ลังเล ลังเล ลังเล ว่าจะเขียนดีมั้ย เนื่องจาก ในอดีตเคยเขียนไว้แล้วก็มีดราม่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ลงทุนครบ 5 ปี.. ได้อะไรดีๆ มามากมาย
https://pantip.com/topic/35343534
https://pantip.com/topic/35344903
https://pantip.com/topic/35364226
จนสุดท้ายไปลบสิ่งที่ตัวเองเขียนทิ้งหมด ซะงั้น คงเพราะเรายังไม่ใจกว้างพอที่จะรับคำวิจารย์จากคนที่ยังไม่รู้จักเราดีพอ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คงเพราะมันมีคนชื่นชมเยอะ คนอิจฉามาก แต่ที่รับไม่ได้สุดคือมีคนพยายามหาเรื่อง
ว่าเราอาจเป็นพวกต้นตุ๋น ทำไมวะคิดว่าตัวเองทำไม่ได้แล้วคนที่ทำได้ต้องหลอกลวงรึ
วันนี้จะเขียนแล้วล่ะ เพราะไปอ่านกระทู้พี่แจ้มาตะกี้ ทำให้รำลึกอดีต และวันนี้ถูกทิ้งไว้บ้านคนเดียวแบบเหงาๆ
มาเข้าเรื่องกันดีกว่า จากความทรงจำ ผมน่าจะเข้าตลาดหุ้นช่วงเดือน 6 ปี 2011 (ตอนนี้ก็ผ่าน 7 ปีไปแล้วกำลังเข้าปีที่ 8)
เนื้อหานี้จะเล่าแค่ปีแรกเท่านั้นก่อน ละกันนะครับ
ดัดดักไว้ก่อนว่าไม่ได้สอนอะไรในเนื้อหา แต่คนฉลาดน่าจะได้แนวคิดดีๆ กลับไปจากการอ่านครับ
(อ่านจบแล้วอย่าเกรียน ไปเล่นไกลๆ นู้น อ่านไปแล้วไม่ได้อะไร เลิกอ่าน ปิดไปแล้วจะสบายใจเอง เคนะ)
จุดเด่นและจุดด้อยของผมคือ สมอง
สมองผมถูกออกแบบมาให้คิด และไม่ถูกออกแบบมาให้จดจำ
คาดว่าตอนมาเกิดพระเจ้าอาจอัพสกิลเพลิน จนมันไม่ค่อยปกติ
ชอบการวางแผนที่สุด หมากรุก หมากล้อม กวาดรางวัลบ่อยสมัยเด็ก
จำนวนเงินสมมุติที่ใช้เริ่มลงทุน 10 บาท (เพราะไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าตอนนี้พอร์ทประมาณไหน)
จุดมุ่งหมายที่เข้าตลาดมาคือ.. อยากทำให้เงิน 10 บาท เป็น 100 บาท ใน 10 ปี (10เด้งใน 10 ปี)
จำได้ดีเคยบอกรุ่นพี่ที่ทำงานว่า 10 ปี ผมต้องมี .. ล้านบาท
พี่ที่ได้ยินแถวๆ นั้นทุกคนหัวเราะเยาะผม 555 (บางทีผมยังแอบหัวเราะตัวเองในใจเลย)
เริ่มๆ
ก่อนจะมาเข้าวงการ ถามคนรอบตัวไปทั่วว่าจะทำมันดีมั้ย
1. พ่อแม่พี่ ไม่สนับสนุน และห้าม
2. ภรรยา ไม่สนับสนุน แต่ไม่ได้ห้าม
3. พี่ที่ทำงานแทบทุกคนไม่สนับสนุน เพราะเค้าเจ๊งกันแทบทุกคน
4. ถามตัวเอง คิดๆ "ไปถามคนที่ไม่เคยทำกับคนที่ทำแล้วไม่สำเร็จแล้วเลิกมันจะได้อะไร" เออคิด "ลุย กูเก่งจะตาย ทำได้อยู่แล้ว"
ก่อนเปิดพอร์ทอ่าน หนังสือ 1 เล่มให้พอรู้จักว่าตลาดหุ้นคืออะไร
ก่อนหาหนังสืออ่าน
ก็อ่านตามเว็ป ก็มี กระทิงเขียว สินธร บอร์ดเซทเทรด (คุณหลักหุ้น) ดูหุ้น (ห้องพี่หล่อมาดเข้ม)
