เรื่องเล่าเก้าสิบกับ working holiday visa และการต่อ second working holiday visa

บอกเล่าเก้าสิบ working holiday visa 2018 และการต่อ Second Working Holiday visa 2019

ว่าด้วยการกดโควต้า จากการที่เข้าไปคอมเม้นท์ใต้โพสของกลุ่ม wahclub ว่าด้วยเรื่องเทคนิค กดยังไง กดให้ทัน กดให้ได้เป็น 1 ใน 500 คน ^^ เอาจริงๆ เรากะแฟนกดได้ 3 ปีซ้อนติดต่อกัน แต่ไม่เคยยื่นเลย กั๊กที่คนอื่นตลอด แหะๆ คือยื่นเผื่อเป็นตัวเลือกสำรอง ตอนนั้นยื่นไปเรียนต่อที่อังกฤษกัน …
คนดวงมันได้ ก็ได้ทั้งคู่เลย กดโควต้าตั้งแต่คนรู้จักโครงการนี้น้อยมากๆ จนปีล่าสุด 2017 ทุกคนที่กดร้านเดียวกันนี่ 10+ คนได้ แล้วทุกคนที่กดที่นี่ ก็ได้หมดนะจ้าาาาาา...คือ แบบ มีการถามกัน เฮ้ย…พี่กดได้ยัง ผมได้แล้วมากดเครื่องนี้ไหมพี่ อะไรประมาณนี้...เวลาเรื่มคือ 9 โมงเช้าตรง ระบบจะเปิดให้กด   ต้องไปสแตนบายที่ร้านแล้วตั้งแต่ 7 โมงเช้า แล้วก็นั่งรอวนๆไป ข้อมูลต้องพร้อม พิมพ์ทิ้งไว้ใน note แล้วเปิดหน้าต่างคู่กับหน้าเวบไซต์เลย เปิด firefox อันเดียวก็ไม่ได้ กันพลาด ต้องเปิด google chrome ด้วย เผื่ออันไหนไวกว่า ก็อันนั้นแหละความหวังของเรา....เล่าเพิ่มนิดนึง คือปีก่อนหน้านี้ที่กดได้ แต่เราชะล่าใจว่าเอกสารเราพร้อมยื่น คือเราเรียนจบจากอังกฤษมาหลักสูตร 1ปี คือก็พยายามถูๆไถๆ ไปว่าไม่ต้องใช้ Ielts หรอก สรุป ดย.ตรวจเอกสารแล้วบอกว่า หนูมาใหม่ปีหน้านะลูก อายุยังไม่เกินหรอกเนอะ...ได้แต่ยิ้มอ่อนเบาๆแล้วตอบว่า “คะ” T_T

    แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้เสียใจมาก เพราะทำใจไว้แล้ว คือเราอะ ไม่รอบคอบเอง ข้อมูลแค่นี้ถามพี่ๆในกลุ่ม wahclub ก็รู้แล้ว แต่…ที่น่าน้อยใจคือ ถ้ายูเรียนจบจากออสเซอ หรือ ดิโพลมาอะไรก็แล้วแต่ แค่ 1 ปี สามารถยื่นได้เลย ไม่ต้องเอาผลสอบ Ielts เหมือนกัน ก็โอเคปีนี้....ผ่านไป ปีหน้าเอาใหม่ ไปทำงานที่อื่นรอเวลาก่อน...ไปทำงานสายการบินในแถบประเทศทะเลทรายมาครึ่งปี...พอใกล้เวลากดก็ลาออกกลับมากดโควต้าเลย...ลาออกกกกกกกก คือออกเลยจ้า....... มีความมั่นใจมาก ยังไงตรูต้องกดได้แน่ๆ...ก็ได้จริงๆคะ ^^ ดวงคนจะได้มา อิอิ ^___^

