จขกท.ตั้งใจเขียนกระทู้นี้ขึ้นมาเพราะเมื่อไม่กี่วันมานี้ผู้ใหญ่ที่รู้จักกันอยู่ๆ ก็อยากจะให้ จขกท. รับสินค้าพื้นเมืองต่อจากญาติเค้าไปขายบนเน็ตให้
ไอ้เราก็แบบ เหยยยยย ในใจ คือจะให้รับซื้อต่อจากญาติเค้า ซึ่งรับต่อมาจากชาวบ้านผู้ผลิตอีกที ทุนมันก็ต้องบวกเพิ่มอีกสิเพราะกินเป็นทอดๆ 2 ต่อแล้ว
พอจะบอกว่าไม่สนใจก็ยังไงอยู่ เลยแนะเค้าเรื่องการขายออนไลน์ไปจากประสบการณ์ของเราค่ะ ว่ามันไม่ง่ายนะะะะะะ การขายของออนไลน์ไม่ใช่แค่การถ่ายรูปอัพลงแล้วจบเลยเดี๋ยวก็มีคนซื้อเองเหมือนที่ลุงๆ ป้าๆ เข้าใจ
ปีก่อนเรามีทุนเล็กๆ ก้อนนึงประมาณ 1500 สำหรับทดลองพรีของกับชิปปิ้งมาขายออนไลน์ครั้งแรกค่ะ ซึ่งเราไม่เคยขายของมาก่อนในชีวิต 55
และไม่ใช่ว่าไม่กล้าลงทุนเยอะ แต่เงินเราไม่มี ฮาาาาาาาา
ไม่บอกว่าเป็นสินค้าอะไรดีกว่า แต่ใบ้ให้ว่าเป็นกลุ่มสินค้าแฟชั่นที่ไม่ใช่เสื้อผ้า ไม่ใช่พวกเครื่องประดับสร้อย แหวน กำไล
อะไรทำให้เราเลือกสินค้าตัวนั้น
- เห็นแล้วชอบค่ะ อยากสั่งมาใส่เองแต่มันดูเป็นสาวมุ้งมิ้ง ไม่ก็แนวฮิปสเตอร์มากซึ่งไม่เข้ากับหน้าเรา 555555 เราเป็นคนชอบของน่ารักๆ แต่พอเป็นของที่ใช้จริงจะออกแนวเรียบๆ หมดเลย ไม่ว่าจะเสื้อผ้า หมวก กระเป๋า
อีกอย่างคือช่วงนั้นเราเดาว่าปีนี้มันต้องมีกระแสตัวนี้แน่ๆ เพราะเห็นในสื่อต่างๆ บ่อยขึ้น ทั้งในซีรีส์ทางเกาหลี ญี่ปุ่น แม้แต่ในละครไทย ดาราบางคนก็ใส่ถ่ายรูปอัพลง
วิเคราะห์กำไรที่จะได้จากการขายสินค้า
-เราสำรวจดูก่อนว่าราคาทั่วไปที่วางขายในเน็ตเป็นเท่าไหร่
ซึ่งเรามีธงในใจว่าขั้นต่ำของราคาขายของเราต้องได้ 2 เท่าของทุน และต้องขายได้ในราคาเท่ากันกับราคากลาง
เช่น ของชิ้นนึงราคากลางทั่วไปขาย 200 บาท เราจะต้องได้ของชิ้นนั้นในราคาทุนที่ชิ้นละ 100 บาท หรือ+ไม่เกิน20บาท แล้วนำมาขายในราคา 200 เท่ากัน
จะมีบางชิ้นที่ร้านอื่นๆ ขายกันที่ชิ้นละ 300-350 แต่เราลองคำนวนเทียบดู สินค้าพวกนั้นได้กำไร 3 เท่าก็มี
ย้อนกลับมาที่ผู้ใหญ่ที่รู้จัก ถ้าญาติเค้าจะขายสินค้าตัวนั้นให้เราในราคา 240 (ราคาตามตลาดทั่วไป 250) เราจะขายต่อในราคา 290 ก็ไม่ใช่แล้วค่า อีกทั้งถ้าขายแพงกว่านั้นใครจะซื้อล่ะ หือออออ ดังนั้น ถ้าใช้วิธีคิดปกติของเราคือเราต้องรับสินค้าพื้นเมืองชิ้นนั้นมาในราคาทุนที่ 120-130 บาท เราจึงจะขายได้ในราคา 240-250 อาจมีลดตามโปรบ้างนิดหน่อย แต่ประเด็นอีกอย่างคือเราไม่สนใจสินค้าตัวนั้นเลย