หนังสือเล่มแรกที่อ่านคือ "ตีแตก"
หลังเปิดพอร์ท ด้วยปณิธานที่ตั้งมั่นว่า "กูจะรวย ไม่รวยก็ม้วยไปเลย" คนแบบเราธรรมดาไม่ได้อยู่แล้ว
ไม่ว่าจะเล่นเกมอะไรเราต้องชนะ ไม่ว่าแพ้กี่ครั้งสุดท้ายเราต้องพลิกกลับมาชนะตอนจบ นี่คือสิ่งที่ทำมาตลอดในการใช้ชีวิต
ทีนี้เปิดพอร์ทละ แบ่งเงินไว้ 2 กอง
1. 5 บาท เล่นตามตำราตามทฤษฎีทุกอย่าง
2. 5 บาท เล่นตามใจตัวผมเองครับ
คืออธิบายวิธีคิดไว้ตรงนี้นะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ผมชอบอ่าน ประวัติคนที่ประสบความสำเร็จมาก ผมชอบวิธีเลี้ยงลูกแบบยิว และโชคดีพ่อแม่ผมบังเอิญเลี้ยงผมมาใกล้เคียงแบบนั้น
เหตุผลที่ ข้อ 2 ผมจะเล่นตามใจตัวเอง เพราะผมหลงคิดนิดๆ (หลงตัวเองนั่นแหละ) ว่าตัวเองจะต้องสร้างประวัติศาสตร์ ดังนั้นก็ต้องสร้าง
วิธีการเอาชนะในแบบตัวเองที่ไม่เหมือนใครขึ้นมาให้ได้ >> รู้ตัวนะว่าตัวเองเป็นคนอวดดีหลงลำพอง แต่ก็ใช้พวกนี้ทำให้ตัวเองเป็นคนที่
ไม่มีขีดจำกัด และไม่สามารถประเมินได้ อารมณ์ถ้าตั้งใจก็ต้องทำได้ทุกอย่างให้เหมือนกับที่โม้ไว้ ไม่งั้นอายตัวเอง
2.1 เงินส่วนนี้ ผมทำทุกอย่างนอกตำราหมด ตำราบอกมือใหม่อย่าไปยุ่งกับ w dw หุ้นปั่น (ผมทำหมดเลย ทำไมต้องเชื่อด้วยในเมื่อยังไม่เคยลอง)
สรุปผลเลยนะ เพราะถ้าเล่าแล้วจะยาวน้ำท่วมทุ่งลาเวนเดอร์แน่นอน
ข้อ 1 เงินแทบไม่กระดิกไม่โต จำได้ดีซื้อ cpf ไว้เพราะมันบอกว่าจะเป็นครัวโลก หุ้นพี่แกนิ่งได้ใจ
(แทรกนิด ปีนั้นตีมอาหารคือ เมกาเทรนของไทยนะครับ)
ข้อ 2 เหลือเชื่อมาก ที่ เงิน 5 บาท กลายเป็น 10 บาท ในเวลา 2-3 เดือน ผมเล่น dw w หุ้นปั่นด้วยสมองผมเองน่ะนะ
นอกตำรา เชื่อแค่ตัวเองก็พอทำในสิ่งที่ตัวเองคิด และวางแผนเผื่อไว้ในทุกกรณีที่อาจเกิดขึ้น เหมือนคนเล่นหมากล้อมอะครับ
(เทพหมากรุกระดับขุนทองคำ คิดหมากล่วงหน้าได้ 8 ชั้น (มั้ง) คุ้นๆ มีคนเคยบอกไว้ ผมคิดได้ราว 5-6 ชั้น (มั้ง)
ไม่ได้เล่นนานแล้ว ตั้งแต่จับหมากล้อม)
เล่าซักนิด
ก็เงิน 5 บาท มันโตไปสุดสุดเป็น 20 บาท แล้วพอเอา 20 บาท ไปเล่น โดนแดรกทุกรอบ ตอนนั้นก็เลยฉุกคิดว่า ไม่ปกติ
มีคนดักกินกระผมแล้วแน่นอนนะขอรับ มันเลยเป็น
จุดเริ่มต้น การค้นพบด้วยตัวเองว่าตลาดหุ้นมีเจ้ามือนี่หว่า
ที่คุณหลักหุ้นแห่งเซทเทรดบอกไม่มีนี่ไม่ใช่ละ ไม่งั้นเราจะโดนดักกินทุกรอบได้ไง เพื่อพิสูจน์สมมติฐานเองด้วยตัวเอง
เลยลองเล่นตาละ 5 บาทเหมือนเดิม ปรากฎว่าได้ตลอด เออ ชัดเลย ผีมีจริงสำหรับคนที่เห็น เจ้ามือก็มีจริงสำหรับคนที่รู้
