คือเพื่อนบ้านมายืมเงินไป 1 หมื่นบาทเมื่อปลายเดือน ก.ย. ปีที่แล้ว บอกว่า เค้าเดือดร้อนบลาๆ ขายของไม่ออก เนื่องจากฝนตกทุกวัน
ตอนนั้น เงินสดผมไม่พอ เนื่องจากทุกต้นเดือน พอได้รับเงินเดือน ผมจะกันเงินไว้ส่วนหนึ่งไปเข้าบัญชีซื้อหุ้นหมด และกันไว้พอเหลือใช้จ่ายให้พอครบเดือนพอดี (ผมจะทำบัญชีไว้ว่าต้องใช้จ่ายในแต่ละเดือนเท่าไหร่ มีอะไรต้องจ่ายบ้าง)
และเป็นช่วงปลายเดือนพอดี เงินไม่พอจริงๆ พี่เค้าก็จะเอาด่วนให้ได้เดี๋ยวนั้น
ผมเลยต้องขับรถไปหาตู้เอทีเอ็ม แล้วใช้บัตรกดเงินสดออกมา
และเอาให้พี่เค้า เค้าบอกเดี๋ยวอีกเดือนจะคืนให้
แต่หลังจากนั้น เจอหน้ากันทีไร ผมยังไม่ได้เอ่ยปากทวง พี่แกก็รีบชิงพูดก่อนว่า ผมยังไม่มีเลยนะครับ ตอนนี้ยังขายไม่ดีเลย เดี๋ยวถ้ามีแล้ว จะรีบคืนให้ บลาๆๆ ผมก็ได้แต่บอกว่า "ไม่เป็นไรครับ มีเมื่อไหร่ก็ค่อยให้ก็ได้"
พอนานๆ ไป ผ่านไปหลายเดือน พอเจอหน้ากัน คราวนี้ไม่พูดอะไรเลยเรื่องหนี้ ทักทายเรื่องอื่นแทน
แต่เห็นบ้านพี่แก มีรถเก๋งเพิ่มมาอีก 1 คัน (คือรู้ตอนหลังว่า ออกรถมือสองให้ลูกสาวที่เพิ่งเรียนจบเอาไว้ใช้ขับไปทำงาน)
มาเดือน ก.ค. ปีนี้ ผมมีภาระค่าใช้จ่ายหลายอย่าง เงินก็ขาดทุนในหุ้นหมดไปหลายแสน ต้องซ่อมรถ ซื้อบ้าน บลาๆ
เลยตัดสินใจไปเคาะประตูบ้านตอนกลางคืนเพื่อทวงเงินคืน คือตอนนั้น บอกว่า เดือนนี้ค่าใช้จ่ายผมเยอะ รถผมก็มาเสียอีก ต้องซ่อมใหญ่ เงินขาดมือ ผมจำเป็นต้องใข้เงิน พี่พอมีเงินคืนให้ผมมั้ย สัก 5 พันบาทก็ได้
พี่เค้าก็บอกว่า ครับๆ เดี๋ยวจะไปลองหามาคืนให้ครับ แล้วก็หายไปสักพัก แล้วโทรเรียกผมลงมา บอกว่า ไปขอเงินจากเมียมาได้ 5 พันพอดี ขอคืนให้ก่อนครับ เดี๋ยวส่วนที่เหลือ ถ้ามีจะรีบคืนให้ครับ บลาๆๆ
สรุป ได้คืนมาแล้ว 5 พันบาท
ยังเหลืออีก 5 พัน พี่แกก็เงียบเหมือนเดิม
สรุป ผมควรทำไงดีครับ
ใจนึงก็อยากได้เงินคืน
แต่ใจนึงก็รู้สึกหน้าบาง กระดากเหลือเกินเวลาต้องไปทวงเงินคืน
แล้วก็ไม่รุ้จะหาเหตุผลหามุกอะไรอีกเพื่อไปทวงเงินคืนดี
มุกเดิมเรื่องซ่อมรถก็ใช้ไปแล้ว ตอนนี้รถก็ไม่ได้เสีย
คนที่มีประสบการณ์คล้ายกัน ช่วยแนะนำหน่อยนะครับผม ว่าควรทวงคืนดีมั้ย หรือปล่อยเป็นหนี้สูญ หรือควรทวงคืนบางส่วนแล้วเก็บไว้บางส่วนไว้เป็นหนี้บุญคุณ เผื่อมีอะไรจะได้เรียกใช้พี่แก เช่น เรียกมาชาร์จแบตรถเวลาแบตหมด หรือยืมรถปิ๊กอัพไว้ขนของตอนย้ายบ้านใหม่ (ใกล้แระ) ฯลฯ
