[CR] ครั้งหนึ่งในชีวิต กับเส้นทางสู่ฮัจย์

ครั้งหนึ่งในชีวิต กับเส้นทางสู่ฮัจย์ |Ep.1|
เยือนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มัสยิดอัลฮะรอม

เมื่อศาสดาอิบรอฮีมได้รับคำสั่งจากอัลเลาะห์(ซบ.)ให้ป่าวประกาศแก่มนุษยชาติทั้งปวงให้มาทำฮัจย์ 
มนุษย์ในภพก่อนผู้ที่ตอบรับคำเชิญดังกล่าวนั้น จึงได้เปล่งเสียงออกมาว่า

“ลับบัยกัลลอฮ์ ฮุมม่าลับบัยก์” 
“โอ้ อัลเลาะห์ ข้าพเจ้าได้ตอบรับคำเชิญของพระองค์”
"ลับบัยกะ ลาชะรีก่าล่าก่า ลับบัยก์"
"โอ้อัลเลาะห์ ข้าพเข้าตอบรับคำเชิญของพระองค์แล้ว ไม่มีภาคีอื่นใดต่อพระองค์ ข้าพเจ้าตอบรับคำเชิญของพระองค์แล้ว"

คนบางคน ถ้าดูโดยภายนอกเค้าอาจจะพร้อมสมบูรณ์ แต่บางคน อาจจะไม่พร้อมทั้งฐานะ ร่างกายก็ตาม แต่ถ้าได้ตอบรับคำเชิญของพระองค์ แล้ว มนุษย์ ผู้นั้นก็จะเป็นคนที่จะได้มาประกอบพิธีฮัจย์ ณ นครเมกกะ เป็นแขกของพระองค์ ตรงข้ามก็ บางคนอาจจะพร้อมสมบูรณ์ทั้งร่างกายและฐานะทางการเงิน ถ้าไม่ได้ตอบรับคำเชิญของพระองค์ เค้าผู้นั้นก็จะไม่มีโอกาสได้มาประกอบพิธีฮัจย์  เพราะฉนั้นจึงต้องขอดูอาจากอัลเลาะฮ์ ให้เราเป็นผู้ตอบรับคำเชิญด้วยเถิด

คนที่มาทำฮัจญ์ ต้องนึกเสมอว่าท่านเป็นคนพิเศษ ท่านเป็นแขกของพระองค์ ต้องอยู่ในความสำรวมและยำเกรงต่อพระองค์ ตลอดเวลา

       กระทู้นี้คงไม่ใช่กระทู้วิชาการสักทีเดียวเพราะผมคงไม่มีความรู้มากขนาดที่จะมาชี้นำทางวิชาการการทำฮัจย์ให้เพื่อนๆ  แต่การมาทำฮัจญ์คนโดยส่วนใหญ่แล้ว 80% จะเป็นการไปทำฮัจญ์ครั้งแรก ซึ่งครามรู้ความเข้าใจก็จะยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจน แต่ละคนก็จะมีภาพวาดลาง ๆ ในความคิดของแต่ละคนไป คงไม่เน้นหลักวิชาการซักทีเดียว อยากให้มองภาพเป็นเหมือนรีวิวท่องเที่ยงในที่ ๆ แปลกตาออกไป อาจจะมีคำแนะนำเรื่องการเตรียมตัว สิ่งที่จะต้องเตรียม ส่งที่จะต้องพบเจอว่ามีอะไรบ้างโดยเน้นภาพประกอบมากกว่าการบรรยาย ความเป็นอยู่ ตลอด 45 วันที่อยู่ที่นั่น และที่สำคัญ อะไรคือปัจจัยข้อมูลที่ควรรู้ในการที่จะตัดสินใจว่าควรเลือกใช้บริการ ของกรุปแซะคนไหน หรือบริษัททัวร์ไหน
       รูปแบบแพ็กเก็ตและจำนวนวันของการมาประกอบพิธีของแต่ละบริษัท หรือของแต่ละแซะ ก็จะแตกต่างกันออกไป แพ็กเก็ตที่ผมไปนี้จำนวนวันทั้งหมด 45 วัน รวมวันเดินทาง ซึ่งจะเดินทางด้วยสายการบินไทยแบบเหมาลำบินตรง จากท่าอากาศยานนราธิวาส ถึงท่าอากาศยานนานาชาติคิงอับดุลลาซิส เจดดาห์ ซาอุดิอราเบีย เมื่อไปถึง ซาอุฯ แล้วจะเข้าไปยังเมืองเมกกะก่อน จนกระทั่งเสร็จพิธีฮัจย์ จึงจะย้ายไปยังเมืองมาดีนะ ต่อไป