กว่าจะรู้นะครับ ค่าวิชาคือ 20 บาท เหลือ 10 บาท แต่ก็โตจาก 5 บาทมาเด้งนึงละล่ะเนอะ
ได้เวลากลับมาทำสรุป ประเมินผลตัวเอง (เวลาผ่านไป 2-3 เดือน)
1. ตลาดหุ้นมีเจ้ามือแน่นอน ต้องหยุดเล่นก่อนแล้วไปหาวิธีรับมือ (เริ่มอ่านและค้นคว้าศาสตร์มืดอย่างหนักด้วยตัวเอง)
2. เล่นตามตำรา เล่นจนแก่ตายก็ไม่รวยแบบสร้างประวัติศาสตร์แน่ๆ ตายแล้วเกิดมาเล่นใหม่ในตระกูลเดิมยังยากเลย
3. เล่นตามใจฉันนี่ล่ะดี แต่ใจฉันนั้นก็ผ่านการอ่าน การขัดเกลาจากตำรามานั่นแหละ แต่ต้องเอามาปรับเองอีกเยอะ จนเป็นตัวฉันอีกที
4. หยุดพักครึ่งเดือน ความรู้แน่นปึ๊ก พร้อมลุยพร้อมรบ
แทรกนิด เล่านี่มันง่ายนะ แค่พิมพ์อะ ทำจริงยากนะ เพราะเลิกงานกลับถึงบ้าน 2 ทุ่ม อ่านค้นคว้าถึง ตี 3 ทุกวัน ทำแบบนี้ทั้งปีแรกนั่นแหละ
คืออยากชนะไง ตายเป็นตาย ไม่ชนะตายตาไม่หลับ อย่าคิดว่า "เวอร์ไปป่ะ" เลยนะ ผมก็แบบนี้ล่ะ (ไม่ค่อยปกติ แต่คบหาแล้วสนุก เพื่อนฝูงเค้าว่างั้น)
กลับมาลุยใหม่ หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน ด้วยแนวคิดว่าตลาดแห่งนี้มี "มือที่มองไม่เห็น"
พร้อมวิธีคิดและหลักการณ์ในการเอาชนะ "มือที่มองไม่เห็น" ตอนนี้มีทุนเท่าไรแล้วใครคำนวณได้ว่าไงบ้าง
>> ปิ้งป่อง 15 บาท เอาเงินก้อนนี้ไปลงทุนในหุ้นที่ตามติดด้านพื้นฐาน และพยายามทำความเข้าใจวิธีคิดแบบเจ้ามือ
ก็เลยเอาไปลงทุนหุ้นตัวนึง หมดน่าตัก โดนกดเละ 30% ก็คิดนะ ว่าเจ้ามือกดแน่ๆ แต่จะทนสู้ดูซักตั้งถ้ามันกล้ากดจนเราพัง
มันก็พังยับกว่าเรา แล้วถ้าเกมนี้แพ้ก็จะเลิก แล้วไปตั้งหน้าตั้งตาทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนแบบที่พ่อแม่ต้องการท่านจะได้สบายใจ
(เรายิ่งชอบผาดโผนท่านยิ่งไม่อยากให้เราผาดโผน จิตวิทยามนุษย์ขั้นพื้นฐานอะนะ)
ก็ไม่ได้ทำไรมากก็ sap ตลอดๆ เท่าที่ทำไหว ตอนนั้นขอเงินแฟน กับพี่สาวมาซื้อเพิ่ม ให้เค้าเปิดพอร์ทตัวเองกันก็ได้ ก็ไม่มีใครเอาด้วย
เงินเก็บเราก็ไม่มีอีกแล้ว เพราะเอาไปขอแต่งเมียหมดแล้ว ก็ทำได้แค่ทนรอ จนกระทั่งมันลาก เวลาผ่านไปน่าจะ 2-3 เดือนมั้งครับ
มันลากเอา 2-3 ลิ่ง ในอาทิตย์เดียว
จากราคา 34-38 จำไม่ค่อยได้ (ทุนผม 43) มันลากไป หยุดแถว 64 มั้ง จากความจำแย่ๆ ของผมอะนะ
เออแทรกนิดนะ >> ตอนที่ถัวหุ้น sap หุ้นตัวนี้ มาร์ผมโทรมาบอกเลย คุณ ... ขายเถอะครับดีกว่าหมดตัว
หุ้นมันไม่มีสภาพคล่องครับ ถ้ามันแย่หมดขายไม่ทันเงินหายหมดแน่ ผมก็ขอบคุณมาร์และบอกไม่เป็นไรครับ