เพื่อความแน่นอน สอบให้เรียบร้อยมีผล Ielts ในมือให้สบายใจ เอกสารทุกอย่างพร้อม ลุย!!!!!
ปกติเราจะกดจากร้านเนตเจ้าดัง ที่เค้าว่าเนตแรงที่สุดในประเทศ คอเกมจะถูกใจมากร้านนี้ ทุกอย่างสายเกมหมดเลย คือไม่มีกระตุกให้อารมณ์เสียเวลาเล่นเกม ก็ร้านนี้แหละที่เรากดได้ ตอนนี้มี 2 สาขาที่รู้ คือที่ ม.รังสิต และ ม.ธุรกิจ เปิดตลอด 24 ชม ก็หาเบอร์ติดต่อไว้เพื่อความชัวร์​ออกจากบ้านตอนเช้าก็โทรไปเลย พี่ๆ เปิดปกติไหมคะ....
    ก่อนวันกดจริง จะมีวันที่ทดลองกดโควต้าเปิดให้ทุกคนลองกด เพื่อทดสอบระบบของ ดย.ไปในตัวด้วยว่าจะล่มไหม เพราะมันก็ล่มทุกปี คือใครกดได้หลังเวบล่ม
ก็ลุ้นไป ^^” ไม่ว่าจะวันจริงหรือวันทดลองกด เราก็ไปร้านนี้แหละ...เย็นก่อนวันจริงก็จะโทรไปร้านรอบนึงว่าเปิดพรุ่งนี้ไหมพี่....โชคดีมากที่โทรเชค...เพราะว่าร้านที่จะไปปิดปรับปรุงระบบในวันที่จะกด
โควต้าพอดี๊...คือพอดีอะไรขนาดนี้....เราจึงไม่รอช้า รีบไปอีกสาขานึงทันที...

ในการกดนั้น ใครมีเพื่อน มีน้องก็ลากกันมาช่วยกัน ไม่ว่าจะกดจากที่ไหน แอบเจ้านายกดจากที่ทำงาน หรือกดจากที่บ้าน ก็ต้องสำรองๆไว้ กันพลาด...เรากับแฟนก็ลากน้องชายมาด้วย นั่งยาวๆ ติดกันไปเลย ซื้อ ชม.เติม ชม.เนตให้ยาวๆ เผื่อไปถึงเวลาที่คาดว่าจะกดเสร็จ...ไม่งั้นเวลาหมด ซวย…..
เรากับแฟนก็กดได้สมใจ ลำดับ 20+ กับ 70+ แต่ปีแรกนี่ลำดับเลข หลักเดียวเลย ดูว่าคู่แข่งน้อยแค่ไหน...ปล.พวกเอกสารที่เราต้องใช้ในการยื่นกับ ดย.นั้น ไปตามเชคลิสได้จากกลุ่ม wahclub ได้เลย มีทุกอย่างที่ทุกๆคนไปแชร์กันไว้ ละเอียดมาก ปีแรกเราไปนั่งสัมนาเลย เพราะตอนนั้นในเวบข้อมูลไม่เยอะมาก พี่ๆก็ใจดี บอกเล่าให้ฟังว่าต้องเตรียมยังไง คือเค้าเป็นเอเจนซี่สำหรับเรียนต่อออสเตรเลียแหละ แต่เค้าก็ทำโครงการนี้ด้วย แต่ไม่ได้เก็บตังค์อะไร โครงการนี้ต้องยื่นวีซ่าเอง ไม่ยาก ขั้นตอนไม่ซ้ำซ้อน แค่อ่าน แล้วทำตาม ก็เรียบร้อย บินมาสวยๆ ^_^ คือยื่น ดย.เสร็จ ได้รับจดหมายรับรองจาก ดย ก็ไปยื่นวีซ่าต่อได้เลย เค้าจะระบุว่าจดหมายจาก ดย นี่สามารถยื่นได้ถึงตอนไหน คือประมาณปลายปี ถ้าใครไม่ยื่น ถือว่าสละสิทธิ์ ทาง ดย.ก็จะเรียกตัวสำรองขึ้นมาแทน โอ๊ย…ปีๆนึงตัวสำรองหลัก 500-600 สบาย นอนรอมาเลย...ก็อย่างที่บอกมีคนกดแต่ไม่ยื่นวีซ่าก็เยอะ  เอกสารไม่ครบยื่นไม่ได้ก็แยะ เช่นเราเมื่อตอนปีแรกๆ อ่อ…. พอยื่นวีซ่าเสร็จก็ประมาณอาทิตย์นึงผลก็จะออกให้ไปรับผลได้ แต่ก่อนหน้านั้นจะมีเมลล์มาให้ไปตรวจร่างกาย รพ.ที่ตรวจได้ก็มีไม่กี่ที่ ถ้าใน กทม. แค่ 2 ที่เท่านั้น ก็เลือกเอาที่ทุกคนสะดวก แต่ละปีๆ ค่าตรวจนี่แพงขึ้นตลอด เงินมันเฟ้อเร็ว...หรือค่าแรงหมอขึ้นเร็วหละนี่...^^” หลังจากได้วีซ่า วีซ่ามีอายุ 1 ปี คือจะเริ่มนับ 1 ตั้งแต่วันแรกที่เหยียบออสเตรเลีย แล้ว นับต่อไป 1 ปี เช่นของเราเข้าออสวันที่ 20 กรกฎา 2018 มันก็จะหมดอายุ 20 กรกฎา 2019 ตามนี้แหละ....

