ทีโอทีพร้อมแล้วในการเปิดให้บริการ 4G สิ้นปีนี้ นำร่องเปิดบริการ 4G Hotspot TOT บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง ราคาเริ่มต้นเดือนละ 299 บาท ความเร็ว 10/5 Mbps เจาะกลุ่มพื้นที่ไม่มีไฟเบอร์และใช้งานครั้งคราว หวังโดนใจกลุ่มนักศึกษา คนอยู่คอนโด อพาร์ทเม้นท์ คาดสิ้นปีลูกค้าทะลุ 7 แสนเลขหมาย และ 1 ล้านเลขหมายภายในปีหน้า พร้อมโชว์กำไรหน่วยธุรกิจสื่อสารไรสาย ครึ่งปีแรกเหยียบ 500 ล้านบาท
นายรังสรรค์ จันทร์นฤกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจสื่อสารไร้สาย บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เดือน ธ.ค.นี้ ทีโอที จะเริ่มให้บริการ 4G อย่างเป็นทางการ โดยช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะเริ่มทดลองนำ 4G Hotspot TOT บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง (Fixed Wireless Broadband)
ด้วยโครงข่ายของคลื่น 2300 MHz เพื่อให้บริการในพื้นที่ที่การให้บริการทางสายไม่คุ้มค่า ไม่เหมาะสม หรือไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย เช่น อาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม บ้านพักที่อยู่อาศัย เริ่มให้บริการที่ราคาเดือนละ 299 บาท ความเร็ว 10/5 Mbps มีอุปกรณ์ให้เลือกทั้งแบบภายในอาคารและนอกอาคาร แต่ลูกค้าต้องใช้แบบอยู่กับที่จึงเหมาะกับลูกค้าประเภทที่ไม่ได้ใช้งานประจำ เช่น นิสิต นักศึกษา ตามหอพัก และ อพาร์ทเมนท์ชั่วคราว เป็นต้น
นอกจากนี้ในอนาคตหากพันธมิตรทางธุรกิจในคลื่น 2100 MHz คือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส และพันธมิตรคลื่น 2300 MHz คือ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ขยายโครงข่ายได้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ทีโอทีจะอินทริเกรดซิมการ์ดของทีโอทีให้สามารถใช้งานได้ทั้งคลื่น 2100 MHz ซึ่งให้บริการ3G และ 2300 MHz ที่ให้บริการ 4G โดยอัตโนมัติ
กลายเป็นการให้บริการภายใต้แบรนด์ TOT Mobile ไม่มีการแยกเป็น 3G หรือ 4G ซึ่งทีโอทีต้องเตรียมงบประมาณในการทำระบบหลังบ้านเพื่อให้บริการลูกค้าเพิ่มเติมอีกไม่มากประมาณหลักสิบล้านบาท ซึ่งปกติแม้ว่าทีโอทีจะไม่ได้ใช้งบในการลงทุนโครงข่ายแล้วเพราะอาศัยการทำงานร่วมกับพันธมิตรแต่ทีโอทีก็ยังต้องลงทุนระบบหลังบ้านเพื่อบริการจัดการบริการปีละ 40-50 ล้านบาท
ปัจจุบัน TOT Mobile มีลูกค้าใช้บริการจำนวน 619,700 ราย ตั้งเป้าสิ้นปี 2561 จะมีลูกค้ารวม 700,000 เลขหมาย แบ่งเป็นรายย่อยประมาณ 55,000 เลขหมาย ลูกค้าองค์กร ประมาณ 65,000 เลขหมาย และ ลูกค้า ขายส่ง MVNO ประมาณ 580,000
รวมถึง ทีโอที ได้นำความจุของโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของทั้ง 2 ย่าน มาพัฒนาให้บริการกับลูกค้า ทั้งบริการขายส่ง กับพันธมิตร MVNO บริการ International Roaming บริการ IoT และบริการโซลูชันแก่ลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าบรอดแบนด์ของทีโอที นอกจากนี้ หน่วยธุรกิจสื่อสารไร้สายของ ทีโอที ยังมีบริการสื่อสารไร้สายประเภทต่าง ๆ เพื่อให้บริการลูกค้า ทั้งบริการวงจรเช่าส่วนบุคคล และ บริการสื่อสารผ่านดาวเทียม