ผมทำในสิ่งที่ผมค้นคว้า ทำตามความเชื่ออย่างดีที่สุดถ้ามันแพ้ผมก็ยอมรับ ลงท้ายว่าขอบคุณมากครับไม่ต้องเป็นห่วง
กลับมาๆ มันหยุด 64 ผมมีเป้าแล้วว่าต้อง 80+ และดีที่สุดของมันคือ 120+ (มีวิธีดูส่วนตัว ไม่สอนนะ) ดังนั้น 64 แล้วหยุด
แสดงว่ามันจะตบสลัดเม่า เหมือนตอนที่กดเราจาก 43 ไป 30 กว่า นั่นล่ะ ผมก็แบ่งขายทำ sap ต่อรัวๆ ระหว่างทางกว่ามันจะไปทำ
Hi ที่ 89.26 (อันนี้ไปย้อนเปิดกราฟดูมาให้ละตัวเลขมันแปลกเพราะหุ้นมันผ่านวิศวะกรรมทางการเงินอะนะ) ชื่อหุ้น sorkon
สรุปจบตัวนี้ก็ได้เงินออกมาจากทุนล่าสุดที่ซื้อคือ 15 บาท กลายเป็น >>> 45 บาท โดยประมาณนะ หาข้อมูลจริงไม่เจอเลยกะเอา
แล้วก็เอาเงินไปเล่นหุ้น pm ต่อ สมัยนั้นเจ้าทาโร่ราคา 2-3 บาทนี่ล่ะ ก็เล่นไปเรื่อยจนเงินโตไป 85 บาท แล้วก็หยุดพักและคิดได้ว่า
"เฮ้ยยยยยยยยยยย จะได้ถึงเป้า 10 ปีที่คนหัวเราะเยาะแล้วนี่หว่าาาา กูทำได้ เกินคาดด้วย เชร็ดดดดดด เข้" จากนั้นก็เลยได้เงินก้อนจาก
ครอบครัว เพราะเห็นเราทำได้เค้าก็เริ่มใจอ่อนสนับสนุน เลยเติมไปจนได้ 10 เด้ง กว่าๆ ในปีแรกก็จบเพียงเท่านี้นะครับ
ปีที่ 2 ของการลงทุน ยังไม่มีกำหนดเขียน และไม่แน่ใจว่าจะเขียนไหม แต่ไม่ค่อยมีอะไรจะ
เล่นเล่าแล้วล่ะ
มันเป็นประสบการณ์ที่เล่ายาก เพราะต้องอ้างอิงบางสิ่งที่ไม่อยากอธิบาย แต่คร่าวๆ ก็คือ ใส่เงินเข้าไปจน 85 บาท
กลายเป็น 120 บาท จากนั้นก็เอาเงินต้นออกหมดที่เคยใส่เข้าไป ตอนที่เข้าปี 2
ได้ 2-3 เดือนก็เอาทุนออกหมดละ เพราะ ทรนงตน ว่า ถ้าเราทำได้แบบนี้เรื่อยๆ เงินแค่ของเรามันก็พอไม่จำเป็นต้องรบกวนใคร จึงถอนคืน
แฟนและครอบครัว แต่เค้าบอกว่าให้เล่นให้ ผมก็ยังถอนคืนหมดพร้อมกับบอกว่าใครจะได้กี่ % จากน้ำใจที่มีให้เวลาที่ผมถอนออกมาทุกครั้ง
ผมจะแบ่งให้เป็น % เสมือนสัดส่วนการถือหุ้น
ในปีแรกผมอยากลาออกจากงานใจจะขาดแล้ว แต่พ่อแม่พี่สาวไม่ยอม เพราะเค้าผ่านวิกฤติปี 40 กันมามั้ง
ตอนนั้นผมยังนั่งเล่นแต่ วินนิ่ง เรดอะเริท เล่นแต่เกมไปวันๆ ไม่สนใจอะไรในโลก เลยไม่เข้าใจจะกลัวไรกันนักหนา
กว่าจะได้ออกจากงานก็ปีที่ 2 ที่ลงทุนนั่นแหละเพราะเงินในพอร์ทมันโตจาก 1 ไปเป็น 20 เด้ง (ไม่เคยรวมที่ถอนออกเรื่อยๆ นะ)
จบ อ่านแล้วได้อะไรดีๆ กันมั้ย.. ผมก็ไม่รู้นะ อยู่ที่คนอ่าน ไม่ใช่คนบอกเล่าละ
มือเก่าไม่รู้นะ ไม้แก่ดัดยาก คนเก่งกว่าผมแต่ไม่เล่าก็คงมี คนที่น้ำมันล้นแก้วก็เยอะ
แต่มือใหม่ที่ฉลาดก็คงได้บ้างแหละมั้ง..
