ถ้าไม่ใช้หนี้ให้พ่อแม่ ถือว่าอกตัญญูไหม

จขกท ส่งเงินให้แม่เดือนละ 10,000 บาททุกเดือน ทุกครั้งที่กลับบ้าน จะซื้อของกิน ของใช้ให้ทุกอาทิตย์ตกเดือนละ 5,000
รวมๆ แล้ว 15,000/ เดือน

ทุกเดือนแม่จะพูดเสมอว่า “เงินแค่นี้จะเอาไปทำไรได้ ส่งหนี้ก็ไม่มีเหลือ มันไม่พอหรอก” ...แล้วก็ให้เราไปกดบัตรเงินสดบ้าง ครั้งละ 3 หมื่น (บอกว่ายืม แต่จะมีปัญญาที่ไหนใช้หนี้บัตรเรา พูดตรงๆ- เราได้แต่ก้มหน้าใช้หนี้บัตรไป เพราะดอกมันโหด ).

เขาบอกว่า เขามีหนี้สินมากมาย เพราะเลี้ยงเรา ส่งเราเรียนมหาลัย (ปล.เขาจดรายละเอียดทุกอย่าง แม้แต่ค่าชุดชั่นใน) เค้าพูดว่าเค้าลงทุนไปมาก ส่งเงินหมดไปเท่าไร เราต้องตอบแทนบุญคุณ

พอเราเรียนจบ เขาเลิกทำงาน เงินเดือน เดือนแรก ได้ 15,000 บาท ต้องให้ 10,000 บาท แล้วห่อข้าวไปกินที่ทำงาน ในขณะที่ ค่ารถเรา 150/วัน บางเดือนเราไม่พอ ขอลดค่ารายเดือนแล้วให้เขาไปทำงาน เขาก็จะดราม่า ร้องไห้ บอกว่า เราไม่สงสารเขา ใช้แรงงานคนแก่ (ปล. แม่เราอายุ 50)

เขาบังคับให้เรากู้ซื้อบ้าน เพื่อที่จะได้เงินส่วนต่างมาใช้หนี้ แต่เรากู้ไม่ผ่าน จึงรอดไป แต่ก็ไม่วาย จะโอนบ้านเขาให้เป็นชื่อเราแล้วให้ไปรีไฟแนนซ์ ให้เราเป็นหนี้แล้วเขาได้เอาเงินไปใช้ (แต่บ้านก็เป็นของเขาทางพฤตินัย)

ปัจจุบันทรัพสินย์ มีบ้านเดี่ยว 1 หลัง และที่ดินริมน้ำ และแม่เราพักอยู่บ้านราชการ เราบอกให้เขาขาบทรัพย์สมบัติมาใช้หนี้ เค้าพูดว่า “มันไม่ใช่ผักปลานะ จะมาขายกันง่ายๆ “ คือเขาเสียดาย เลยเลือกให้เราเป็นหนี้แทน

พอให้เค้าแจกแจงหนี้สิน เค้าก็ไม่แจกแจง อ้างนู้นอ้างนี่ แต่มีเงินซื้อหวย เดือนละ 5000 ทุกเดือน พอเราว่า ก็จะอ้างนู้นนี่ จะดราม่าตลอด อีกเรื่องเวลาแม่เราป่วย เขาไม่เคยเข้า รพ รัฐ ถึงแม้ว่าจะเบิกฟรี (พ่อเป็นข้าราชการ) โดยอ้างว่า รพ รัฐ มันรัอน เชื้อโรคเยอะ (เค้าแพ้เหงื่อ) เค้าไปนั่งร้อนๆรอไม่ไหว เลยต้องเข้า รพ เอกชน ไม่ทำงาน นอนตื่นบ่ายสาม ต้องอยู่แต่ในห้องแอร์ โดนแดดไม่ได้

ปล. บ้านเราเคยรวยก่อนเจอวิกฤติ 2540

ทุกวันนี้เราเหนื่อยมาก อยากฆ่าตัวตาย เหมือนเป็นหนี้ชีวิตพ่อแม่ ที่ไม่มีทางจบสิ้น ไม่มีสิทธิที่จะพูดหรือเถียงอะไรได้ เราเป็นโรคซึมเศร้าเพราะเรื่องนี้ เขาไม่เคยถามว่าเราป่วยเป็นอะไร มีเงินใช้ไหม เขาสนใจแค่ว่าเราจะหาเงินให้เขาใช้ได้ไหม

