แชร์ประสบการณ์โดนกักบริเวณ ด่าน ตม. รัฐยะโฮร์ บาห์รู ประเทศมาเลเซีย 3 คืน (โดดเดี่ยว)

เป็นอาหมวยที่ชอบผจญภัย แต่การเป็นผู้หญิงนั้น เดินทางไปไหนมาไหนโคตรลำบาก แต่คนชอบท่องเที่ยวมันห้ามยังไงก็ไม่ได้จริงๆนะ
แต่การเดินทางคนเดียวทุกครั้งก็เสี่ยงและหวั่นๆใจที่เดินทาง แต่ก็อยากไปสัมผัส ไปผจญภัย อยากท่องโลกกว้าง
(ใครที่บอกว่า โดนกักบริเวณที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้ โคตรแย่ มาฟังเรื่องของเราบ้างดีกว่า)

มาเลเซีย เคยไปกัวลาลัมเปอร์ 2 ครั้ง แต่ก็ไปกับครอบครัวและเพื่อนๆชาวไทย
แต่เรื่องที่เกิดคือเราจะไปเยี่ยมเพื่อนจีนมาเลเซียที่รัฐยะโฮร์ บาห์รู ซึ่งมันติดกับสิงคโปร์
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อปีที่แล้ว อยากไปเที่ยวสวนสนุกเลโก้แล้วก็โรงแรมคิตตี้ จึงบอกเพื่อนให้พาไปหน่อย เพื่อนก็ชวนเพราะอยากไปเหมือนกัน
โดยคืนแรกเราไปถึงที่มาเลเซียก็เกือบเที่ยงคืน ต้องนอนบ้านเพื่อนก่อน และเพื่อนก็น่ารักมาก ไปซื้อผ้าปูที่นอนลายคิตตี้ซักตากปูรอเรียบร้อย
และเพื่อนก็บอกว่า ไม่ต้องไปแลกเงินนะ มาแลกกับเพื่อน เพราะเดี๋ยวสงกรานต์ก็จะมาเที่ยวที่ไทย
เราจึงไม่แลกเงินมาเลฯสักบาท รวมทั้งซิมอินเตอร์เน็ตก็คิดว่าซื้อที่มาเลฯ เช่นกัน
เราจึงจองตั๋วเดินทางวันที่ 22-26 มีนาคม เป็นเวลา 5 วัน 4  คืน
พอวันเดินทาง แน่นอนแหล่ะทุกคนมีความตื่นเต้นเป็นเรื่องธรรมดา เราก็ตื่นเต้นที่ได้เที่ยว ได้นอนโรงแรมคิตตี้ ได้เล่นเครื่องเล่น
แต่พอไปถึงด่านตรวจคนเข้าเมือง
เจ้าหน้าที่ถามเราว่า "มาทำอะไรที่มาเลเซีย"
เราตอบว่า "มาหาเพื่อน เพื่อนเป็นคนมาเลเซีย บ้านอยู่ที่นี่ และเขาก็ชวนมาเที่ยว" (ก็ตอบตรงๆอ่ะ)
เจ้าหน้าที่ถามอีกว่า "แล้วมากับใครบ้าง"
เราตอบว่า "มาคนเดียว"
เจ้าหน้าที่ "มาคนเดียว แล้วนอนที่ไหน มีชื่อโรงแรมไหม"
เราตอบว่า "นอนบ้านเพื่อน ไม่ได้พักที่โรงแรม"
เจ้าหน้าที่ก็พับพาสปอร์ตเราแล้วเรียกเราเข้าไปห้องหนึ่งซึ่งอยู่ทางด้านขวามือ และส่งพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่อีกคน
และเขาก็พูดภาษามาเลฯ เราฟังไม่รู้เรื่องเลย ณ จุดนั้นใจคอไม่ดีแล้ว ไปที่ไหนไม่เคยเจอแบบเรียกเราเข้าห้อง ทุกทีให้ผ่านตลอด
แล้วเจ้าหน้าที่คนใหม่ก็ถามเราว่า "มาที่นี่กี่วัน"