นายรังสรรค์ กล่าวต่อว่า ปีนี้จะเป็นปีที่ธุรกิจสื่อสารไร้สายมีกำไร โดยผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกมีรายได้จากการดำเนินงานประมาณ 8,000 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงานประมาณ 3,200 ล้านบาท หักค่าใช้จ่าย เหลือกำไรสุทธิ 500 ล้านบาท
โดยทีโอทีรับรู้รายได้จากการเป็นพันธมิตรกับดีแทคคลื่น 2300 MHz เดือนละ 375 ล้านบาท และ จากเอไอเอสคลื่น 2100 MHz เดือนละ 325 ล้านบาท คาดสิ้นปีทีโอทีจะมีรายได้ 14,000 ล้านบาท
“แม้ว่าทีโอทีจะมีรายได้จากการให้บริการไร้สายที่ทำเองแค่ปีละ 200 ล้านบาท แต่ทีโอทีก็ยังต้องพยายามหาช่องทางการตลาดเฉพาะกลุ่มที่ไม่มีใครทำและใช้ฐานลูกค้าบอร์ดแบนด์ของเราในการขายพ่วง ขณะเดียวกัน ทีโอที ก็ยังมี MVNO ที่ให้ความสนใจทำธุรกิจกับเราอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดก็มีรายใหม่เข้ามาคือ ฟิล เทเลคอม จากเดิมที่มี ดาต้า ซีดีเอ็มเอ แพนกวิน และ ล็อกซ์เลย์ ทำตลาดอยู่ ดังนั้นคาดว่าปีหน้าทีโอทีจะมีลูกค้าไร้สายเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านรายได้ไม่ยาก” นายรังสรรค์ กล่าว
ที่มา
https://mgronline.com/cyberbiz/detail/9610000090469
ทีโอที คิกออฟ 4G สิ้นปีนี้ ภายใต้แบรนด์ TOT Mobile ราคาเริ่มต้นเดือนละ 299 บาท 10/5 Mbps โดยใช้ 4G 2300 + 3G 2100
ทีโอทีพร้อมแล้วในการเปิดให้บริการ 4G สิ้นปีนี้ นำร่องเปิดบริการ 4G Hotspot TOT บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง ราคาเริ่มต้นเดือนละ 299 บาท ความเร็ว 10/5 Mbps เจาะกลุ่มพื้นที่ไม่มีไฟเบอร์และใช้งานครั้งคราว หวังโดนใจกลุ่มนักศึกษา คนอยู่คอนโด อพาร์ทเม้นท์ คาดสิ้นปีลูกค้าทะลุ 7 แสนเลขหมาย และ 1 ล้านเลขหมายภายในปีหน้า พร้อมโชว์กำไรหน่วยธุรกิจสื่อสารไรสาย ครึ่งปีแรกเหยียบ 500 ล้านบาท
นายรังสรรค์ จันทร์นฤกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจสื่อสารไร้สาย บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เดือน ธ.ค.นี้ ทีโอที จะเริ่มให้บริการ 4G อย่างเป็นทางการ โดยช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะเริ่มทดลองนำ 4G Hotspot TOT บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง (Fixed Wireless Broadband)
ด้วยโครงข่ายของคลื่น 2300 MHz เพื่อให้บริการในพื้นที่ที่การให้บริการทางสายไม่คุ้มค่า ไม่เหมาะสม หรือไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย เช่น อาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม บ้านพักที่อยู่อาศัย เริ่มให้บริการที่ราคาเดือนละ 299 บาท ความเร็ว 10/5 Mbps มีอุปกรณ์ให้เลือกทั้งแบบภายในอาคารและนอกอาคาร แต่ลูกค้าต้องใช้แบบอยู่กับที่จึงเหมาะกับลูกค้าประเภทที่ไม่ได้ใช้งานประจำ เช่น นิสิต นักศึกษา ตามหอพัก และ อพาร์ทเมนท์ชั่วคราว เป็นต้น