ต่อด้วยเรื่องการเก็บวันเพื่อ Second Working Holiday Visa
ว่าเรื่องตอนกดโควต้าปีแรกว่าลุ้นแล้ว อีนี่คือขั้นตอนที่ลุ้นกว่า คือลุ้นตั้งแต่หางาน...ลุ้นตอนยื่นวีซ่าไปอีก....ลุ้นอีกว่าวันที่ตรูเก็บมาครบนี่...อิมจะนับครบเหมือนตรูไม๊นะ......คือมันเป็นปีที่ 2 ของวีซ่านี้ของไทย ที่สามารถจะยื่นต่อปีที่ 2 ได้ คือดีงามมากกกกกกก แต่มันก็จะต้องมีเงื่อนไขนิดหน่อย จะให้ต่อง่ายๆเลยก็คงไม่น่าจดจำเท่าไร 555+ อันนี้ไม่ใช่.....
คือเราต้องทำงานในเขต post code ที่ทางโครงการกำหนด ก็จะมีหลายๆเขต ส่วนมากจะเข้าใจว่าต้องทำงานฟาร์มกันอย่างเดียว แต่จริงๆแล้วนั้น มันไม่ใช่แล้วจ้าาาาาา
เราต้องเก็บให้ครบ 88 working days ซึ่งวิธีการนับก็สับสนกันมาตลอดเวลาจนถึงปัจจุบัน
ทำเสร็จไอ้เราว่านับครบ แต่จริงๆอาจไม่ครบ หรือยังไง ก็ต้องเผื่อไว้ก่อนเนอะ ไปอ่านในเวบบางคนขาดไป 2 วันก็ไม่ผ่าน!!! เฮ้ย คือแบบ บางคนไปทำงานฟาร์มมา คือหนักมาก เหนื่อยมาก ดำปี๋มาเลย แต่ต่อวีซ่าปีสองไม่ได้นี่คือแบบ คงอยากเอาหัวมุดปากจระเข้ไปเลย *+*
    