เพราะผมไม่เล่าปลีกย่อยเท่ากระทู้ที่ตั้งสมัยดราม่า คือ ไม่อยากบอกมากแล้วล่ะ มันกระทบภาพรวมตลาดได้เลยนะ
อะไรที่ควรเป็นความลับก็ควรเป็นแบบนั้นต่อไป มิควรเอามาเปิดเผยต่อสาธรณะชน
มีแก้ไขคำผิดบ้างนะครับ
ใครจะคิดว่าลงทุนปีแรก จะได้ 10 เด้ง กันล่ะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จนสุดท้ายไปลบสิ่งที่ตัวเองเขียนทิ้งหมด ซะงั้น คงเพราะเรายังไม่ใจกว้างพอที่จะรับคำวิจารย์จากคนที่ยังไม่รู้จักเราดีพอ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วันนี้จะเขียนแล้วล่ะ เพราะไปอ่านกระทู้พี่แจ้มาตะกี้ ทำให้รำลึกอดีต และวันนี้ถูกทิ้งไว้บ้านคนเดียวแบบเหงาๆ
มาเข้าเรื่องกันดีกว่า จากความทรงจำ ผมน่าจะเข้าตลาดหุ้นช่วงเดือน 6 ปี 2011 (ตอนนี้ก็ผ่าน 7 ปีไปแล้วกำลังเข้าปีที่ 8)
เนื้อหานี้จะเล่าแค่ปีแรกเท่านั้นก่อน ละกันนะครับ
ดัดดักไว้ก่อนว่าไม่ได้สอนอะไรในเนื้อหา แต่คนฉลาดน่าจะได้แนวคิดดีๆ กลับไปจากการอ่านครับ(อ่านจบแล้วอย่าเกรียน ไปเล่นไกลๆ นู้น อ่านไปแล้วไม่ได้อะไร เลิกอ่าน ปิดไปแล้วจะสบายใจเอง เคนะ)
จุดเด่นและจุดด้อยของผมคือ สมอง
สมองผมถูกออกแบบมาให้คิด และไม่ถูกออกแบบมาให้จดจำ
คาดว่าตอนมาเกิดพระเจ้าอาจอัพสกิลเพลิน จนมันไม่ค่อยปกติ
ชอบการวางแผนที่สุด หมากรุก หมากล้อม กวาดรางวัลบ่อยสมัยเด็ก
จำนวนเงินสมมุติที่ใช้เริ่มลงทุน 10 บาท (เพราะไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าตอนนี้พอร์ทประมาณไหน)
จุดมุ่งหมายที่เข้าตลาดมาคือ.. อยากทำให้เงิน 10 บาท เป็น 100 บาท ใน 10 ปี (10เด้งใน 10 ปี)
จำได้ดีเคยบอกรุ่นพี่ที่ทำงานว่า 10 ปี ผมต้องมี .. ล้านบาท
พี่ที่ได้ยินแถวๆ นั้นทุกคนหัวเราะเยาะผม 555 (บางทีผมยังแอบหัวเราะตัวเองในใจเลย)
เริ่มๆ
ก่อนจะมาเข้าวงการ ถามคนรอบตัวไปทั่วว่าจะทำมันดีมั้ย
1. พ่อแม่พี่ ไม่สนับสนุน และห้าม
2. ภรรยา ไม่สนับสนุน แต่ไม่ได้ห้าม
3. พี่ที่ทำงานแทบทุกคนไม่สนับสนุน เพราะเค้าเจ๊งกันแทบทุกคน
4. ถามตัวเอง คิดๆ "ไปถามคนที่ไม่เคยทำกับคนที่ทำแล้วไม่สำเร็จแล้วเลิกมันจะได้อะไร" เออคิด "ลุย กูเก่งจะตาย ทำได้อยู่แล้ว"
ก่อนเปิดพอร์ทอ่าน หนังสือ 1 เล่มให้พอรู้จักว่าตลาดหุ้นคืออะไร ก่อนหาหนังสืออ่าน
ก็อ่านตามเว็ป ก็มี กระทิงเขียว สินธร บอร์ดเซทเทรด (คุณหลักหุ้น) ดูหุ้น (ห้องพี่หล่อมาดเข้ม)