เตรียมตัวขายของ
-เราเปิด ig ร้านระหว่างรอชิปปิ้งส่งของมาให้ประมาณ 2สัปดาห์ โพสต์1-3วัน/ครั้ง ติดแท็กรัวๆ และทำเว็บเทพ lnwshop ลงทะเบียนระดับ2ไว้ด้วย ประมาณบอกอ้อมๆ ว่าไม่โกง ได้ของแน่นอนจ้า
เราไม่ได้ให้ใครมาช่วยฟอลให้ยกเว้นหลาน 1 คน ยอดฟอลตามจริงไม่ปั้ม จนวันที่ของมาส่งมีคนฟอลประมาณ 50 คนค่ะ
เริ่มขายของได้
- วันที่ 3 นับตั้งแต่ของมาถึงค่ะ เราถ่ายรูปโพสต์ลง ig ประมาณว่าของมาถึงแล้วสั่งได้แล้วจ้า แล้วก็อัพเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับสินค้า
แต่รูปสินค้าที่อัพลงเป็นรูปที่เราถ่ายเองกับมือ ไม่เอาจากเว็บจีนอย่างเดียว สัดส่วนคงประมาณ รูปถ่ายสินค้าจริงของเรา : รูปจีน = 5 : 1
ให้ลูกค้าเชื่อมั่นว่าได้ของตามแบบแน่นอน (ซึ่งแหงล่ะ ก็เราถ่ายสินค้าเราจริงๆ นี่นา)
กล้องใช้ Canon M10 เซ็ทฉากนิดหน่อยๆ หาของในบ้านมาประกอบ แต่งรูปปรับสีใน Lr สุดท้ายคาดลายน้ำชื่อร้าน จบปิ้ง อัพได้
พอขายชิ้นแรกได้ก็ขายออกได้เรื่อยๆ ค่ะ จนคืนทุนตอน 2 สัปดาห์ผ่านไป ในขณะที่ ig ร้านยังมีคนฟอลแค่ราวๆ 100 คนเท่านั้นเอง
จากนั้นเราก็พรีมาเพิ่มแล้วก็ขายไป วนเรื่อยๆ
เราเริ่มวางขายบน shopee ดูบ้างก็ได้ลูกค้าเรื่อยๆ จนพ้นมกรา เราเลิกอัพ ig ร้าน แล้วไปสิง shopee แทน
ใน shopee นี่แหละค่ะ แข่งตัดราคากันโหดมากกกกกกกกกก จนเราต้องยอมลดราคาตาม แต่ไม่กล้าลดขนาดเจ้าอื่นที่ลดสุดๆ ลดจนขายถูกกว่าทุนที่เราได้มาอีก คือทึ่งมาก
พอมีเงินในมือจำนวนนึง เราเลยลองสั่งของชนิดเดียวกันแต่แบบอื่นมาขาย และพวกสินค้าในกลุ่มแฟชั่นอื่นๆ ไปจนถึงของยูนีคมากตามความชอบส่วนตัว ที่ปัจจุบันก็ยังขายออกแค่ชิ้นเดียว
เอาความชอบของตัวเองเข้าว่า โดยที่ลืมคิดไปว่าเราไม่ค่อยชอบอะไรเหมือนคนอื่นด้วยสิ
และเริ่มเอาเงินจากกำไรที่ได้ไปใช้ส่วนตัว เกิดการไม่แยกกระเป๋าเงินร้าน เงินส่วนตัว และเราไม่ทำบัญชีไว้เลย
นี่แหละค่ะเส้นทางแห่งจุดจบ ทั้งๆ ที่เริ่มได้ไม่กี่เดือน 5555