ส่วนมากที่คนไทยนิยมไปเก็บวันทำงานก็ Queensland เลยจ๊ะ ซึ่งเรากับแฟนก็เป็น 1 ในนั้น บางคนอาจจะไปเก็บให้ครบ 88 วันก่อนเลยให้สบายใจ แล้วค่อยยื่น หรือจะไปเก็บตอนเหลือเวลาอีก 4-5  เดือนก็ได้ แล้วแต่ความสบายใจเลย55+ แต่ส่วนมากที่แนะนำกันคือเชคช่วงเวลาพืชผล นานาพันธ์ุที่จะออกในแต่ละเมือง พอมันออกก็จะต้องการแรงงานอย่างพวกเรานี่แหละ ไปเก็บๆๆๆ แพคๆๆๆ เพราะถ้าคนไม่พอมันก็คงจะเน่าคาต้น ปล.เรื่องงานฟาร์มแต่ละฟาร์มก็จะมีเทคนิคและการเตรียมตัวแตกต่างกันไป ว่าต้องเตรียมใจอะไรบ้าง เจออะไรบ้าง แดดที่ร้อนผ่าว งูเอย แมลงเอย...คือเคสเรานี่ทำงานที่ซิดนีย์ไปครึ่งปีหละ แล้วค่อยไปเก็บวันทำงานที่ Queensland จะไปทั้งทีก็เที่ยวสักหน่อย ขับรถไปกันจากซิดนีย์ไป Carins ระยะทาง 3200 กม เลียบชายฝั่งตะวันออกของออสไปเลย คือขับจริงๆอาจจะ 2900 กม แต่ที่เหลือนอกเส้นทาง เที่ยวบ้าง หลงบ้างตามประสา 55+ เน้นถูกและฟรี กางเต้นท์นอนๆ บลาๆ ทำจุดแลนด์มาร์กที่ต้องแวะ แต่อันนี้ต้องเขียนแยก ไม่งั้นจะยาวเป็นหน้าประวัติศาสตร์ได้ มาๆ กลับมาต่อที่การหางาน
คือก่อนบินมาก็หาข้อมูลเรื่องต่อวีซ่าปีที่สองมาสมควร เตรียมมาเลยจ้า....หมวกคลุมทั้งใบแบบเหลือแค่ตา ปลอกแขนกันแมลง กางเกงขายาว เสื้อแขนยาวแต่ไม่หนา เพราะรู้ต้องร้อนแน่ๆ แต่บอกก่อนเลย เราเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ดูภายนอกบอบบาง แต่สู้งานนะจ๊ะ...ก็คิดอยู่ว่าถ้าทำฟาร์มไม่ไหวคงต้องขอบายไปก่อน แต่พออยู่ไปสักพัก ข้อมูลเริ่มมากขึ้น คือมันไม่จำเป็นต้องงานฟาร์มอย่างเดียวก็สามารถต่อวีซ่าได้ เฮ้ย….คือดีงาม แต่แค่ว่าเราจะหางานได้ป่าวแค่นั้น ในสายงาน hospitality งานบริการหรืองานโรงงแรมนั่นเอง งานร้านอาหารก็ได้ แต่ต้องขอเป็นในเขตนั้นที่ระบุไว้ตามเงื่อนไขของวีซ่า...

หลังจากขับรถเลาะชายฝั่ง East coast มาเรื่อยๆจนมาถึงแคนส์ เราใช้เวลา 5 คืน 6 วันในการขับมาจากซิดนีย์ ก็แวะไปเรื่อยอะนะ แต่จะขับอย่างน้อยต่อวันคือ 600 กม ถ้าเป็นที่ไทย ปรู๊ดเดียวถึง แต่ที่นี่มันจำกัดความเร็ว ก็ไปเรื่อยๆ เอื่อยๆ ความเร็วมากสุดที่เหยียบได้ถ้าจำไม่ผิดน่าจะอยู่ที่ 110-120 เพราะถ้าเส้นไหนขับเกิน ก็โดนใบสั่งไปจ้าาาาาา ซึ่งแฟนเรามีความคุ้นเคยดี ได้มาใบนึงตอนอยู่ซิดนีย์ นางก็คงจะเข้าใจแล้วถึงความแพงของค่าปรับ T_T