หนังสือเล่มแรกที่อ่านคือ "ตีแตก"
หลังเปิดพอร์ท ด้วยปณิธานที่ตั้งมั่นว่า "กูจะรวย ไม่รวยก็ม้วยไปเลย" คนแบบเราธรรมดาไม่ได้อยู่แล้ว
ไม่ว่าจะเล่นเกมอะไรเราต้องชนะ ไม่ว่าแพ้กี่ครั้งสุดท้ายเราต้องพลิกกลับมาชนะตอนจบ นี่คือสิ่งที่ทำมาตลอดในการใช้ชีวิต
ทีนี้เปิดพอร์ทละ แบ่งเงินไว้ 2 กอง
1. 5 บาท เล่นตามตำราตามทฤษฎีทุกอย่าง
2. 5 บาท เล่นตามใจตัวผมเองครับ
คืออธิบายวิธีคิดไว้ตรงนี้นะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
2.1 เงินส่วนนี้ ผมทำทุกอย่างนอกตำราหมด ตำราบอกมือใหม่อย่าไปยุ่งกับ w dw หุ้นปั่น (ผมทำหมดเลย ทำไมต้องเชื่อด้วยในเมื่อยังไม่เคยลอง)
สรุปผลเลยนะ เพราะถ้าเล่าแล้วจะยาวน้ำท่วมทุ่งลาเวนเดอร์แน่นอน
ข้อ 1 เงินแทบไม่กระดิกไม่โต จำได้ดีซื้อ cpf ไว้เพราะมันบอกว่าจะเป็นครัวโลก หุ้นพี่แกนิ่งได้ใจ
(แทรกนิด ปีนั้นตีมอาหารคือ เมกาเทรนของไทยนะครับ)
ข้อ 2 เหลือเชื่อมาก ที่ เงิน 5 บาท กลายเป็น 10 บาท ในเวลา 2-3 เดือน ผมเล่น dw w หุ้นปั่นด้วยสมองผมเองน่ะนะ
นอกตำรา เชื่อแค่ตัวเองก็พอทำในสิ่งที่ตัวเองคิด และวางแผนเผื่อไว้ในทุกกรณีที่อาจเกิดขึ้น เหมือนคนเล่นหมากล้อมอะครับ
(เทพหมากรุกระดับขุนทองคำ คิดหมากล่วงหน้าได้ 8 ชั้น (มั้ง) คุ้นๆ มีคนเคยบอกไว้ ผมคิดได้ราว 5-6 ชั้น (มั้ง)
ไม่ได้เล่นนานแล้ว ตั้งแต่จับหมากล้อม)
เล่าซักนิด
ก็เงิน 5 บาท มันโตไปสุดสุดเป็น 20 บาท แล้วพอเอา 20 บาท ไปเล่น โดนแดรกทุกรอบ ตอนนั้นก็เลยฉุกคิดว่า ไม่ปกติ
มีคนดักกินกระผมแล้วแน่นอนนะขอรับ มันเลยเป็นจุดเริ่มต้น การค้นพบด้วยตัวเองว่าตลาดหุ้นมีเจ้ามือนี่หว่า
ที่คุณหลักหุ้นแห่งเซทเทรดบอกไม่มีนี่ไม่ใช่ละ ไม่งั้นเราจะโดนดักกินทุกรอบได้ไง เพื่อพิสูจน์สมมติฐานเองด้วยตัวเอง
เลยลองเล่นตาละ 5 บาทเหมือนเดิม ปรากฎว่าได้ตลอด เออ ชัดเลย ผีมีจริงสำหรับคนที่เห็น เจ้ามือก็มีจริงสำหรับคนที่รู้
กว่าจะรู้นะครับ ค่าวิชาคือ 20 บาท เหลือ 10 บาท แต่ก็โตจาก 5 บาทมาเด้งนึงละล่ะเนอะ
ได้เวลากลับมาทำสรุป ประเมินผลตัวเอง (เวลาผ่านไป 2-3 เดือน)
1. ตลาดหุ้นมีเจ้ามือแน่นอน ต้องหยุดเล่นก่อนแล้วไปหาวิธีรับมือ (เริ่มอ่านและค้นคว้าศาสตร์มืดอย่างหนักด้วยตัวเอง)
2. เล่นตามตำรา เล่นจนแก่ตายก็ไม่รวยแบบสร้างประวัติศาสตร์แน่ๆ ตายแล้วเกิดมาเล่นใหม่ในตระกูลเดิมยังยากเลย