เราก็ตอบว่า 5 วัน แล้วก็ถามเขาว่า "มีอะไรหรือเปล่า"
เขาตอบว่า "เราไม่สามารถให้เธอเข้าประเทศได้นะ"
เราถาม "ทำไมถึงเข้าไม่ได้"
เขาตอบว่า "เพราะเธอพึ่งมาที่นี่ครั้งแรกและมาคนเดียว"
เรางงเลย เราก็บอกเขาไปว่า "เรามาที่มาเลเซียสองครั้งแล้วแต่ไปกัวลาลัมเปอร์ไม่ได้มาที่นี่ แล้วที่นี่ไม่ใช่มาเลเซียหรอ"
ณ วินาทีนั้น เราหันหลังกลับไปดูตรงจุดเข้าแถวตรวจพาสปอร์ต กลับพบว่าไม่มีผู้โดยสารเลยสักคน มีเพียงเราที่ยืนอยู่
แล้วตรงที่ตรวจนั้นเจ้าหน้าที่ก็ปิดไฟเรียบร้อย เพื่อให้รู้ว่า เที่ยวบินนี้คือเที่ยวบินสุดท้ายของคืนนี้
เรายืนน้ำตาไหลพรากแล้วบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า "เพื่อนรออยู่ข้างนอก ขอให้ฉันได้เข้าไปได้ไหม"
เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า "ไม่ได้" (เมื่อฟังคำนี้ซัดโฮ ฟุ๊บลงไปกับพื้นเลย)
เราพยายามอธิบาย เขาก็ไม่ฟังเราเลย เราพยายามต่อไวไฟที่นี่ก็ไม่พบไวไฟฟรีให้ใช้เลย
แล้วเจ้าหน้าที่อีกสองท่านก็มา พวกเขาก็คุยมาเลฯ (เราไม่สนใจหรอก ร้องไห้อย่างเดียว ตรงนั้นแหล่ะ)
แล้วเจ้าหน้าที่ก็บอกกับเราว่า "เราจะขอส่งตัวเธอกลับประเทศไทยนะ แต่ทางเราได้เช็ควันแล้ว ได้เร็วสุดคือวันที่ 25 นี้ เพราะไม่มีที่นั่ง"
เรานั่งที่พื้นอยู่ก็ร้องไห้ไปนับวันกลับไป อีกตั้ง 3 คืน นับตั้งแต่คืนนี้ คือเที่ยงคืนของวันที่ 23 แล้วไง
เขาหาวันให้เร็วสุด แต่ก็พอกับวันที่เรามาเที่ยวเลย เร็วกว่าแค่วันเดียว (โหดร้ายอ่ะ)
เราถามว่า "สามารถนั่งที่อื่นได้ไหม จากที่นี่ลงที่กัวลาลัมเปอร์ แล้วต่อจากกัวลาลัมเปอร์ไปไทย"
เจ้าหน้าที่ตอบว่า "ไม่ได้ ไฟท์บินที่มาจากที่ไหนก็ต้องขึ้นจากที่นั่น"
แล้วเจ้าหน้าที่ก็โทรคุยกับทางสถานฑูตไทยประจำมาเลเซีย และออกเอกสารพร้อมตราประทับ ส่งตัวเรากลับประเทศ
(เห้ยๆๆๆ เราอยากรู้ว่าเราทำอะไรผิดอ่ะ ทำไมต้องถึงขั้นนี้ด้วย)
เจ้าหน้าที่นำเราเข้าห้องหนึ่ง ประตูใส่รหัสเข้าห้องประตูรหัสสามชั้น ทำเหมือนเป็นอาชญากรหลบหนีเข้าประเทศเลย
แล้วเขาก็ให้เราเข้าห้องหนึ่งซึ่งมีแยกห้อง ผู้หญิง กับ ผู้ชาย
พอเราเปิดประตูเข้าไปก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งชันเข่าก้มร้องไห้เสียงดังลั่นห้อง
เรายืนอึ้งอยู่ตรงประตูขณะที่มองไปที่ผู้หญิงคนนั้น (เห้ย...อะไรวะเนี่ย...เกิดอะไรกับเราว๊ะ...ที่นี่คือ?)