ใครที่อ่านถึงตรงนี้ เราขอแนะว่าตอนเลือกสินค้าให้คิดดีๆ ก่อนค่ะ
ให้ขายของที่คนอื่นอยากซื้อ ไม่ใช่ขายของที่ตัวเองอยากได้หรืออยากขายแต่ฝ่ายเดียว
และต้องแยกกระเป๋าเงินด้วย
อย่าลืมทำบัญชีไว้ด้วยนะเออ
พอเอาเงินร้านไปใช้ เงินหมดสิคะ
พร้อมๆ กับกระแสของสินค้าตัวนั้นที่ค่อยๆ ลดลงตามฤดูกาล
บางอันขายไม่ออกซักทีเราก็เอาไปแจกเด็กข้างบ้าน คนรู้จักบ้าง 555
พอเข้าช่วงหน้าฝนเราที่ขายไม่ได้ซักชิ้นเพราะหมดฤดูท่องเที่ยวด้วย คือเกือบทั้งหมดที่เราเอามาขายเป็นสินค้าแฟชั่นตามฤดูกาล
ปัจจุบันเราเหลือสินค้าค้างสต็อคอยู่บ้างค่ะ ราวๆ 20 ชิ้น
ถ้าถามว่าเป็นยังไงบ้าง เราคงบอกว่าสนุกดีค่ะ
จริงๆ ไม่คิดว่ามันจะไปได้ดีแม้จะช่วงเดียวก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้เราว่าก็โอเคระดับนึงเลยนะ แม้มันไม่ได้ทำให้เรารวยหรือกลายเป็นกิจการใหญ่แต่อย่างใดเหมือนที่พวกผู้ใหญ่คนรู้จักชอบเอาเรื่องอายุน้อยร้อยล้านมาเปรียบเทียบกับเรา พวกผู้ใหญ่เนี่ยชอบคิดว่ามันง่ายตลอดเลย
เงินที่ได้จากการขายเราก็เอาไปเปย์ตัวเอง เปย์คนในบ้าน ซื้อของแจกบริจาคทำกิจกรรมเด็กๆ ตามโอกาส (พรีจีนหมดนี่เลยค่ะ ฮาา)
จากเงินทุนวันนั้นแค่ 1500 แล้วปัจจุบันเงินหมด ถถถถ
แต่ก็ยังเหลือของในสต็อคที่ขายได้อีกซัก 4000-5000 ที่คิดไว้ว่าถ้าขายได้จะใช้เป็นทุนขายของอีกรอบ
-----------------------------------------------------------------------------------------------
นอกจากตัวสินค้า ที่สำคัญมากไม่แพ้กันคือการทำเนื้อหาค่ะ
การลงข้อมูลรายละเอียดสินค้าต้องครบ ชัดเจน สี ไซส์ วัสดุ ราคา ต้องครบ เอาให้ลูกค้าไม่ถามเพิ่ม
ไม่ใช่ลงแค่รูปกับราคาอย่างเดียว แต่บางร้านลงรูปแล้วไม่มีรายละเอียดอย่างอื่นเลย ราคาก็ไม่บอก ไลน์เอานะจ๊ะ แหม่
ราคาสินค้า
กลุ่มลูกค้าเราเป็นวัยรุ่น-ทำงานตอนต้นเป็นหลัก เลยเลือกสินค้าที่จะขายได้ในราคาช่วง 150-350
เรื่องรูปภาพ จริงๆ พึ่งรูปจากแหล่งมันอย่างเดียวก็พอได้ ถ้ารูปกับสินค้าจริงเหมือนกันเป๊ะๆ
แต่เราอยากให้แตกต่างจากร้านอื่นด้วยค่ะ ถ่ายรูปเองโล้ดดดดดดดด
ถ่ายชัดทุกมุม ซูมยันพื้นผิววัสดุ
พิมพ์ด้วยว่า รูปสินค้าจริง แม่ค้าถ่ายเอง ฮา
การขนส่ง