การทำฮัจญ์มีด้วยกัน 3 รูปแบบ
 1.ตะมัตตัวะอฺ คือผู้ครองอิหฺรอมตั้งเจตนาทำอุมเราะฮฺก่อนการทำฮัจย์ ขณะที่เข้าสู่เทศกาลฮัจญ์แล้ว
 2.อิฟร้อด คือผู้ครองอิหฺรอมหลังจากการทำการตอวาฟกุดูมแล้วเขาจะต้องสวมชุดอิหฺรอมจนกระทั้งถึงวันที่ 10 ซุลฮิจญะฮฺหลังจากนั้นจึงทำอุมเราะฮฺ
3.กิรอน คือผู้ครองอิหฺรอมตั้งเจตนาทำอุมเราะฮฺและการทำฮัจย์พร้อมกัน หลังจากการทำอุมเราะฮฺคือตอวาฟและสะแอแล้ว ไม่ต้องโกนศีรษะหรือตัดผม แต่ให้เขาครองอิหฺรอมกระทั้งถึงวันที่ 10 ซุลฮิจญะฮฺ

ในส่วนของผมเองใช้รูปแบบที่   1. ตะมัตตัวะอฺ

    กลับมาเท้าความกลับไปก่อนว่า การตัดสินใจไปฮัจย์ของผมปีนี้ ไม่ได้มีแผนล่วงหน้านานนัก ผมตัดสินใจก่อนที่เค้าจะเปิดลงทะเบียนออนไลย์ ประมาณ 1 เดือน (หรือประมาณ 5 เดือนก่อนจะเดินทาง)เพราะฉนั้นผมก็แทบจะไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับการทำฮัจย์เลยเรียกว่าเริ่มจากศูนย์เลยก็ว่าได้ และอีกอย่างผมก็ไม่เคยไปอุมเราะห์มาก่อนหน้านี้ด้วยเช่นกัน ภาพของประเทศซาอุก็อยู่พียงในจินตนาการเท่านั้น เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะเดินทางไปคำถามสิ่งแรกก็คือ ไปกับแซะไหน ราคาเท่าไหร่  ผมได้รับคำแนะนำจากพี่ชายว่าเค้ามีเพื่อนเป็นแซะอยู่ ไปกับคนนี้ไหมส่วนตัวพี่เค้าไม่เคยไปกับแซะนี้ ส่วนตัวเราไม่มีข้อมูลอื่น ๆ เลย ก็ตอบตกลงไปว่าเราจะไปกับแซะคนนี้ (ค่อยสรุปตอนท้ายนะครับ ว่า   ที่สำคัญ อะไรคือปัจจัยข้อมูลที่ควรรู้ในการที่จะตัดสินใจว่าควรเลือกใช้บริการ ของกรุ๊ปแซะคนไหน หรือบริษัททัวร์ไหน)
    เมื่อตกลงเรื่องแซะเรียบร้อยแล้ว ก็จบไป 1 เรื่อง ปีนี้ ปีที่ผมไปเป็นปีแรกที่กองกิจการฮัจย์มาขึ้นกับกรมการปกครอง มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการลงทะเบียนเป็นแบบออนไลย์ ที่ว่าการอำเภอซึ่งโปรแรกมการลงทะเบียนนี้ทาง บริษัทที่ผมทำงานเป็นผู้ดูแลโปรแรกมตัวนี้อยู่ด้วย เมื่อมีการลงทะเบียนเราสามารถตรวจเช็กรายชื่อของเราได้ว่ามีการลงทะเบียนเรียบร้อยหรือยัง จากนั้นมีการเก็บเงินเป็น งวด ๆ ทั้งหมด 2 งวด ที่จะต้องส่งเงินโดยตรงไปยังกองกิจการฮัจย์ เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้แสวงบุญว่าเมื่อลงทะเบียนแล้วจะสามารถได้ไปทำฮัจย์แน่นอนไม่โดนแซะ หรือบริษัทเบี้ยวแน่นอน ซึ่งปีก่อน ๆ หน้านี้ปัญหาการลอยแพฮุญาด จะมีบ่อย เพราะเงินก้อนใหญ่ที่อยู่ในมือแซะ หรือบริษัท นั่นเองส่วนเค้าเอาไปทำอะรยังงัยนั้นผมคงบอกไม่ได้เหมือนกัน  ส่วนในการลงทะเบียนรอบแรกจะเรียกเก็บเงิน 18000 บาท และเรียกเก็ยงวดที่ 2 เป็นเงิน 58000 บาท รวม 76000 บาท จากนั้นก่อนจะเดินทางประมาณ 1 เดือนแซะก็จะเรียกเก็บทั้งหมด คือส่วนต่างที่ได้ตกลงราคากันไว้หัก 76000 ที่ได้จ่ายไปแล้วนั่นเอง เป็นอัน จบไปอีก 1 เรื่อง คือเรื่องเงิน