ขอเถอะนะ อย่ามีลูกเพื่อการลงทุนหรือเอาไว้เลี้ยงดูตอนแก่เลย
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 26
หลายปีก่อนผมเคยอ่านเจอกระทู้นึง เค้าเจอเหมือนคุณเลยครับแต่หนักกว่าตรงที่เค้าทำงานได้เงินเดือนสูง พ่อแม่ให้ดูแลช่วยเหลือพี่น้องด้วยอีกต่างหาก กลับมาบ้านเจอหน้าครอบครัวไม่เคยถามว่าเป็นไงบ้างเหนื่อยไหมลูก ถามหาแต่เงิน ครอบครัวอยู่อย่างสบายแต่ตัวเองต้องมาทำงานหนักแถมเงินส่วนของตัวเองแทบไม่เหลือพอให้ใช้

สุดท้าย จขกท คนนั้นทนไม่ไหวตัดสินใจหักดิบด้วยการย้ายออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่น ไม่ติดต่อกับครอบครัว ใครโทรหาก็ไม่รับ ไม่ส่งเงินให้ด้วย ใครจะว่าอกตัญญูอะไรยังไงไม่สนใจแล้ว แล้วเอาเงินตรงนี้มาใช้จ่ายดูแลชีวิตตัวเอง พบว่าชีวิตเหมือนได้อิสระมีความสุขกว่าเดิมมาก

ส่วนเรื่องทางบ้านเค้าก็กลับไปเยี่ยมที่บ้านบ้างครับสองสามเดือนจะไปสักครั้ง แต่ทุกครั้งหากมีใครพูดถึงเรื่องเงินจะกลับทันที แปลกนะครับที่ทำแบบนี้แต่ทางบ้านกลับเริ่มเปลี่ยนไป ระยะหลังกลับบ้านไม่มีใครพูดเรื่องเงินอีกเลย มีแต่ถามว่าเป็นไงบ้างสบายดีไหม ทุกคนปฎิบัติกับ จขกท นั้นดีขึ้นกว่าเดิมมาก

เห็นเคสคล้ายๆ กันเลยมาเล่าสู่กันฟังนะครับ หากว่าคุณอยากให้อะไรมันเปลี่ยนแปลง ก็อยากให้คุณเริ่มเปลี่ยนที่ตัวเองก่อนครับ เป็นกำลังใจให้นะ สู้ๆ
ความคิดเห็นที่ 3
1. หางานใหม่ ไม่ให้พ่อ-แม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ไม่ให้ติดต่อได้ ห้ามบอกเพื่อนว่าเราทำงานที่ไหน
2. แยกไปอยู่หอพัก แล้วกำชับเพื่อนอย่าบอกว่าเราอยู่ที่ไหน ถ้าตามเจอก็ย้ายหอพักหนี
3. ทำงานเก็บเงินสร้างอนาคตให้ตัวเอง  ส่งให้พ่อ-แม่ไม่เกิน 20% ของเงินเดือนแค่ไหนแค่นั้น พ่อแม่ยังไม่แก่ยังทำงานได้
4. ปีนึงไปเยี่ยมซักครั้งนึง ถ้าบ่นหรือลำเลิก ให้กลับทันทีย้ำ ทันที ปีหน้าค่อยไปใหม่ ห้ามใจอ่อน ห้ามสปอย
5.  มีเวลาให้รางวัลตัวเอง กินของอร่อย ออกกำลังกาย  แต่ห้ามไปที่อโคจร
ความคิดเห็นที่ 55
ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะค่ะที่ให้กำลังใจและเตือนสติ เราจะนำไปปรับใช้คะ

ปล เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงคะ บางทีมันก็แย่กว่านิยายอีกคะ เพิ่มเติมนะค่ะ

1. เรามีน้อง 1 คนคะ กำลังจะเข้ามหาลัย แม่ยังบอกอีกว่า ให้เราส่งน้องเรียน พร้อมใช้หนี้แม่

2. แม่เคยพูดให้เราหาแฟนฝรั่งรวยๆ มีลูกก้อเอามาให้เค้าเลี้ยง แล้วจ้างเค้าเดือนละ 2 หมื่น เขาจะได้มีรายได้ (บอกตรงๆคะ คงไม่เอาใครมารับภาระชีวิตครอบครัวตัวเอง เราเลยบอกแม่ว่าชาตินี้คงไม่มีลูกคะ)