ส่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นับจากลูกค้าโอนเงินมา ส่งช้าสุดก็ต้องไม่เกิน 24ชม. ค่ะ
โชคดีที่ปณ.แถวบ้านเราวันปกติเปิดถึง1ทุ่ม วันหยุดราชการ วันหยุดนักขัตฤกษ์ก็เปิดถึงเที่ยง
เราเลยสามารถแจ้งลูกค้าได้ว่า ร้านเราส่งของในวันที่โอน ตัดรอบที่กี่โมง ไม่มีวันหยุด
โปรโมทสินค้าผ่าน ig
นอกจากรูปถ่ายสินค้าแบบปกติแล้ว เราก็วานหลาน วานเด็กข้างบ้านมาช่วยเป็นแบบถ่ายรูปให้ด้วย (แต่ซูมให้เห็นแต่สินค้า เบลอหน้าไว้)
สินค้าเราเป็นงี้นะๆ
ของแถม
คนแรกที่เราแถมของไปให้ด้วยคือคนที่สั่งแล้วเราไปส่งของให้วันพ่อ (5ธ.ค.60) พอดี พิมพ์คำว่าสุขสันต์วันพ่อลงกระดาษขาว150แกรม แบบเรียบๆ ไปให้ด้วย เค้าสั่งของไป 1หรือ 2 ชิ้นเราจำไม่ได้ แต่เราแถมให้เค้าอีก 1 ชิ้นค่ะ พอลูกค้าได้รับของปุ๊บก็ไลน์ทักมาขอบคุณเรายกใหญ่เลย
เป็นครั้งแรกที่รู้สึกดีกับการขายของ 55 แต่เราจะแถมของชิ้นใหญ่ให้ตลอดไม่ได้ เลยมองหาของแถมเล็กๆ น่ารักๆ ที่มูลค่าไม่สูงให้ลูกค้าทุกออเดอร์หลังจากนั้นแทน ลูกค้าบางคนก็ทักมาขอบคุณบ้างเหมือนกัน
ส่งของผิด
ตอนขายของไปได้เดือนกว่าๆ เราเคยจำสับสนกับอีกออเดอร์นึงเพราะเข้ามาพร้อมกัน เลยทำให้ส่งของให้ลูกค้าคนนึงผิดสีที่สั่ง แล้วเราไม่รู้ตัวเลยจนเค้ารับของแล้วทักไลน์มาต่อว่าว่าแย่มาก ตอนเราเปิดจอมือถือแล้วเห็นข้อความไลน์แย่มากค้างไว้ ใจตกที่ตาตุ่มเลยค่ะ ยังไม่รู้ตัวว่าส่งของผิดแต่นึกว่าของมีปัญหาอะไรรึเปล่า ทั้งๆ ที่เราเช็คก่อนส่งตลอด
เราเลยรีบขอโทษเค้าแล้วบอกว่าจะสีที่สั่งไปให้ทันทีแล้วเค้าเก็บสีที่เราส่งผิดไว้เลยไม่ต้องส่งคืนมา
เค้าก็ดูใจเย็นขึ้น พอได้รับของตามที่สั่งก็ชมว่าแม่ค้ามีความรับผิดชอบดีมาก 55
หลังจากนั้นเราเช็คแล้วเช็คอีกว่าไม่ส่งผิดแน่ๆ ก็ไม่พลาดอีกเลย
เพราะเราปักธงเหมือนกันว่าถ้าเป็นความผิดพลาดของเรา ส่งผิดสีงี้ เราจะไม่ให้ลูกค้าต้องส่งของที่เราส่งไปผิดคืนมา เราจะให้ของชิ้นนั้นกับเค้าเป็นการขอโทษพร้อมกับส่งของที่ถูกต้องไปให้ด้วย
เท่าที่นึกออกก็เท่านี้แหละค่ะ จบละ แฮร่
หวังว่ากระทู้นี้จะพอมีประโยชน์สำหรับคนที่นึกอยากลองขายของออนไลน์ดูบ้างนะคะ
แชร์ประสบการณ์ : ขายของออนไลน์ ง่ายจริงหรือ?
