คุยเรื่องความรัก,การอ่านและค้นหาชีวิตใน “ร้านหนังสือที่มีแต่นิยายรัก”



วันนี้ผมนำเสนอรายละเอียดที่น่าสนใจจากเวทีการเสวนาในหัวข้อ “ผู้คน ความรักและร้านหนังสือที่มีแต่นิยายรัก”  โดยงานนี้จัดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม 2561  ในงานกิจกรรม “นายอินทร์ สนามอ่านเล่น”  ที่แอร์พอร์ต เรลลิงก์ มักกะสัน    ซึ่งผมคิดว่ารายละเอียดจากงานในครั้งนี้น่าจะให้ข้อคิดที่เป็นประโยชน์สำหรับนักอ่านและผู้ที่สนใจการเขียนทุกท่าน



โดยบนเวทีเสวนามในวันนั้นมี คุณประชาคม  ลุนาชัย ผู้เขียน “ร้านหนังสือที่มีแต่นิยายรัก”  และคุณจตุพล  บุญพรัด บรรณาธิการอาวุโสในเครืออมรินทร์   ดำเนินรายการโดยคุณอาทิตย์  ธรรมชาติ จากกองบรรณาธิการในเครืออมรินทร์  ซึ่งรายละเอียดที่น่าสนใจมีดังนี้

(รายละเอียดจากการเสวนาในครั้งนี้  ผมใช้วิธีฟังและจดบันทึกช่วยจำย่อ และนำมาเทียบเคียงกับความถูกต้องในการเสวนา แล้วเรียบเรียงเป็นประเด็นมานำเสนอ  ดังนั้นถ้ามีข้อมูลใดที่ผิดพลาดไป  ผมขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ  ขอบคุณครับ)



“ร้านหนังสือที่มีแต่นิยายรัก”  หนังสือเล่มนี้ได้รับรางวัล สพฐ. (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ) ในปี 2556   เป็นหนังสือนวนิยายที่มีคนอ่านแล้วประทับใจเยอะมาก  ในตอนนี้นำกลับมาจัดพิมพ์ใหม่แล้วเป็นครั้งที่ 4 โดยแพรวสำนักพิมพ์ ในเครืออมรินทร์  เล่มนี้ถูกพูดถึงอยู่เสมอ  นักอ่านหลายคนอยากจะให้พิมพ์ซ้ำ  อยากให้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง  ซึ่งในวันนี้ “ร้านหนังสือที่มีแต่นิยายรัก” กลับมาแล้ว



คุณอาทิตย์ ถามคุณประชาคมว่า  “ร้านหนังสือที่มีแต่นิยายรัก” พูดเรื่องอะไร?  เรื่องย่อประมาณไหน? และมีความเป็นมาอย่างไร?



คุณประชาคม  ลุนาชัย

-เล่มนี้เป็นนวนิยายเรื่องหนึ่งที่แตกต่างจากที่ผมเคยเขียน   ซึ่งหลายสิ่งหลายอย่างในเรื่องนี้ออกมาจากตัวผู้เขียน   เจตนาหรือจุดมุ่งหมายในการเขียนหนังสือเล่มนี้คือ  เราเป็นคนที่โตมากับหนังสือ  รู้สึกว่าเป็นหนี้บุญคุณหนังสืออยู่มากมาย   เพราะถ้าไม่มีหนังสือและไม่มีการเขียนแล้วเราคงไม่ได้พบกันแน่  ผู้เขียนก็คงไปทำอย่างอื่นไม่มาเขียนหนังสือเล่มนี้แน่

-สำหรับเรื่อง “ร้านหนังสือที่มีแต่นิยายรัก” นี้ ผมเขียนขึ้นเพื่อเชิดชูการอ่าน  เพื่อแสดงให้เห็นว่าการอ่านนั้นมีอานุภาพในการเปลี่ยนแปลงความคิด  เปลี่ยนแปลงผู้คน  และคนที่อ่านหนังสือนั้นจะมีความเติบโตไปทีละน้อย  คือมีการเติบโตจากข้างในแล้วก็จะเบ่งบานออกมาเป็นความคิด

-อย่างตัวละครที่เราสร้างขึ้นมาในเรื่องนี้มีความเกี่ยวพันกับครูภาษาไทยอยู่มาก  คือผมเวลาที่ได้รับเชิญไปตามสถาบันการศึกษาต่างๆ เราก็จะได้เจอกับครูภาษาไทย  เจอนักศึกษาวิชาเอกภาษาไทย   ตัวละครของเราจึงถูกสร้างขึ้นมาด้วยแรงบันดาลใจที่เกี่ยวข้องผู้คนที่อยู่ในแวดวงภาษาไทยนี้   รวมทั้งเกี่ยวพันกับการอ่านด้วย