ก่อนหน้าจะมาก็ติดต่อเอเจนซี่หางานไว้ให้แล้ว ออฟฟิศเอเจนซี่เจ้าดังของแคนส์ คือเราถามราคามาก่อนแล้วว่าเท่าไร เรายอมจ่ายเพื่อไม่ให้เสียเวลาหางาน จะได้เก็บๆกลับๆ เพราะเท่าที่อ่านเรื่องงานฟาร์มของคนอื่นมา มันไม่ “หมู” เลยนะจ๊ะ
ระหว่างขับไปเที่ยวไปถ้าผ่านเมืองไหนที่มีแนวโน้มว่าจะมีงาน เราก็จะเข้าๆไปสอบถาม ซึ่งทุกๆเมืองอะมี information centre ของแต่ละเมืองที่ถ้าฟาร์มไหนต้องการคน มีงานก็จะเอาข้อมูลมาทิ้งไว้ให้ คือไม่ได้มีแค่ประเทศเราที่ต้องมาต่อเขตๆนี้ พวกต่างชาติอื่นๆก็มา ถ้าใครไม่อยากเสียตังค์ค่าเอเจนหางานก็ไปอยู่โฮสเทลที่เค้าดิวงานกับฟาร์มในละแวกนั้นก็ได้ ก็ได้เหมือนกัน แบบอยู่ที่นี่เสียตังค์ให้โฮสเทลแล้วก็ให้เค้าหางานให้...แต่ถ้าช่วงงานไม่มี ฝนตก ออกไปเก็บผลหมากรากไม้ไม่ได้ ทำงานไม่ได้ ก็ต้องจ่ายค่าห้องนะจ๊ะ...คืออยากเก็บอะไรก็เลือกไปเมืองนั้น 55+ มะม่วง มะเขือเทศก็ไป Bowen กล้วยก็ไป Tolga มันฝรั่งก็ไป tablelands จำไม่ได้ว่าเมืองไหนแต่ละแวกๆนั้น คือเข้าไปที่ information centre ของเมืองดูก็ได้เค้าจะบอกหมดว่าเมืองนี้ ผลอะไรจะออกช่วงเดือนไหน ถ้ามันออกช่วงไหนก็แสดงว่าช่วงนั้นงานพีค....ที่พีคคือ เรามากับแฟน ผู้ชายอะทำงานอะไรก็ได้ เหนื่อย ลุย ทำได้ แต่เรางานผู้หญิงมีขีดจำกัดไง คนไหนถึกๆทนๆ ทนแดด ทนลม ทนฝนหน่อย งานผู้ชายทำได้ไม่เกี่ยงก็ดีไป
แต่ผู้หญิงก็มีงานแพคคือ แพคผลไม้วนไป แต่เรื่องงานฟาร์มเราจะไม่รู้เยอะมาก เพราะเราทำงานโรงแรม แหะๆ ^^” ไอ้ที่มาเล่าได้ ก็ถามๆเค้ามา คือต้องหาข้อมูลไงก่อนไปหางาน...พอไปถึงแคนส์ ก็อยู่ AirBnB ไปก่อน เพราะคิดๆแล้วก็ไม่แพง คืนละ $30 ต่อ 2 คน คือเราก็ไม่ได้บุ๊คนานแค่ 3-4 วันระหว่างหางาน ติดต่อเอเจนให้หางานแล้ว เอาเรซูเม่ไปทิ้งไว้ให้เค้า พร้อมบอกว่าของานที่ไปด้วยกันทั้งคู่กับแฟน...แต่เอเจนก็บอกมันยากนะยู แต่ถ้าแยกกันอะไปได้เลย มีงานเลย เอาไม๊ ไปไม๊ พรุ่งนี้เลย...เราเลยบอกว่าไม่...จะไปด้วยกัน คือฟาร์มนี่ถ้าไปแล้วมันจะห่างไกลความเจริญมากกกกกกก คือมีอาทิตย์ละวันที่เจ้าของฟาร์ม หรือ ผจก จะพามาซื้อของกินของใช้ในเมือง แล้ว wifi ฟรีๆ มันก็ไม่มีให้ คือทุกอย่างเป็นเงินน่ะ แล้วแต่ที่ ฟาร์มที่ไปทำ ก็ต้องจ่ายค่าบ้านให้เค้าด้วยนะ ไม่ใช่ทำงานได้ตัง อยู่ฟรี ทำงานได้ตังค์ จ่ายค่าห้องที่ฟาร์มไปอีก ส่วนมากเด็กไทยจะอยู่โฮสเทลแหละ พอตอนเช้าฟาร์มก็จะมีรถมารับมาส่งไปทำงาน แต่ถ้าไม่มีก็ต้องจ่ายค่ารถให้กับเพื่อนๆที่มีรถน่ะ นี่คือเหตุผลว่าทำไมต้องขับรถมาจากซิดนีย์​55+ อย่างน้อยก็ไม่ต้องลำบากเรื่องการเดินทาง แถมมีรายได้เสริมไปอีก ^_^

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่