3. เล่นตามใจฉันนี่ล่ะดี แต่ใจฉันนั้นก็ผ่านการอ่าน การขัดเกลาจากตำรามานั่นแหละ แต่ต้องเอามาปรับเองอีกเยอะ จนเป็นตัวฉันอีกที
4. หยุดพักครึ่งเดือน ความรู้แน่นปึ๊ก พร้อมลุยพร้อมรบ
แทรกนิด เล่านี่มันง่ายนะ แค่พิมพ์อะ ทำจริงยากนะ เพราะเลิกงานกลับถึงบ้าน 2 ทุ่ม อ่านค้นคว้าถึง ตี 3 ทุกวัน ทำแบบนี้ทั้งปีแรกนั่นแหละ
คืออยากชนะไง ตายเป็นตาย ไม่ชนะตายตาไม่หลับ อย่าคิดว่า "เวอร์ไปป่ะ" เลยนะ ผมก็แบบนี้ล่ะ (ไม่ค่อยปกติ แต่คบหาแล้วสนุก เพื่อนฝูงเค้าว่างั้น)
กลับมาลุยใหม่ หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน ด้วยแนวคิดว่าตลาดแห่งนี้มี "มือที่มองไม่เห็น"
พร้อมวิธีคิดและหลักการณ์ในการเอาชนะ "มือที่มองไม่เห็น" ตอนนี้มีทุนเท่าไรแล้วใครคำนวณได้ว่าไงบ้าง
>> ปิ้งป่อง 15 บาท เอาเงินก้อนนี้ไปลงทุนในหุ้นที่ตามติดด้านพื้นฐาน และพยายามทำความเข้าใจวิธีคิดแบบเจ้ามือ
ก็เลยเอาไปลงทุนหุ้นตัวนึง หมดน่าตัก โดนกดเละ 30% ก็คิดนะ ว่าเจ้ามือกดแน่ๆ แต่จะทนสู้ดูซักตั้งถ้ามันกล้ากดจนเราพัง
มันก็พังยับกว่าเรา แล้วถ้าเกมนี้แพ้ก็จะเลิก แล้วไปตั้งหน้าตั้งตาทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนแบบที่พ่อแม่ต้องการท่านจะได้สบายใจ
(เรายิ่งชอบผาดโผนท่านยิ่งไม่อยากให้เราผาดโผน จิตวิทยามนุษย์ขั้นพื้นฐานอะนะ)
ก็ไม่ได้ทำไรมากก็ sap ตลอดๆ เท่าที่ทำไหว ตอนนั้นขอเงินแฟน กับพี่สาวมาซื้อเพิ่ม ให้เค้าเปิดพอร์ทตัวเองกันก็ได้ ก็ไม่มีใครเอาด้วย
เงินเก็บเราก็ไม่มีอีกแล้ว เพราะเอาไปขอแต่งเมียหมดแล้ว ก็ทำได้แค่ทนรอ จนกระทั่งมันลาก เวลาผ่านไปน่าจะ 2-3 เดือนมั้งครับ
มันลากเอา 2-3 ลิ่ง ในอาทิตย์เดียว
จากราคา 34-38 จำไม่ค่อยได้ (ทุนผม 43) มันลากไป หยุดแถว 64 มั้ง จากความจำแย่ๆ ของผมอะนะ
เออแทรกนิดนะ >> ตอนที่ถัวหุ้น sap หุ้นตัวนี้ มาร์ผมโทรมาบอกเลย คุณ ... ขายเถอะครับดีกว่าหมดตัว
หุ้นมันไม่มีสภาพคล่องครับ ถ้ามันแย่หมดขายไม่ทันเงินหายหมดแน่ ผมก็ขอบคุณมาร์และบอกไม่เป็นไรครับ
ผมทำในสิ่งที่ผมค้นคว้า ทำตามความเชื่ออย่างดีที่สุดถ้ามันแพ้ผมก็ยอมรับ ลงท้ายว่าขอบคุณมากครับไม่ต้องเป็นห่วง
กลับมาๆ มันหยุด 64 ผมมีเป้าแล้วว่าต้อง 80+ และดีที่สุดของมันคือ 120+ (มีวิธีดูส่วนตัว ไม่สอนนะ) ดังนั้น 64 แล้วหยุด