ไอ้เราก็แบบ เหยยยยย ในใจ คือจะให้รับซื้อต่อจากญาติเค้า ซึ่งรับต่อมาจากชาวบ้านผู้ผลิตอีกที ทุนมันก็ต้องบวกเพิ่มอีกสิเพราะกินเป็นทอดๆ 2 ต่อแล้ว
พอจะบอกว่าไม่สนใจก็ยังไงอยู่ เลยแนะเค้าเรื่องการขายออนไลน์ไปจากประสบการณ์ของเราค่ะ ว่ามันไม่ง่ายนะะะะะะ การขายของออนไลน์ไม่ใช่แค่การถ่ายรูปอัพลงแล้วจบเลยเดี๋ยวก็มีคนซื้อเองเหมือนที่ลุงๆ ป้าๆ เข้าใจ
ปีก่อนเรามีทุนเล็กๆ ก้อนนึงประมาณ 1500 สำหรับทดลองพรีของกับชิปปิ้งมาขายออนไลน์ครั้งแรกค่ะ ซึ่งเราไม่เคยขายของมาก่อนในชีวิต 55
และไม่ใช่ว่าไม่กล้าลงทุนเยอะ แต่เงินเราไม่มี ฮาาาาาาาา
ไม่บอกว่าเป็นสินค้าอะไรดีกว่า แต่ใบ้ให้ว่าเป็นกลุ่มสินค้าแฟชั่นที่ไม่ใช่เสื้อผ้า ไม่ใช่พวกเครื่องประดับสร้อย แหวน กำไล
อะไรทำให้เราเลือกสินค้าตัวนั้น
- เห็นแล้วชอบค่ะ อยากสั่งมาใส่เองแต่มันดูเป็นสาวมุ้งมิ้ง ไม่ก็แนวฮิปสเตอร์มากซึ่งไม่เข้ากับหน้าเรา 555555 เราเป็นคนชอบของน่ารักๆ แต่พอเป็นของที่ใช้จริงจะออกแนวเรียบๆ หมดเลย ไม่ว่าจะเสื้อผ้า หมวก กระเป๋า
อีกอย่างคือช่วงนั้นเราเดาว่าปีนี้มันต้องมีกระแสตัวนี้แน่ๆ เพราะเห็นในสื่อต่างๆ บ่อยขึ้น ทั้งในซีรีส์ทางเกาหลี ญี่ปุ่น แม้แต่ในละครไทย ดาราบางคนก็ใส่ถ่ายรูปอัพลง
วิเคราะห์กำไรที่จะได้จากการขายสินค้า
-เราสำรวจดูก่อนว่าราคาทั่วไปที่วางขายในเน็ตเป็นเท่าไหร่
ซึ่งเรามีธงในใจว่าขั้นต่ำของราคาขายของเราต้องได้ 2 เท่าของทุน และต้องขายได้ในราคาเท่ากันกับราคากลาง
เช่น ของชิ้นนึงราคากลางทั่วไปขาย 200 บาท เราจะต้องได้ของชิ้นนั้นในราคาทุนที่ชิ้นละ 100 บาท หรือ+ไม่เกิน20บาท แล้วนำมาขายในราคา 200 เท่ากัน
จะมีบางชิ้นที่ร้านอื่นๆ ขายกันที่ชิ้นละ 300-350 แต่เราลองคำนวนเทียบดู สินค้าพวกนั้นได้กำไร 3 เท่าก็มี
ย้อนกลับมาที่ผู้ใหญ่ที่รู้จัก ถ้าญาติเค้าจะขายสินค้าตัวนั้นให้เราในราคา 240 (ราคาตามตลาดทั่วไป 250) เราจะขายต่อในราคา 290 ก็ไม่ใช่แล้วค่า อีกทั้งถ้าขายแพงกว่านั้นใครจะซื้อล่ะ หือออออ ดังนั้น ถ้าใช้วิธีคิดปกติของเราคือเราต้องรับสินค้าพื้นเมืองชิ้นนั้นมาในราคาทุนที่ 120-130 บาท เราจึงจะขายได้ในราคา 240-250 อาจมีลดตามโปรบ้างนิดหน่อย แต่ประเด็นอีกอย่างคือเราไม่สนใจสินค้าตัวนั้นเลย
