องว่า แล้วทำไมถึงเลือกให้เราช่วย เพราะเราไม่ได้รู้จักน้องเป็นการส่วนตัว น้องจึงบอกว่า เค้าเคยพูดถึงเราให้น้องฟัง และถามแฟนเก่าเค้า ก็รู้จักกับเรา และสนิทกับเรามาก จึงเลือกให้เราช่วย ตอนนั้นก็เฟลนะ เพราะคิดเข้าข้างตัวเองมาตลอด ว่าคงต้องเป็นเราที่เค้าชอบ จึงถามน้องว่าจะให้ช่วยยังไง
  น้องจึงให้ลองถามเค้าว่า ถ้าผญ ที่เค้าชอบ รู้แล้วว่าชอบ และก็ชอบกลับด้วย เค้าจะทำยังไง เราก็ถามนะ ตอนถามดูเค้าตกใจแล้วถามเรากลับ นี่รู้หรอว่าเป็นใคร แล้วชอบเค้ากลับจริงหรอ เราตอบกลับไปว่าใช่ คือ ผญ คนนั้นรู้แล้ว และดูเหมือนชอบเค้าด้วย เค้าตอบมา แล้วไม่ตกใจหรอ ตอนนั้นงงมาก ตกใจไร แค่ตกใจว่าคิดไปเองก็มากพอแล้ว จะให้ตกใจไรอีก (แต่ได้แค่คิดในใจนะ) เค้าก็พยายามถามว่าชอบกลับจริงหรอ ตั้งแต่เมื่อไหร่ อีนี่เราก็ยังเอ๋อนะ ว่าไม่เข้าใจและต้องตกใจไร เลยบอกไปว่าสมมุติ หลังตอบไป เค้าก็น้ำเสียงหงอยๆลงนะ (ลืมบอกว่าเราโทรคุยกันกับเค้า) เค้าว่า อุตสาห์ดีใจ เราจึงหัวเราะแห้งๆ แล้วถามอีก เค้าจะทำอย่างไร เค้าว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก มากจริงๆถ้าเป็นงั้นจะดีมาก แต่เค้ากลัวว่าถ้าได้คบกันแล้ว หากมีปัญหากลัวเลยเถิดถึงขั้นต้องเลิกกัน เพราะเค้าไม่อยากเลิก อยากรักษามิตรภาพอย่างนี้ไว้ อยู่เป็นห่วงเป็นใยกันต่อไป ตอนนั้นบางทีเราก็งงๆ กับตรรกะเค้านะ แอบชอบมาตลอด แต่ถ้าให้คบกันไม่อยากคบกลัวเสียมิตรภาพและความรู้สึกดีๆ ยอมใจเค้าเลย เราจึงไปบอกน้องคนนั้น น้องก็พยายามให้เราบอกเค้าต่อ ให้มาจีบน้อง ให้ทักน้อง ให้ช่วยพูดว่าให้ได้คบกัน อีนี่ก็งงหนัก นี่เราต้องเป็นแม่สื่อให้ใช่ไหม ตอนนั้นมันหน่วงๆนะ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ในขณะที่เราเป็นคิวปิคให้น้องกับเค้า ผญ คนแรกก็ยังคุยกับเรานะ คุยนานๆที เป็นเพื่อนที่ดี ยังคงปรึกษาเรามาเรื่อยๆ แต่เห็นหล่อนก็ยังรักเค้าอยู่นะ ยังถามความเคลื่อนไหวของเค้าเรื่อยๆ ตัวเค้าเองก็พยายามถามเราว่าตกลงรู้แล้วหรอ ชอบเหมือนกันหลอ ตั้งแต่เมื่อไหร่ เราเลยหลุดพูดไปว่า ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ได้ถามมา เค้าบอกว่า ไม่ได้ถามอะไร เค้างง เค้าว่า เรารู้จริงหรือ หรือเข้าใจไรผิดไปหรือเปล่า ทำไมต้องไม่ได้ถามด้วย อะไรประมาณนี้ อีนี่ก็งงหนักเข้าไปใหญ่ เค้าเลยถามเราตรงๆ ว่าที่มาถามตั้งแต่แรกนี่ เราไปรู้อะไรมา ตอนนั้นตันมาก งงปนโง่มาก เลยบอกเค้าไปตรงๆเรื่องน้องคนนั้น เค้านิ่งไป นิ่งไปนานมาก และขอวางสายแล้วบอกเราว่า ขอเคลียอะไรบางอย่างก่อน
  เวลาผ่านไปสักระยะ เราทั้งสองยังคุยกันเรื่อยๆนะ อาจไม่ได้บ่อยคงเป็นเพราะเค้าคงไปคุยกับน้องคนนั้น และเราก็อยู่ช่วงฝึกงานหนักมาก เลยไม่ได้ถามในเรื่องที่เค้าบอกจะเคลีย หลังจากฝึกงานต่างจังหวัดรอบนั้นเสร็จ เราก็แพลนจะกลับมาบ้าน เราเรียนอีกจังหวัดนึง แต่มหาลัยที่เค้าเรียนเป็นจังหวัดเดียวกับบ้านเรา เค้าบอกเราว่า มีคอนเสริตวงจากอินโดวงนึงมาเล่นในมหาลัยที่เค้าเรียน เค้าเลยชวนเราดู ซึ่งตรงกับเรากลับบ้านพอดี