3. เคยเกิดเหตุการณ์ เราทะเลาะกับน้า (น้องของแม่) ซึ่งเขาเป็น ไบโพลาร์ ค่อนข้างผิดปกติทางอารมณ์ วันนั้นน้าเรา (อายุ38) กระโดดมาข่วน มาจิกผม ตบเรา ต่อหน้าแม่เรา คนเป็นแม่ไม่มีห้ามนะคะ แต่เชียร์คะ เชียร์ให้สู้กัน ให้น้าตบเราด้วยคะ มีจังหวะนึงน้าเกือบทำเราตาบอด แม่เลยห้าม!! แล้วพูดว่า “อย่าทำลูกกู ถ้ามันตาบอดขึ้นมาจะไม่มีใครเลี้ยงกู ลูกกูยังต้องหาเลี้ยงกูไปอีกนาน” คำนี้คะ เราจำฝังใจทุกวันนี้ ขนาดพ่อเรายังรับไม่ได้ ยังว่าแม่ว่าทำไมไม่ห้ามแถมเชียร์ แม่เราดราม่าคะ บอกเป็นความดันโลหิตสูง โมโห เครียดไม่ได้ หรือจะให้สมองแตกตาย

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ จขกท สรุปว่า แม่ของจขกทไม่ได้รัก จขกท หรอกคะ เพราะเป็นลูกไม่ตั้งใจให้เกิด!! ซึงเค้าพูดกรอกหูอยู่ทุกวัน

จขกท อ่านทุก คห. คิดว่า จะคุยกันก่อนคะ ไม่อยากหนี สงสารน้องคะน้องยังต้องเรียน และ จขกท รักน้องสาวมากคะ แต่จะบังคับให้แม่ขายทรัพย์สมบัติเพื่อเอามาใช้หนี้ ถ้าเขายังไม่ จขกท คงให้แค่รายเดือนแล้วคงไม่ไปหา ไม่ตืดต่อคะ หรือช่วยแค่น้องสาวพอคะ ให้แยกมาอยู่แค่สองคนพี่น้องคะ
ความคิดเห็นที่ 11
เจ้ากรรมนายเวรในร่างของบุพการี
ความคิดเห็นที่ 1
โห อันนี้ลูกหรือทาสคะเนี่ย....

รักแม่มั้ยคะ?
คนโดยทั่วไปก็รักแม่เนอะ มากบ้างน้อยบ้าง แล้วแต่คน

ถ้ารักแม่ คุณต้องตั้งสติ อย่าสปอยแม่ อะไรที่ควรแข็งก็ต้องแข็งบ้าง ปฏิเสธบ้าง ไม่งั้นจะล่มจมลืมตาอ้าปากไม่ได้ทั้งคุณทั้งแม่

ถ้าคุณมัวแต่ใช้หนี้ให้แม่ในลักษณะเทน้ำลงถังรั่วแบบนี้
ชีวิตคุณ จะไม่สามารถตั้งตัวได้ และลองนึกดูดีๆว่าอะไรจะเกิดขึ้น ตอนที่พ่อแม่แก่ตัวลง พ่อแม่ป่วยหนัก หรือคุณป่วยหนัก ใครจะช่วยคุณ?
ตอนคุณอายุเยอะๆ ถ้าไม่มีเงิน ต้องอยู่แบบอนาถานะคะ คิดดีๆ

เราอยากให้คุณรักตัวเองมากๆ และเลือกทำสิ่งที่จะดีกับทั้งตัวเองและกับทั้งแม่ ในระยะยาว
อย่าเพียงแต่ตามใจเรื่อยเปื่อย บอกให้ไปกดบัตรเงินสดก็ยอมง่ายๆ สปอยซะเขาเคยตัวแล้ว

ถ้าเป็นเรา เราจะช่วยแม่เรื่องการเงินตามที่เห็นว่าสมควร แต่ต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน
เงินมันอยู่ในกระเป๋าเรานะ ถ้าเราไม่หยิบให้ ไม่ไปกดเอทีเอ็มออกไปให้ ไม่โอนไปให้ ใครก็เอาไปไม่ได้
จะเป็นหนี้หรือไม่ ถ้าเราไม่ยอมเซ็นต์ซะอย่าง ใครก็บังคับไม่ได้

คุณมาโพสต์ระบาย แต่เราจะเตือนนะ ว่าอย่ามองเห็นแต่ความไม่ดีของแม่
เพราะสิ่งที่เกิด ส่วนหนึ่งคือความรับผิดชอบของคุณเองด้วย
คุณเลือกได้ แต่คุณเลือกจะทำเองนี่นา  ครั้งถัดๆไป คุณก็เลือกใหม่ได้ค่ะ ไม่ต้องเลือกทำแบบเดิมๆก็ได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่