         ถึงเวลาต้องเตรียมตัวเองเพื่อให้พร้อมกับการทำฮัจญ์แล้ว เริ่มด้วยการเซิรดข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ดูยูทูป เกี่ยวกับการทำฮัจญ์ หาหนังสือมาอ่าน แต่มันก็ยังมองภาพไม่ชัดสักเท่าไร่ ดีที่แซะ มีการเรียกมาเรียนและอมรมเพื่อทำความเข้าใจในหลักกสรทำอุมเราะห์และการทำฮัจญ์  อาทิตย์ละ 1 วันก่อนเดินทาง อาทิตย์แรกเรียนเรื่องการทำอุมเราะห์ อาทิตย์ที่ 2 เรียนเรื่องการทำฮัจญ์ และอาทิตย์สุดท้ายอาทิตย์ที่ 3 เรียนภาคปฏิบัติ โดยมีกะเบาะฮ์จำลองให้ได้เรียนประกอบการอธิบายทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นมาก ตอนนี้ ทฤษฎีเริ่มมาแล้วแต่ก็ยัง งง ๆ อยู่ บ้าง
    ในระหว่าง 2 -3 อาทิตย์ที่จะเดินทางก็เริ่มง้วนกับการเตรียมข้าวของเครื่องใช้รวมทั้งเสบียนงอาหารที่จะตระเตรียมไปมีหลาย ๆ อย่างที่เมื่อถึงที่นู้นแล้วโคตรจำเป็นเลยก็ว่าได้ แต่บางอย่างก็สามารถหาซื้อจากที่นั่นได้เช่นกัน เรามาดูว่าอะไรบ้างที่ควรจะเตรียมไปบ้าง
1. รองเท้าแตะ (จิงโจ้) ผมเตรียมไป 2 คู่ คู่แรกหายก่อนทำฮัจญ์ คู่สุดท้ายหายหังทำฮัจญ์ คุ้มแล้ว
2. รองเท้าแตะแบบสวม (เวลาใสถุงเท้าจะได้สวมได้สะดวก) ไม่หาย บริจาคก่อนเดินทางกลับ
3. เชือกตากผ้าและไม้หนีบ
4. ไม้แขวนเสื้อ
5. พัดลมมือถือ
6. ปลั๊กพ่วง (เลือแบบสามารถชาร์ดมือถือได้ด้วย
7. ถุงเท้า (ใส่ตลอดกันส้นเท้าแตก)
8. ชุดยา (เตรียม ยาอม ยาแก้หวัดแก้แพ้ และยาแก้ไอ มามากๆหน่อย)
9. แมส ปิดจมูก
10.กระเป๋าเป้ใบเล็ก
11.กระเป๋าคาดเอว
12.กระบอกน้ำพร้อมหัวฉีดสแปร (สำคุญมากเวลาอากาศร้อน)
13.แว่นกันแดด
14.ร่มกันแดด
15.รองเท้าผ้าใบ หรือรองเท้ากีฬา ที่ใส่สบาย ๆ
16.วัสลีน
17.อาหารแห้ง ทุกอย่างที่นึกได้เอาไปให้หมด บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, ซามาต่างๆ, น้ำพริก, เครื่องข้าวยำ, ปลากระป๋อง, ฯลฯ เพราะทานอาหารที่นู้นสักพักก็จะเริ่มเบื่อและทานไม่ค่อยได้ เอาไปเพื่อเยอะ ๆ เหลือก็แบ่งปันคนอื่น ๆ ได้
18.กาแฟซอง
19.เครื่องดื่ม ชนิดแก้ร้อนใน เช่นน้ำขิง และอื่น ๆ
20.แมงลัก
21.น้ำหวานบลูบอย(ใส่ขวดพลาสติกไป)
22.ซอร์ด เมกิ (ไว้กินกับไข่ต้ม)
23.ลูกอม เอาไปเยอะ ๆ ไปเดินแจกช่วงทำฮัจญ์ด้วย
อื่น ๆ  (เครื่องชั่งน้ำหนักกระเป๋าแบบหิ้ว)
ทีนี้ก็ได้เวลาเตรียมกระเป๋าแล้วครับ ปรากฏว่า กระเป๋าที่ทาง บ.ทัวร์ แจกให้ คือ กระเป๋าใบใหญ่สำหรับโหลด 1 ใบ กระเป๋าเป้ สำหรับสะพายขึ้นเครื่อง 1 ใบ ไม่พอจะใส่ของที่เตรียมไปแล้วละครับ เลยต้องหากระเป๋าเสริมจากบ้านไปเลยครับ แต่ต้องระวังเรื่องน้ำหนัก ต่อคนประมาณ 30 กก อันนี้ลองถามแซะดูกันอีกทีนะครับ