แสดงว่ามันจะตบสลัดเม่า เหมือนตอนที่กดเราจาก 43 ไป 30 กว่า นั่นล่ะ ผมก็แบ่งขายทำ sap ต่อรัวๆ ระหว่างทางกว่ามันจะไปทำ
Hi ที่ 89.26 (อันนี้ไปย้อนเปิดกราฟดูมาให้ละตัวเลขมันแปลกเพราะหุ้นมันผ่านวิศวะกรรมทางการเงินอะนะ) ชื่อหุ้น sorkon
สรุปจบตัวนี้ก็ได้เงินออกมาจากทุนล่าสุดที่ซื้อคือ 15 บาท กลายเป็น >>> 45 บาท โดยประมาณนะ หาข้อมูลจริงไม่เจอเลยกะเอา
แล้วก็เอาเงินไปเล่นหุ้น pm ต่อ สมัยนั้นเจ้าทาโร่ราคา 2-3 บาทนี่ล่ะ ก็เล่นไปเรื่อยจนเงินโตไป 85 บาท แล้วก็หยุดพักและคิดได้ว่า
"เฮ้ยยยยยยยยยยย จะได้ถึงเป้า 10 ปีที่คนหัวเราะเยาะแล้วนี่หว่าาาา กูทำได้ เกินคาดด้วย เชร็ดดดดดด เข้" จากนั้นก็เลยได้เงินก้อนจาก
ครอบครัว เพราะเห็นเราทำได้เค้าก็เริ่มใจอ่อนสนับสนุน เลยเติมไปจนได้ 10 เด้ง กว่าๆ ในปีแรกก็จบเพียงเท่านี้นะครับ
ปีที่ 2 ของการลงทุน ยังไม่มีกำหนดเขียน และไม่แน่ใจว่าจะเขียนไหม แต่ไม่ค่อยมีอะไรจะ
เล่นเล่าแล้วล่ะมันเป็นประสบการณ์ที่เล่ายาก เพราะต้องอ้างอิงบางสิ่งที่ไม่อยากอธิบาย แต่คร่าวๆ ก็คือ ใส่เงินเข้าไปจน 85 บาท
กลายเป็น 120 บาท จากนั้นก็เอาเงินต้นออกหมดที่เคยใส่เข้าไป ตอนที่เข้าปี 2
ได้ 2-3 เดือนก็เอาทุนออกหมดละ เพราะ ทรนงตน ว่า ถ้าเราทำได้แบบนี้เรื่อยๆ เงินแค่ของเรามันก็พอไม่จำเป็นต้องรบกวนใคร จึงถอนคืน
แฟนและครอบครัว แต่เค้าบอกว่าให้เล่นให้ ผมก็ยังถอนคืนหมดพร้อมกับบอกว่าใครจะได้กี่ % จากน้ำใจที่มีให้เวลาที่ผมถอนออกมาทุกครั้ง
ผมจะแบ่งให้เป็น % เสมือนสัดส่วนการถือหุ้น
ในปีแรกผมอยากลาออกจากงานใจจะขาดแล้ว แต่พ่อแม่พี่สาวไม่ยอม เพราะเค้าผ่านวิกฤติปี 40 กันมามั้ง
ตอนนั้นผมยังนั่งเล่นแต่ วินนิ่ง เรดอะเริท เล่นแต่เกมไปวันๆ ไม่สนใจอะไรในโลก เลยไม่เข้าใจจะกลัวไรกันนักหนา
กว่าจะได้ออกจากงานก็ปีที่ 2 ที่ลงทุนนั่นแหละเพราะเงินในพอร์ทมันโตจาก 1 ไปเป็น 20 เด้ง (ไม่เคยรวมที่ถอนออกเรื่อยๆ นะ)
จบ อ่านแล้วได้อะไรดีๆ กันมั้ย.. ผมก็ไม่รู้นะ อยู่ที่คนอ่าน ไม่ใช่คนบอกเล่าละ
มือเก่าไม่รู้นะ ไม้แก่ดัดยาก คนเก่งกว่าผมแต่ไม่เล่าก็คงมี คนที่น้ำมันล้นแก้วก็เยอะ
แต่มือใหม่ที่ฉลาดก็คงได้บ้างแหละมั้ง..
เพราะผมไม่เล่าปลีกย่อยเท่ากระทู้ที่ตั้งสมัยดราม่า คือ ไม่อยากบอกมากแล้วล่ะ มันกระทบภาพรวมตลาดได้เลยนะ
อะไรที่ควรเป็นความลับก็ควรเป็นแบบนั้นต่อไป มิควรเอามาเปิดเผยต่อสาธรณะชน
มีแก้ไขคำผิดบ้างนะครับ