เราเดินเข้าไปแล้วนั่งลงแล้วก็ถามว่า "ขอโทษนะ เธอมาจากประเทศไหน ร้องไห้ทำไม" (ถามเขาทำเพื่อ เราเองก็ยังร้องไห้อยู่)
เขาก็เงยหน้าขึ้นแล้วก็ตอบว่า "ฉันมาจากอินโดนิเซีย"
เราถามว่า "เขาไม่ให้เธอเข้าไปใช่ไหม" เขาก็พยักหน้าตอบแล้วก็ยังคงร้องไห้
เราก็บอกว่า "ฉันมาจากประเทศไทย พวกเจ้าหน้าที่ ตม. ก็ไม่ให้ฉันเข้าไปเช่นกัน"
เขาถามเราว่า "แล้วเธอได้กลับวันไหน"
เราก็บอกเขาว่า "เจ้าหน้าที่บอกกับฉันว่า ฉันได้กลับวันที่ 25 แล้วเธอหล่ะ"
เขาตอบว่า "ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้" (แล้วนางก็ร้องไห้ พูดอะไรต่อฟังไม่รู้เรื่องเลย)
ตอนนั้นเวลาที่มาเลเซียซึ่งเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง ก็ปาไป ตีสองเกือบตีสาม ง่วงมากแต่นอนไม่หลับ ไฟในห้องก็สว่าง นอนไม่ได้เลย
แถมน้าอินโดนิเซียก็ร้องไห้ จะหลับลงได้ไง เฮ้อ.....
บรรยากาศในห้องที่เราได้เผชิญชะตากรรมร่วมกับน้าต่างชาติผู้นี้



แอร์มันปรับไม่ได้ หนาวมาก เราออกไปถามเจ้าหน้าที่ เขาก็บอกว่าปิดแอร์ในห้องไม่ได้ มันเป็นแอร์ท่อถ้าปิดห้องเจ้าหน้าที่ข้างในก็ปิดด้วย
ส่วนพรมก็คันมาก ดูแล้วคงไม่เคยทำความสะอาดอ่ะ คันเนื้อยิกๆ ถ้าเอากล้องส่องนะ ไรฝุ่นคงมีเยอะอ่ะ
เวลาผ่านไปถึงตี 4 เราเริ่มง่วงไม่ไหวละ เห็นน้าอินโดก็แบบร้องไห้จนเพลีย เราจึงบอกว่า "ปิดไฟนอนกันเถอะ อย่ากลัวนะ ยังมีฉันอยู่"
แล้วน้าก็ลุกไปปิดไฟแล้วนอนตรงประตูตรงนั้น
ระหว่างนั้นเราพยายามต่อโรมมิ่ง สุดท้ายก็สมัครโรมมิ่งจนได้ ยอมเสียตังค์ก็ได้ว๊ะ พอมีสัญญาณเน็ตก็ติดต่อเพื่อนที่รออยู่ข้างนอก
เขามารอเราตั้งแต่ 5ทุ่ม จนถึง ตี4 ทั้งๆที่ติดต่ออะไรกันไม่ได้เลย เราก็บอกเขาว่า เราออกไม่ได้นะ เราโดนกักบริเวณ
เราก็เล่าให้เพื่อนฟัง แล้วบอกให้เพื่อนกลับไปเถอะ ค่อยว่ากันใหม่
แล้วเราก็โทรไลน์หาแม่ ตอนนั้นที่ไทยก็ตี3 โทรไปแม่ตัดสายทิ้งอีก พอโทรไปครั้งที่สองแม่ก็ปิดเครื่องเฉยเลยอ่ะ
(พอมารู้ทีหลัง แม่บอก หลับไปแล้วได้ยินเสียงโทรศัพท์มันก็ดึกมากไม่ได้อ่านชื่อก็คิดว่าเพื่อนโทรมาเลยตัดสายปิดเครื่อง) เฮ้อ...
ติดต่อแม่ไม่ได้ นอนพักเอาแรงหน่อย ร้องไห้ปวดตามาก พักตาแม้ไม่ได้หลับก็ยังดี ลดบวมหน่อยนึง

+++++ เดี๋ยวคืนพรุ่งนี้มาเล่าต่อนะ +++++
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่