นอกจากนี้ในอนาคตหากพันธมิตรทางธุรกิจในคลื่น 2100 MHz คือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส และพันธมิตรคลื่น 2300 MHz คือ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ขยายโครงข่ายได้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ทีโอทีจะอินทริเกรดซิมการ์ดของทีโอทีให้สามารถใช้งานได้ทั้งคลื่น 2100 MHz ซึ่งให้บริการ3G และ 2300 MHz ที่ให้บริการ 4G โดยอัตโนมัติ
กลายเป็นการให้บริการภายใต้แบรนด์ TOT Mobile ไม่มีการแยกเป็น 3G หรือ 4G ซึ่งทีโอทีต้องเตรียมงบประมาณในการทำระบบหลังบ้านเพื่อให้บริการลูกค้าเพิ่มเติมอีกไม่มากประมาณหลักสิบล้านบาท ซึ่งปกติแม้ว่าทีโอทีจะไม่ได้ใช้งบในการลงทุนโครงข่ายแล้วเพราะอาศัยการทำงานร่วมกับพันธมิตรแต่ทีโอทีก็ยังต้องลงทุนระบบหลังบ้านเพื่อบริการจัดการบริการปีละ 40-50 ล้านบาท
ปัจจุบัน TOT Mobile มีลูกค้าใช้บริการจำนวน 619,700 ราย ตั้งเป้าสิ้นปี 2561 จะมีลูกค้ารวม 700,000 เลขหมาย แบ่งเป็นรายย่อยประมาณ 55,000 เลขหมาย ลูกค้าองค์กร ประมาณ 65,000 เลขหมาย และ ลูกค้า ขายส่ง MVNO ประมาณ 580,000
รวมถึง ทีโอที ได้นำความจุของโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของทั้ง 2 ย่าน มาพัฒนาให้บริการกับลูกค้า ทั้งบริการขายส่ง กับพันธมิตร MVNO บริการ International Roaming บริการ IoT และบริการโซลูชันแก่ลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าบรอดแบนด์ของทีโอที นอกจากนี้ หน่วยธุรกิจสื่อสารไร้สายของ ทีโอที ยังมีบริการสื่อสารไร้สายประเภทต่าง ๆ เพื่อให้บริการลูกค้า ทั้งบริการวงจรเช่าส่วนบุคคล และ บริการสื่อสารผ่านดาวเทียม
นายรังสรรค์ กล่าวต่อว่า ปีนี้จะเป็นปีที่ธุรกิจสื่อสารไร้สายมีกำไร โดยผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกมีรายได้จากการดำเนินงานประมาณ 8,000 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงานประมาณ 3,200 ล้านบาท หักค่าใช้จ่าย เหลือกำไรสุทธิ 500 ล้านบาท
โดยทีโอทีรับรู้รายได้จากการเป็นพันธมิตรกับดีแทคคลื่น 2300 MHz เดือนละ 375 ล้านบาท และ จากเอไอเอสคลื่น 2100 MHz เดือนละ 325 ล้านบาท คาดสิ้นปีทีโอทีจะมีรายได้ 14,000 ล้านบาท
“แม้ว่าทีโอทีจะมีรายได้จากการให้บริการไร้สายที่ทำเองแค่ปีละ 200 ล้านบาท แต่ทีโอทีก็ยังต้องพยายามหาช่องทางการตลาดเฉพาะกลุ่มที่ไม่มีใครทำและใช้ฐานลูกค้าบอร์ดแบนด์ของเราในการขายพ่วง ขณะเดียวกัน ทีโอที ก็ยังมี MVNO ที่ให้ความสนใจทำธุรกิจกับเราอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดก็มีรายใหม่เข้ามาคือ ฟิล เทเลคอม จากเดิมที่มี ดาต้า ซีดีเอ็มเอ แพนกวิน และ ล็อกซ์เลย์ ทำตลาดอยู่ ดังนั้นคาดว่าปีหน้าทีโอทีจะมีลูกค้าไร้สายเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านรายได้ไม่ยาก” นายรังสรรค์ กล่าว
ที่มา https://mgronline.com/cyberbiz/detail/9610000090469