เพื่อนบ้านยืมเงินไปหมื่นนึงเมื่อปึที่แล้ว เพิ่งทวงคืนมาได้ 5 พัน เหลืออีก 5 พัน ควรจะทวงคืนดีมั้ยครับ
ตอนนั้น เงินสดผมไม่พอ เนื่องจากทุกต้นเดือน พอได้รับเงินเดือน ผมจะกันเงินไว้ส่วนหนึ่งไปเข้าบัญชีซื้อหุ้นหมด และกันไว้พอเหลือใช้จ่ายให้พอครบเดือนพอดี (ผมจะทำบัญชีไว้ว่าต้องใช้จ่ายในแต่ละเดือนเท่าไหร่ มีอะไรต้องจ่ายบ้าง)
และเป็นช่วงปลายเดือนพอดี เงินไม่พอจริงๆ พี่เค้าก็จะเอาด่วนให้ได้เดี๋ยวนั้น
ผมเลยต้องขับรถไปหาตู้เอทีเอ็ม แล้วใช้บัตรกดเงินสดออกมา
และเอาให้พี่เค้า เค้าบอกเดี๋ยวอีกเดือนจะคืนให้
แต่หลังจากนั้น เจอหน้ากันทีไร ผมยังไม่ได้เอ่ยปากทวง พี่แกก็รีบชิงพูดก่อนว่า ผมยังไม่มีเลยนะครับ ตอนนี้ยังขายไม่ดีเลย เดี๋ยวถ้ามีแล้ว จะรีบคืนให้ บลาๆๆ ผมก็ได้แต่บอกว่า "ไม่เป็นไรครับ มีเมื่อไหร่ก็ค่อยให้ก็ได้"
พอนานๆ ไป ผ่านไปหลายเดือน พอเจอหน้ากัน คราวนี้ไม่พูดอะไรเลยเรื่องหนี้ ทักทายเรื่องอื่นแทน
แต่เห็นบ้านพี่แก มีรถเก๋งเพิ่มมาอีก 1 คัน (คือรู้ตอนหลังว่า ออกรถมือสองให้ลูกสาวที่เพิ่งเรียนจบเอาไว้ใช้ขับไปทำงาน)
มาเดือน ก.ค. ปีนี้ ผมมีภาระค่าใช้จ่ายหลายอย่าง เงินก็ขาดทุนในหุ้นหมดไปหลายแสน ต้องซ่อมรถ ซื้อบ้าน บลาๆ
เลยตัดสินใจไปเคาะประตูบ้านตอนกลางคืนเพื่อทวงเงินคืน คือตอนนั้น บอกว่า เดือนนี้ค่าใช้จ่ายผมเยอะ รถผมก็มาเสียอีก ต้องซ่อมใหญ่ เงินขาดมือ ผมจำเป็นต้องใข้เงิน พี่พอมีเงินคืนให้ผมมั้ย สัก 5 พันบาทก็ได้
พี่เค้าก็บอกว่า ครับๆ เดี๋ยวจะไปลองหามาคืนให้ครับ แล้วก็หายไปสักพัก แล้วโทรเรียกผมลงมา บอกว่า ไปขอเงินจากเมียมาได้ 5 พันพอดี ขอคืนให้ก่อนครับ เดี๋ยวส่วนที่เหลือ ถ้ามีจะรีบคืนให้ครับ บลาๆๆ
สรุป ได้คืนมาแล้ว 5 พันบาท
ยังเหลืออีก 5 พัน พี่แกก็เงียบเหมือนเดิม
สรุป ผมควรทำไงดีครับ
ใจนึงก็อยากได้เงินคืน
แต่ใจนึงก็รู้สึกหน้าบาง กระดากเหลือเกินเวลาต้องไปทวงเงินคืน
แล้วก็ไม่รุ้จะหาเหตุผลหามุกอะไรอีกเพื่อไปทวงเงินคืนดี
มุกเดิมเรื่องซ่อมรถก็ใช้ไปแล้ว ตอนนี้รถก็ไม่ได้เสีย
คนที่มีประสบการณ์คล้ายกัน ช่วยแนะนำหน่อยนะครับผม ว่าควรทวงคืนดีมั้ย หรือปล่อยเป็นหนี้สูญ หรือควรทวงคืนบางส่วนแล้วเก็บไว้บางส่วนไว้เป็นหนี้บุญคุณ เผื่อมีอะไรจะได้เรียกใช้พี่แก เช่น เรียกมาชาร์จแบตรถเวลาแบตหมด หรือยืมรถปิ๊กอัพไว้ขนของตอนย้ายบ้านใหม่ (ใกล้แระ) ฯลฯ