-การอ่านนั้นมีอยู่หลายระดับ  อ่านเอาสนุก  อ่านเอาเรื่อง  อ่านเอาความคิด  อ่านเพื่อให้เรื่องราวนั้นซึมซับเข้าสู่ข้างใน   อ่านเพื่อคิดและวิเคราะห์  อ่านเพื่อที่จะนำไปสู่การอ่านอย่างอื่นอีก   เพราะถ้าเราเป็นนักอ่านแล้วเราจะไม่หยุดอ่านอยู่แค่หนังสือเล่มเดียวเท่านั้น   เราจะอ่านคน  อ่านโลกทั้งโลก  อ่านสถานการณ์ต่างๆ ที่มันเกิดขึ้นในชีวิต  อ่านข่าวสารที่เป็นมากกว่าที่ปรากฎอยู่ตามสื่อต่างๆ  คือเราจะทำความเข้าใจในด้านลึกได้มากขึ้น

-ด้วยเหตุที่ผมกล่าวมาแล้วนี้  ผมจึงสร้างตัวละครขึ้นมาเป็นครูผู้หญิง  ชื่อครูแก้มเป็นครูอัตราจ้าง  เป็นคนที่อ่านหนังสือไม่มีทิศทางอะไรเลย  พอไปรู้จักกับใครคนหนึ่งที่ทำร้านหนังสือนี้ขึ้นมา  ก็ไปพบกับหนังสือที่ตัวเองไม่เคยอ่าน  เหมือนเธอไปพบกับอีกโลกหนึ่งที่เปิดให้เธอได้เข้าไปทำความรู้จัก  และได้เติบใหญ่ขึ้นในโลกของการอ่านใบนั้น  

-สำหรับการอ่านหนังสือนั้น  ถ้าเราอ่านมากขึ้น มากขึ้น  เราก็จะเติบโตไปพร้อมกับการอ่าน  แล้วก็มีพลังควบคู่ไปกับการอ่านด้วย



คุณอาทิตย์  ธรรมชาติ

-ขอพูดถึงเรื่องย่อของหนังสือเล่มนี้ว่า  ตัวละครนางเอกคือครูแก้มหรือนลิดา  เป็นคนที่ชื่นชอบอ่านนิยายรักเกาหลีหรืออาจจะมีงานแนวหนังสือที่ชื่นชอบอยู่ประมาณหนึ่ง  แล้วพอเธอออกไปอยู่ในชนบทในพื้นที่ห่างไกลเธอก็หานิยายเกาหลีอ่านยากเหลือเกิน   นางเอกขี่จักรยานสีขาวไปตามหาหนังสือนิยายเกาหลีตามที่ต่างๆ ในพื้นที่ในตำบลนั้น  จนเธอไปเจอกับร้านหนังสือที่มีชื่อว่า “ร้านหนังสือแบ่งปันกันอ่าน”   ที่มีหนังสือเต็มไปหมด  แล้วหนังสือที่อยู่ในร้านนั้นเป็นหนังสือที่ครูแก้มไม่เคยอ่าน  ไม่ได้ชื่นชอบ  แต่ว่าการไปเจอหนังสือที่เธอไม่เคยอ่านนั้นมันกลับเปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล  ด้วยวิสัยทัศน์และมุมมองบางอย่าง  เรื่องย่อก็จะเป็นประมาณนี้

-ผมอยากจะขอทราบมุมมองของคนที่ได้อ่านเรื่องนี้เป็นคนแรกๆ คนที่เป็นบรรณาธิการของหนังสือเล่มนี้  อยากจะทราบความรู้สึกของคุณจตุพล  บุญพรัด ว่าตอนที่ได้เห็นต้นฉบับของงานชิ้นนี้เมื่อหลายปีที่แล้วนั้น  รู้สึกอย่างไรบ้างครับ?



คุณจตุพล  บุญพรัด

-จริงๆ แล้วเจตนาหรือเจตจำนงของผู้เขียนเขาได้พูดไปแล้ว  ในฐานะของคนอ่านต้นฉบับและในฐานะของบรรณาธิการเห็นว่า  งานชิ้นนี้เป็นงานที่แปลกออกไปจากงานของคุณประชาคม  เท่าที่เราได้เคยตามอ่านงานของคุณประชาคมจะมีบุคลิกอยู่บุคลิกหนึ่ง  นั้นคือบุคลิกของผู้ชายที่สู้ชีวิตซึ่งมาจากชนบทและออกไปผจญภัยในโลกกว้าง   ออกไปในทะเล  ออกเรือ  ในเรื่อง “ฝั่งแสงจันทร์”  หรือเรื่องอื่นๆ ที่เป็นเรื่องราวชีวิตเข้มๆ ของลูกผู้ชาย  ผู้ชายที่สู้ชีวิต ผู้ชายที่พยายามเดินตามหาความฝัน  เดินตามหาความสำเร็จ  ฯลฯ

-แต่สำหรับเรื่องนี้ “ร้านหนังสือที่มีแต่นิยายรัก”  ถ้าจะพูดกันตรงๆ ก็คือว่ามันคือโลกทัศน์ในการอ่านหนังสือทั้งหมดของคุณประชาคม เรารู้สึกว่าเขาเกิดและเติบโตในสังคมชนบทที่แบบว่าแทบจะไม่มีหนังสือในวัยของเขาให้ได้อ่านเลย  ก่อนที่เขาจะพาตัวเองเข้ามาอยู่ในเมือง  โอกาสในการอ่านและความเป็นคนที่สนใจใฝ่รู้แบบเขานั้นเอง  ทำให้เขาได้รู้จักโลกของการอ่านและได้อ่านหนังสือ  แล้วหนังสือนี่เองที่ได้นำพาชีวิตของเขาไปสู่การเปลี่ยนแปลง  

