คือก็งงๆสงสัยมานานแล้ว คอยๆคิดๆอยู่ในใจ เกี่ยวกับการเป็นพระโสดาบัน คือใครที่ได้อ่านพระไตรปิฏก ก็จะเห็นว่าการบรรลุพระโสดาบันดูเหมือนบรรลุกันง่าย พระพุทธเจ้าสอนไม่มากก็บรรลุเป็นพระโสดาบันกันเยอะแยะ และที่พอจำๆได้อ่านจากหนังสือของท่านพุทธทาสก็ไม่ได้เป็นยากนะ,พระโสดาบัน
และก็อีก โสดาบันแค่ละได้ 3อย่างเอง 1ละสักกายทิฏฐิ 2ละวิจิกิจฉา 3ละสีลัพพตปรามาส ยังมีกิเลสอยู่เยอะเลย เช่นกามราคะก็ยังละไม่ได้ สังโยชน์มีตั้ง10 โสดาบันได้แค่ 3 เอง
แต่อีกมุมนึง คือจากการไปปฏิบัติธรรมที่ต่างๆซึ่งปรกติพระเป็นผู้สอน ซึ่งก็จะเป็นคอร์สหลายวันต้องฝึกสมาธิทั้งวัน ต้องมีสติตลอดทุกอริยาบถ นั่งทนเจ็บ .... มันยากมาก ก็เลยสงสัยอยู่บ้างว่าความจริงมันต้องฝึกจิตขนาดนี้เลยเหรอ นึกถึงพระสูตรที่ชาวบ้านบรรลุเป็นโสดาบันกันไม่ยาก เหมือนกับว่ายังไม่ต้องลงไปถึงระดับจิตใจอะไรมาก แค่มีปัญญาเข้าใจก็บรรลุโสดาบันได้แล้ว
และก็นึกขึ้นอีกว่าเพราะพระสูตรเราๆทั้งหลายอาจจะไม่ได้สังเกตุกันว่าพระพุทธเจ้าสอนใครอยู่ ฆราวาสหรือพระ เลยเอามาปนกัน ก็ได้มั๊ง! เลยคิดกันว่ามันยาก
และก็นึกโยงไปถึงศีลฆราวาสมีแค่5เอง คือศีล5 แต่พระมีเป็นร้อยเป็นพันข้อ (227ข้อก็แค่ที่สวดพระปาฏิโมก) นึกถึงศีลพระเช่นพระแค่ช่วยตัวเองก็ไม่ได้แล้ว หรือมีอะไรกับผู้หญิงก็เจอโทษหนักมหันต์คือปาราชิกต้องสึกและเป็นพระไม่ได้อีกเลย แต่ฆราวาสซิ จะมีอะไรกับผู้หญิงไม่มีปัญหาเลย จะกี่ครั้งก็ได้ถ้าเป็นสามีภรรยากัน จุดนี้ยิ่งสนับสนุนว่า โสดาบันที่เป็นพระกับฆราวาสก็ต่างกันซิ
ละกามนี่มันยากมากนะ ผู้ชายหลายท่านคงเห็นด้วยกับผม!!
ผมก็เลยมีสมมุติฐานขึ้นมาว่า อาจเป็นไปได้ที่พระโสดาบันมี2แบบคือแบบฆราวาส และ แบบพระ เราเอามาปนกันเองหรือเปล่า? เวลาอ่านพระไตรปิฏกเราไม่ได้สังเกตุกันดีๆว่าพระพุทธเจ้าสอนพระหรือฆราวาสอยู่
ก็เลยตั้งกระทู้มาถามมาคุยกัน ความเห็นที่แสดงกันมาอยากให้มีอ้างอิงจากพระไตรปิฏกได้จะดีมากครับ
และถ้าใครมีพระสูตรอะไรที่ช่วยทำให้ผมกระจ่างได้ในเรื่องนี้จักขอบคุณมากครับ
หรือว่า(พระ)โสดาบันมี2แบบคือแบบฆราวาส และ แบบพระ?
และก็อีก โสดาบันแค่ละได้ 3อย่างเอง 1ละสักกายทิฏฐิ 2ละวิจิกิจฉา 3ละสีลัพพตปรามาส ยังมีกิเลสอยู่เยอะเลย เช่นกามราคะก็ยังละไม่ได้ สังโยชน์มีตั้ง10 โสดาบันได้แค่ 3 เอง
แต่อีกมุมนึง คือจากการไปปฏิบัติธรรมที่ต่างๆซึ่งปรกติพระเป็นผู้สอน ซึ่งก็จะเป็นคอร์สหลายวันต้องฝึกสมาธิทั้งวัน ต้องมีสติตลอดทุกอริยาบถ นั่งทนเจ็บ .... มันยากมาก ก็เลยสงสัยอยู่บ้างว่าความจริงมันต้องฝึกจิตขนาดนี้เลยเหรอ นึกถึงพระสูตรที่ชาวบ้านบรรลุเป็นโสดาบันกันไม่ยาก เหมือนกับว่ายังไม่ต้องลงไปถึงระดับจิตใจอะไรมาก แค่มีปัญญาเข้าใจก็บรรลุโสดาบันได้แล้ว
และก็นึกขึ้นอีกว่าเพราะพระสูตรเราๆทั้งหลายอาจจะไม่ได้สังเกตุกันว่าพระพุทธเจ้าสอนใครอยู่ ฆราวาสหรือพระ เลยเอามาปนกัน ก็ได้มั๊ง! เลยคิดกันว่ามันยาก
และก็นึกโยงไปถึงศีลฆราวาสมีแค่5เอง คือศีล5 แต่พระมีเป็นร้อยเป็นพันข้อ (227ข้อก็แค่ที่สวดพระปาฏิโมก) นึกถึงศีลพระเช่นพระแค่ช่วยตัวเองก็ไม่ได้แล้ว หรือมีอะไรกับผู้หญิงก็เจอโทษหนักมหันต์คือปาราชิกต้องสึกและเป็นพระไม่ได้อีกเลย แต่ฆราวาสซิ จะมีอะไรกับผู้หญิงไม่มีปัญหาเลย จะกี่ครั้งก็ได้ถ้าเป็นสามีภรรยากัน จุดนี้ยิ่งสนับสนุนว่า โสดาบันที่เป็นพระกับฆราวาสก็ต่างกันซิ ละกามนี่มันยากมากนะ ผู้ชายหลายท่านคงเห็นด้วยกับผม!!
ผมก็เลยมีสมมุติฐานขึ้นมาว่า อาจเป็นไปได้ที่พระโสดาบันมี2แบบคือแบบฆราวาส และ แบบพระ เราเอามาปนกันเองหรือเปล่า? เวลาอ่านพระไตรปิฏกเราไม่ได้สังเกตุกันดีๆว่าพระพุทธเจ้าสอนพระหรือฆราวาสอยู่
ก็เลยตั้งกระทู้มาถามมาคุยกัน ความเห็นที่แสดงกันมาอยากให้มีอ้างอิงจากพระไตรปิฏกได้จะดีมากครับ
และถ้าใครมีพระสูตรอะไรที่ช่วยทำให้ผมกระจ่างได้ในเรื่องนี้จักขอบคุณมากครับ