ตัซกีเราะห์ ก่อนเดินทาง

หนึ่งเดือนก่อนที่จะเดินทาง ทางแซะ ได้จัดให้มีกิจกรรมการเรียนให้ความรู้เกี่ยวกับการอุมเราะห์และฮัจย์ ซึ่งจะมีการเรียนในวันอาทิตย์
อาทิตย์แรกจะเรียนเรื่องการอุมเราะห์
อาทิตย์ที่สองเรียนเกี่ยวกับฮัจย์
อาทิตย์สุดท้ายเป็นภาคปฏิบัติซึ่งจะมีกะบะห์จำลองให้ได้ลองปฏิบัติกันดู


และเมื่อทราบกำหนดการชัดเจนแล้ว คราวนี้ก็เป็นคิวงานเลี้ยงทำบุญก่อนเดินทางสักเล็กน้อย



            มาถึงวันที่ต้องเดินทางแล้วครับ กรุ๊ปของผมเดินทางด้วยสายการบินไทยเป็นเที่ยวเหมาลำบินตรง จากท่าอากาศยานนราธิวาส ถึงท่าอากาศยานนานาชาติคิงอับดุลลาซิส เจดดาห์ ซาอุดิอราเบีย โดยมีการแวะเติมน้ำมันที่ ท่าอากาศยานนานาชาติมัสกัต หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “สนามบินมัสกัต” ประเทศโอมาน ประมาณ 1 ชม.โดยรออยู่บนเครื่องบินระหว่างนี้ใช้เวลาเปลี่ยนผ้าแอะแรไปด้วยเลยเพราะใกล้จะถึงมีกอบแล้ว ก่อนที่ะบินต่อไปยังจุดหมาย สนามบินที่ เจดดาห์     เราออกเดินทางจากสนามบิน นราธิวาส ประมาณบ่าย 3 (เวลาเมืองไทย) ถึงสนามบินเจดด้า ประมาณ 3 ทุ่ม (เวลาซาอุ)หรือ ตี1 เมืองไทย เวลาเมืองไทยจะเร็วกว่าเวลาซาอุ อยู่ 4 ชม. ตอนนี้เริ่มสับสนเรื่องเวลาแล้ว










จะเห็นว่าบางคนก็ใส่ผ้าแอะแร ตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่อง ใช่แล้วครับ เพราะเราต้องเนี๊ยตอุมเราะห์เมื่อผ่านมีกอบตอนที่เราอยู่บนเครื่อง ส่วนผมรอเปลี่ยนบนเครื่องครับช่วงที่เครื่องแวะเติมน้ำมันที่สนามบินมัสกัต ครับ

เรามาแวะดูกันก่อนว่าการบินไทยมีเมนูอะไรมาเสริฟกันบ้างนะครับ




มาถึงสนามบิน มัสกัต ประเทศโอมาน แวะพักเติมน้ำมันและสับเปลี่ยนพนักงานต้อนรับแอร์และสจ๊วด ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.




   แล้วเราก็มาถึงสนามบินเจดด้า ที่สนามบินเจดด้าไม่มีรูปนะครับ เพราะทั้งง่วง ทั้งเพลีย และต้องรีบรับกระเป๋า จากนั้นต้องนั่งรถบัสต่อไปยังเมกกะ ใช้เวลาอีกประมาณ 2 ชม.