-คือการอ่านหนังสือของประชาคมที่เราเรียกว่าเขาอ่านงานวรรณกรรมค่อนข้างเยอะ  บวกกับกระแสสังคมก่อนหน้านี้ที่ทำให้ในวันนี้เราอ่านนิยายแนวโรแมนติค และอีกหลายแนวที่เยอะแยะไปหมด เช่นนิยายรักของจีนหรือในช่วงหนึ่งที่งานใสๆ สวยๆ โรแมนติคแบบเกาหลีมีมากในบ้านเรา   ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกหรือไม่ที่ว่าคุณประชาคมต้องการจะเชิดชูและยกย่อง  แต่ในขณะเดียวก็จะต้องการพูดถึงงาน(หนังสือ)ที่เป็นมากกว่านิยายเกาหลี   เขาจึงหยิบประเด็นนี้ขึ้นมาสร้างเป็นนวนิยายเรื่องนี้

-คือในช่วงหนึ่งนั้นในบ้านเราอ่านนิยายเกาหลีกันเยอะมาก  อ่านแต่นิยายเกาหลีจนรู้สึกว่างานของนักเขียนไทยหรืองานแปลอื่นๆ นั้นยังมีอยู่ในบ้านเราหรือไม่?  ดังนั้นตัวละครแก้ม ลนิดา จึงถูกสร้างขึ้นมาเป็นตัวแทนของคนอ่านในยุคนั้น  ในขณะเดียวกันก็มีตัวละครอื่นๆ ที่จำลองให้เห็นถึงคนต่างๆ ที่อยู่ในแวดวงสิ่งพิมพ์  ไม่ว่าจะเป็นบรรณาธิการ , คนวาดภาพปก , คนวาดภาพประกอบ และเจ้าของร้านหนังสือ

-ส่วนเจตนารมณ์อีกอย่างหนึ่งในประเด็นเรื่อง “ร้านหนังสือแบ่งปัน” ในเรื่องนี้  มันเป็นเจตนาลึกๆ ของนักเขียนที่อยากจะบอกคนอ่านว่า  ในการอ่านนั้นบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินเยอะมาก   หนังสือเก่านั้นแบ่งปันกันอ่านได้   หนังสือเก่าราคาถูกเล่มละ 20 บาทเอง  แต่ในขณะเดียวกันก็แนะนำว่าหนังสือเล่มนี้มันดีเด่นอย่างไร?  มันพูดถึงเรื่องอะไร?   แต่ไม่พยายามแนะนำตรงๆ คนเขียนสร้างเป็นบทของพระเอกและนางเอกขึ้นมาเพื่อพูดถึงหนังสือต่างๆ เหล่านี้  ประเด็นนี้เองที่บอกว่าหนังสือเล่มนี้เป็นนิยายรัก  

-ถามว่ารู้สึกอย่างไรต่อหนังสือเล่มนี้  คืออยากจะบอกว่านักเขียนอย่างประชาคม นี้เป็นนักเขียนที่สำเร็จแล้ว  ไม่ใช่เป็นเพียงแค่นักเขียนหนุ่มโนเนมที่เพิ่งขึ้นมา  ในขณะเดียวกันงานชิ้นนี้เมื่อ 4-5 ปีก่อน  คุณประชาคมก็ไม่ได้ส่งเรื่องนี้ไปตีพิมพ์ตามนิตยสารต่างๆ   แต่ส่งเรื่องมาโดยตรงถึงสำนักพิมพ์อมรินทร์  ผมอ่านแล้วก็เห็นเจตนาที่แน่วแน่ในเรื่องนี้

-แล้วเรื่องนี้ผมอ่านแล้วอยากจะพิมพ์เผยแพร่ คือเผยแพร่ในแง่ของการเสริมสร้างสังคมการอ่านด้วยการอ่านนิยายบันเทิงคดีที่เป็นเรื่องดีๆ  แต่ไม่ได้บอกว่าการอ่านนิยายเกาหลีเป็นเรื่องไม่ดีนะ   แต่มันยังมีเรื่องอื่นๆ ที่ดีและคนยังไม่รู้จัก  แล้วนักเขียนคนหนึ่งลงทุนทำจุดนี้ขึ้นมามันชวนอ่านอย่างมาก  มันไม่ได้เหมือนกับงานแบบเดิมแล้ว  ยังแอบคิดว่าหรือว่าจะเป็นประชาคมภาคใหม่  ซึ่งผมรู้สึกดีใจแล้วผมจึงตัดสินใจพิมพ์เรื่องนี้ทันที  เพราะสำหรับเรื่องนี้ไม่ได้ตัดสินใจยากเย็นอะไรเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่