เตรียมตัวขายของ
-เราเปิด ig ร้านระหว่างรอชิปปิ้งส่งของมาให้ประมาณ 2สัปดาห์ โพสต์1-3วัน/ครั้ง ติดแท็กรัวๆ และทำเว็บเทพ lnwshop ลงทะเบียนระดับ2ไว้ด้วย ประมาณบอกอ้อมๆ ว่าไม่โกง ได้ของแน่นอนจ้า
เราไม่ได้ให้ใครมาช่วยฟอลให้ยกเว้นหลาน 1 คน ยอดฟอลตามจริงไม่ปั้ม จนวันที่ของมาส่งมีคนฟอลประมาณ 50 คนค่ะ
เริ่มขายของได้
- วันที่ 3 นับตั้งแต่ของมาถึงค่ะ เราถ่ายรูปโพสต์ลง ig ประมาณว่าของมาถึงแล้วสั่งได้แล้วจ้า แล้วก็อัพเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับสินค้า
แต่รูปสินค้าที่อัพลงเป็นรูปที่เราถ่ายเองกับมือ ไม่เอาจากเว็บจีนอย่างเดียว สัดส่วนคงประมาณ รูปถ่ายสินค้าจริงของเรา : รูปจีน = 5 : 1
ให้ลูกค้าเชื่อมั่นว่าได้ของตามแบบแน่นอน (ซึ่งแหงล่ะ ก็เราถ่ายสินค้าเราจริงๆ นี่นา)
กล้องใช้ Canon M10 เซ็ทฉากนิดหน่อยๆ หาของในบ้านมาประกอบ แต่งรูปปรับสีใน Lr สุดท้ายคาดลายน้ำชื่อร้าน จบปิ้ง อัพได้
พอขายชิ้นแรกได้ก็ขายออกได้เรื่อยๆ ค่ะ จนคืนทุนตอน 2 สัปดาห์ผ่านไป ในขณะที่ ig ร้านยังมีคนฟอลแค่ราวๆ 100 คนเท่านั้นเอง
จากนั้นเราก็พรีมาเพิ่มแล้วก็ขายไป วนเรื่อยๆ
เราเริ่มวางขายบน shopee ดูบ้างก็ได้ลูกค้าเรื่อยๆ จนพ้นมกรา เราเลิกอัพ ig ร้าน แล้วไปสิง shopee แทน
ใน shopee นี่แหละค่ะ แข่งตัดราคากันโหดมากกกกกกกกกก จนเราต้องยอมลดราคาตาม แต่ไม่กล้าลดขนาดเจ้าอื่นที่ลดสุดๆ ลดจนขายถูกกว่าทุนที่เราได้มาอีก คือทึ่งมาก
พอมีเงินในมือจำนวนนึง เราเลยลองสั่งของชนิดเดียวกันแต่แบบอื่นมาขาย และพวกสินค้าในกลุ่มแฟชั่นอื่นๆ ไปจนถึงของยูนีคมากตามความชอบส่วนตัว ที่ปัจจุบันก็ยังขายออกแค่ชิ้นเดียว
เอาความชอบของตัวเองเข้าว่า โดยที่ลืมคิดไปว่าเราไม่ค่อยชอบอะไรเหมือนคนอื่นด้วยสิ
และเริ่มเอาเงินจากกำไรที่ได้ไปใช้ส่วนตัว เกิดการไม่แยกกระเป๋าเงินร้าน เงินส่วนตัว และเราไม่ทำบัญชีไว้เลย
นี่แหละค่ะเส้นทางแห่งจุดจบ ทั้งๆ ที่เริ่มได้ไม่กี่เดือน 5555
ใครที่อ่านถึงตรงนี้ เราขอแนะว่าตอนเลือกสินค้าให้คิดดีๆ ก่อนค่ะ