จึงตอบตกลงไป รอบคอนเสิร์ตประมาณทุ่มครึ่ง เรากลับจากต่างจังหวัดและแวะไปดูคอนเสริตเลยประมาณ2ทุ่ม เลทมาครึ่งชม. ด้วยความว่าฝนตกเลยเลท แต่บอกเค้านะ เค้าก็โอเค รอเราอยู่โดยยังไม่เข้าไป พอมาถึง ได้พบกันครั้งแรกชัดๆหลังจากร้านก๋วยจั๊บวันนั้น คอนเสริตเล่นผ่านประมาณ 3ชม. แต่เค้าคงเห็นว่าเราไม่ไหวมั้ง เพราะเดินทางไกลแถมยังโดนฝนอีก เลยถามและจะไปส่งบ้าน แต่เค้ามีแค่มอไซต์คันเดียวไง  เลยออกมาคุยกันข้างนอกงานคอนเสิรต์ เจอเพื่อนผญ สมัยเรียนมัธยมด้วยกัน เลยไปส่งบ้านด้วยกัน2คัน ฝนยังคงตกหนักมาก เค้ายืมเสื้อฝนเพื่อนเค้าให้เราใส่ เค้าใส่แค่แจ็กเก็ต คลุมไป ทั้งๆที่ฝนตกหนักมาก ร้านข้ายเสื้อฝนก็ปิดหมดละ sevenเสื้อฝนก็หมด พอมาถึงบ้านเรา ก็ร่ำลากัน ว่าจะชวนเข้าหลบฝนที่บ้านก่อนแต่เพื่อนผญ เรามีธุระ จึงต้องรีบกลับ ยังไม่มีโอกาสได้ถามเรื่องที่บอกว่าจะเคลียคือเรื่องอะไรเลย น้องผญ คนนั้นก็มาบอกเราว่า คบกับเค้าอยู่ ไม่สบายใจที่เค้ายังคุยกับคนอื่น หมายถึงคุยกับเราด้วย เลยให้เราเลิกคุยเลิกข้องเกี่ยวกับเค้า เราเลยห่างออกมา เพราะไม่อยากให้เค้าและแฟนเค้ามีปัญหา แต่เค้าก็ยังทัก ยังคุยกับเราโทรหาเราปกติ บ่อยขึ้นกว่าเดิม แทบจะโทรทุกครั้งเวลาที่ว่าง บอกทุกอย่างว่าทำอะไรอยู่ แต่ไม่ได้บอกเราเลยว่าคบกับน้องคนนั้นแล้ว จนน้องคนนั้นทักเราอีกครั้งบอกว่าให้เลิกยุ่งอย่างเด็ดขาดกับเค้า อย่าแย่งของๆใคร
น้องไม่สบายใจที่เค้ายังโทรหายังคุยกับเราอยู่ เราเลยเลิกคุยเด็ดขาด ไม่รับโทรศัพท์ แต่เค้าก็พยายามโทร พยายามส่งข้อความมา ว่าหายไปไหนบ้างละ ไม่รับโทรศัพท์บ้างละ เป็นอะไร โกรธอะไรเค้าหรือเปล่า ต่างๆนาๆ จนเราไปตอบและบอกเรื่องน้องคนนั้น เพราะไม่อยากให้เค้าและน้องมีปัญหากัน พอเค้ารู้ เค้าอึ้ง ยิ่งและตอบมาว่า เค้าไม่ใช่ของๆใคร ไม่ได้คบอะไรกับน้องคนนั่น และน้องคนนั้นก็ไม่ใช่คนที่เค้าแอบชอบมาตั้งแต่ครั้งแรก อีนี่ก็งงไปสิ เค้าบอกมาว่าเค้าไม่ชัดเจนตรงไหน การกระทำทุกอย่างไม่ได้ทำให้เรารู้เลยหรอ เราก็งงไปอีก เลยถามเค้าตรงๆไป ผญ คนนั้นคือเราหลอ ขณะถามก็กลัวคำตอบมาก กลัวว่าไม่ใช่แล้วจะเสียมิตรภาพดีๆนี้ เค้าจึงตอบมาว่า ใช่ คือเราเอง คนที่เค้าพูดถึงมาตลอด อึ้งไปสิ ที่ไม่อยากเข้าข้างตัวเองก็กลัวจะไม่ใช่ แต่ก็ไม่ได้ทำใจมาฟังคำตอบ ว่าคนๆนั้นคือเรา แล้วน้องคนนั้นบอกมาละ ว่าเป็นน้องและให้เลิกยุ่งกับเค้า คบกับเค้าแล้ว มันคืออะไร ที่บอกว่าจะเคลียคืออะไร ตอนนั้นมีคำถามต่างๆนาๆ ซึ่งเค้าก็ให้คำตอบที่ชัดเจน ว่าเป็นเรา
  หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น เราต่างเปิดใจกันมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้คบกันนะ ยังคงคุยและเป็นความสบายใจของกันและกัน ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงปรึกษาหารือกันมาตลอดแม้ระยะเวลาผ่านมาเป็น10กว่าปีแล้ว ... คุณละ??? มีเรื่องราวหรือประสบการณ์ที่เรียกว่าความสบายใจในรูปแบบไหนกัน ....  ด้วยรัก คีย์...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่