ไม่กล้าบอกพ่อแม่ว่าเรียนไม่ไหวอยากย้ายสายการเรียนแต่พ่อแม่หนูเป็นคนที่ค่อนข้างหัวโบราณชอบตึกรอบให้เราเดินไปในทางที่เค้าต้องการมาตั้งแต่เด็ก ก้รู้นะว่าเค้าไม่อยากให้เราลำบาก ที่เค้าทำแบบนี้เพราะรักเรา แต่มันไม่ใช่สายที่เราชอบเลยตลอดทุกวันที่ไปโรงเรียน เราไม่รู้สึกว่ามีความสุขเลย เรารักดนตรี ชอบร้องเพลง ชอบการที่ได้ไปร้องเพลงต่อหน้าคนดู แรกๆเค้าก็เหมือนเข้าใจเรานะ เราก็เลยลองขอเค้าว่าหลังจากจบ ม.6 แล้วเราขอไปเข้าโรงเรียนดนจรีเลยได้ไหม แล้วเค้าก็ทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่โต เค้าบอกกับเราว่าเรียนจบแล้วมันจะไปทำงานอะไร หางานก็ยาก ไม่จีรังยั่งยืนดังแปปๆเดียวก็ดับ จำได้เลยว่าวันนั้นทะเลาะกันใหญ่โต เราร้องไห้หนักมาก เราก็เลยมีความคิดนึงสั้นๆโง่ๆชั่ววูบ เราเป็นไมเกรนอยู่แล้ว เลยมียาพกติดตัวตลอกเวลา เลยจัดการกรอกยาเข้าปากไปสิบกว่าเม็ด หลังจากนั้นสักพักเราก็เริ่มรู้สึกว่าสติกำลังจะดับ หน้าพ่อหน้าแม่ลอยขึ้นมาเลยค่ะ เลยตะโกนเรียกแม่ก่อนจะวูบไป ตื่นมาอีกทีก็อยู่โรงบาลแล้วค่ะ รู้สึกผิดมากที่ทำแบบนั้น และนั่นคือวันที่เห็นปะป๊าร้องไห้ครั้งแรก เราเสียใจมากได้แต่คิดว่าเราทำไมถึงทำแบบนั้น เราก็เลยเดินตามทางที่เค้าหวังมาตลอด จนขึ้นปริญาตรี เราสอบไว้หลายที่ แม่บอกอยากให้เรียนแฟชั่น เราก็ลงสอบไว้ให้ แต่ไม่ได้ทุ่มแทกับมัน เลยเลือกไว้ 3 ที่ คือดนตรีและนิเทศค่ะ ก็สอบติดทั้งสองที่ แต่ที่โชคร้ายคือแฟชั่นก็ติดด้วย เราพยามไม่บอกเค้าว่าติดแฟชั่น แต่เค้าก็รู้อยู่ดี เลยต้องเรียนตามที่เค้าอยากให้เรียน ตอนนี้เรียนมาเกือบสองเดือนแล้วค่ะ ตอนนี้ท้อแท้มาก รายจ่ายก็เยอะ หลายๆคนน่าจะรู้อยู่แล้วนะคะ ว่าเรียนแฟชั่นไม่ใช่ง่ายๆ นอกจากต้องใช้สมองคิดแบบแล้วยังมีค่าใช้จ่ายอย่างมากโข สงสารเค้ามากค่ะ ที่ต้องมาทำงานหนักส่งเราเรียน อยากขอโทษท่านทั้งสองมาก รู้สึกผิดจริงๆค่ะที่ทำไม่ได้ตามเป้าหมายที่เค้าตั้งไว้
ไม่กล้าบอกพ่อแม่ว่าเรียนไม่ไหวอยากย้ายสายการเรียน