ให้ขายของที่คนอื่นอยากซื้อ ไม่ใช่ขายของที่ตัวเองอยากได้หรืออยากขายแต่ฝ่ายเดียว
และต้องแยกกระเป๋าเงินด้วย
อย่าลืมทำบัญชีไว้ด้วยนะเออ
พอเอาเงินร้านไปใช้ เงินหมดสิคะ
พร้อมๆ กับกระแสของสินค้าตัวนั้นที่ค่อยๆ ลดลงตามฤดูกาล
บางอันขายไม่ออกซักทีเราก็เอาไปแจกเด็กข้างบ้าน คนรู้จักบ้าง 555
พอเข้าช่วงหน้าฝนเราที่ขายไม่ได้ซักชิ้นเพราะหมดฤดูท่องเที่ยวด้วย คือเกือบทั้งหมดที่เราเอามาขายเป็นสินค้าแฟชั่นตามฤดูกาล
ปัจจุบันเราเหลือสินค้าค้างสต็อคอยู่บ้างค่ะ ราวๆ 20 ชิ้น
ถ้าถามว่าเป็นยังไงบ้าง เราคงบอกว่าสนุกดีค่ะ
จริงๆ ไม่คิดว่ามันจะไปได้ดีแม้จะช่วงเดียวก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้เราว่าก็โอเคระดับนึงเลยนะ แม้มันไม่ได้ทำให้เรารวยหรือกลายเป็นกิจการใหญ่แต่อย่างใดเหมือนที่พวกผู้ใหญ่คนรู้จักชอบเอาเรื่องอายุน้อยร้อยล้านมาเปรียบเทียบกับเรา พวกผู้ใหญ่เนี่ยชอบคิดว่ามันง่ายตลอดเลย
เงินที่ได้จากการขายเราก็เอาไปเปย์ตัวเอง เปย์คนในบ้าน ซื้อของแจกบริจาคทำกิจกรรมเด็กๆ ตามโอกาส (พรีจีนหมดนี่เลยค่ะ ฮาา)
จากเงินทุนวันนั้นแค่ 1500 แล้วปัจจุบันเงินหมด ถถถถ
แต่ก็ยังเหลือของในสต็อคที่ขายได้อีกซัก 4000-5000 ที่คิดไว้ว่าถ้าขายได้จะใช้เป็นทุนขายของอีกรอบ
-----------------------------------------------------------------------------------------------
นอกจากตัวสินค้า ที่สำคัญมากไม่แพ้กันคือการทำเนื้อหาค่ะ
การลงข้อมูลรายละเอียดสินค้าต้องครบ ชัดเจน สี ไซส์ วัสดุ ราคา ต้องครบ เอาให้ลูกค้าไม่ถามเพิ่ม
ไม่ใช่ลงแค่รูปกับราคาอย่างเดียว แต่บางร้านลงรูปแล้วไม่มีรายละเอียดอย่างอื่นเลย ราคาก็ไม่บอก ไลน์เอานะจ๊ะ แหม่
ราคาสินค้า
กลุ่มลูกค้าเราเป็นวัยรุ่น-ทำงานตอนต้นเป็นหลัก เลยเลือกสินค้าที่จะขายได้ในราคาช่วง 150-350
เรื่องรูปภาพ จริงๆ พึ่งรูปจากแหล่งมันอย่างเดียวก็พอได้ ถ้ารูปกับสินค้าจริงเหมือนกันเป๊ะๆ
แต่เราอยากให้แตกต่างจากร้านอื่นด้วยค่ะ ถ่ายรูปเองโล้ดดดดดดดด
ถ่ายชัดทุกมุม ซูมยันพื้นผิววัสดุ
พิมพ์ด้วยว่า รูปสินค้าจริง แม่ค้าถ่ายเอง ฮา
การขนส่ง
ส่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นับจากลูกค้าโอนเงินมา ส่งช้าสุดก็ต้องไม่เกิน 24ชม. ค่ะ
โชคดีที่ปณ.แถวบ้านเราวันปกติเปิดถึง1ทุ่ม วันหยุดราชการ วันหยุดนักขัตฤกษ์ก็เปิดถึงเที่ยง
เราเลยสามารถแจ้งลูกค้าได้ว่า ร้านเราส่งของในวันที่โอน ตัดรอบที่กี่โมง ไม่มีวันหยุด
โปรโมทสินค้าผ่าน ig
นอกจากรูปถ่ายสินค้าแบบปกติแล้ว เราก็วานหลาน วานเด็กข้างบ้านมาช่วยเป็นแบบถ่ายรูปให้ด้วย (แต่ซูมให้เห็นแต่สินค้า เบลอหน้าไว้)
สินค้าเราเป็นงี้นะๆ
ของแถม
คนแรกที่เราแถมของไปให้ด้วยคือคนที่สั่งแล้วเราไปส่งของให้วันพ่อ (5ธ.ค.60) พอดี พิมพ์คำว่าสุขสันต์วันพ่อลงกระดาษขาว150แกรม แบบเรียบๆ ไปให้ด้วย เค้าสั่งของไป 1หรือ 2 ชิ้นเราจำไม่ได้ แต่เราแถมให้เค้าอีก 1 ชิ้นค่ะ พอลูกค้าได้รับของปุ๊บก็ไลน์ทักมาขอบคุณเรายกใหญ่เลย
เป็นครั้งแรกที่รู้สึกดีกับการขายของ 55 แต่เราจะแถมของชิ้นใหญ่ให้ตลอดไม่ได้ เลยมองหาของแถมเล็กๆ น่ารักๆ ที่มูลค่าไม่สูงให้ลูกค้าทุกออเดอร์หลังจากนั้นแทน ลูกค้าบางคนก็ทักมาขอบคุณบ้างเหมือนกัน
ส่งของผิด
ตอนขายของไปได้เดือนกว่าๆ เราเคยจำสับสนกับอีกออเดอร์นึงเพราะเข้ามาพร้อมกัน เลยทำให้ส่งของให้ลูกค้าคนนึงผิดสีที่สั่ง แล้วเราไม่รู้ตัวเลยจนเค้ารับของแล้วทักไลน์มาต่อว่าว่าแย่มาก ตอนเราเปิดจอมือถือแล้วเห็นข้อความไลน์แย่มากค้างไว้ ใจตกที่ตาตุ่มเลยค่ะ ยังไม่รู้ตัวว่าส่งของผิดแต่นึกว่าของมีปัญหาอะไรรึเปล่า ทั้งๆ ที่เราเช็คก่อนส่งตลอด
เราเลยรีบขอโทษเค้าแล้วบอกว่าจะสีที่สั่งไปให้ทันทีแล้วเค้าเก็บสีที่เราส่งผิดไว้เลยไม่ต้องส่งคืนมา
เค้าก็ดูใจเย็นขึ้น พอได้รับของตามที่สั่งก็ชมว่าแม่ค้ามีความรับผิดชอบดีมาก 55
หลังจากนั้นเราเช็คแล้วเช็คอีกว่าไม่ส่งผิดแน่ๆ ก็ไม่พลาดอีกเลย
เพราะเราปักธงเหมือนกันว่าถ้าเป็นความผิดพลาดของเรา ส่งผิดสีงี้ เราจะไม่ให้ลูกค้าต้องส่งของที่เราส่งไปผิดคืนมา เราจะให้ของชิ้นนั้นกับเค้าเป็นการขอโทษพร้อมกับส่งของที่ถูกต้องไปให้ด้วย
เท่าที่นึกออกก็เท่านี้แหละค่ะ จบละ แฮร่
หวังว่ากระทู้นี้จะพอมีประโยชน์สำหรับคนที่นึกอยากลองขายของออนไลน์ดูบ้างนะคะ