👦🏻💕👩THE WEEKLY GLOVES ไตรมาสสุดท้าย วีคที่ 37 เรื่องสั้น#82 "บริษัทรักสมมติ" โดย ถุงมือ "พนักงาน"👩💕👦🏻

กระทู้คำถาม


เรื่องสั้นเรื่องนี้ปิดท้ายสำหรับวีคนี้ครับ มาแนวแปลกอีกแล้วภายใต้ชื่อ "บริษัทรักสมมติ"

บริษัทที่ว่านี้ บริการหาคู่ควงให้กับผู้ชาย เพื่อจุดประสงค์อะไรก็ตามแต่ที่ผู้ชายคนนั้นต้องการ อาทิเช่น ควงสาวอวดเพื่อนว่ามีแฟนแล้ว หรือให้แฟนตัวเองดูเพื่อจะบอกเลิกกับแฟน ฯลฯ

กิจการดูเหมือนกำลังไปได้ด้วยดี จนกระทั่งวันหนึ่ง ผู้เป็นเจ้าของบริษัทซึ่งเป็นผู้หญิงจำเป็นต้องออกโรงมาเล่นบทบาทพนักงานเสียเองเพราะวันนั้นดันไม่มีคนว่าง แถมเจอลูกค้ามีระดับเสียด้วย ปล่อยให้หลุดมือไปไม่ได้!

เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร และจบแบบไหน ติดตามกันได้เลยครับ...

อย่าลืม อ่านจบ ตัดเกรด แล้วเล็งเป้าหาคนเขียนกันให้ได้เน้อ...อมยิ้ม04หัวใจดอกไม้







          “ทำอะไร...ทำยังไง...ทำที่ไหน...ทำให้ใคร” สำหรับสุนิสา มันคือคำถามชุดแรกซึ่งผุดขึ้นในความคิด ก่อนที่เธอจะตัดสินใจทิ้งงานประจำ แล้วเดินออกมาจากบริษัทรับทำบัญชีแห่งหนึ่งในเมืองหลวง

          กับค่าตอบแทนแค่หลักหมื่นต้น ๆ ในแต่ละเดือน หากคำตอบของชุดคำถามนั้น...สามารถทำเงินให้เธอได้มากกว่า มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยว่าจะเลือกอย่างไหนให้กับชีวิต

          ถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริง...แล้วอะไรคือคำตอบของคำถามพวกนั้น...

          “ขอเรียนสายคุณท็อปค่ะ” หลังจากพิจารณารูปถ่ายของชายหนุ่มหน้าตาดีบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ครู่หนึ่ง สุนิสาจึงกดหมายเลขโทรศัพท์ ตามที่แสดงในข้อมูลประกอบ

          “ใช่ครับ”

          “ดิฉันโทรจากบริษัทรักสมมตินะคะ พอดีมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบว่า น้องเจนที่รับงานจากคุณท็อป น้องไม่สบายขอลางานสามวันน่ะค่ะ จึงอยากเรียนถามคุณท็อปว่าจะสามารถเลื่อนงานไปอีกสักหน่อยได้ไหมคะ หรือจะให้ทางเราจัดหาน้องคนใหม่ให้แทน” จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศ แล้วไปเรียนต่อเมืองนอก กลับมาทำงานเป็นผู้บริหารของบริษัทในครอบครัว ทั้งหล่อทั้งรวย...ทำไมคนแบบนี้ถึงมาใช้บริการบริษัทเรานะ หญิงสาวคิดในใจขณะที่รอคำตอบจากอีกฝ่าย

          “อืม...ไม่ทราบว่าผมกำลังพูดสายอยู่กับใครครับ”

          “เรียกดิฉันว่าสุก็ได้ค่ะ”

          “ครับคุณสุ คืออย่างนี้ครับ ผมได้ให้รายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับงานที่ว่าจ้างไปกับน้องเจน ข้อมูลตรงนั้นไม่แน่ใจว่าคุณสุมีอยู่ในมือหรือเปล่าครับ”

          “ค่ะมีค่ะ”

          “ในนั้นมันบอกว่าน้องเจนต้องไปทานข้าวกับผม หมายถึงทำงานให้ผมในวันพรุ่งนี้ตอนสองทุ่มตรงถูกไหมครับ”

          “ใช่ค่ะ”

          “ผมอยากเลื่อนมาเป็นวันนี้แทน แต่ยังไม่ได้โทรไปแจ้ง ทีนี้...ถ้าจะหาคนมาแทนน้องเจน ผมคงต้องขอเป็นวันนี้เลย คุณสุพอจะช่วยได้ไหมครับ”

          “มันก็...ได้นะคะ ถ้าน้องคนอื่นไม่ติดงาน ขอดิฉันดูตารางงานน้องๆ สักครู่ค่ะ”

          หญิงสาวเปิดข้อมูลของพนักงานแต่ละคนขึ้นมาไล่ดูบนหน้าจอ พลางคิดในใจว่ากิจการที่เธอทำอยู่นี้ยังไม่มีคู่แข่ง แต่ธรรมชาติของธุรกิจ หากเจ้าแรกทำได้ดี เจ้าสอง สาม สี่ ก็จะตามมาในอีกไม่ช้า ฉะนั้นสิ่งที่ผู้มาก่อนจะได้เปรียบผู้มาหลังก็คือฐานลูกค้าเก่า สามปีกับการฝ่าฟันบนเส้นทางนี้ มันจวนถึงเวลาจะต้องเจอคู่ต่อสู้แล้วเต็มที สุนิสาจำต้องปิดงานนี้ให้ได้

          แต่... “ไม่มีน้องคนไหนว่างช่วงหลังหนึ่งทุ่มเลยค่ะคุณท็อป”

          “ไม่มีเลยเหรอครับ”

          “ใช่ค่ะ พนักงานไม่มีใครว่างเลย แต่ถ้าไม่ใช่พนักงาน ดิฉันพอจะหาให้คุณได้

          “คุณสุหมายความว่ายังไงครับ”

          “หมายความว่าดิฉันไม่ใช่พนักงานค่ะ แต่เคยเป็น” ...

          สามปีก่อน สุนิสาในวัยยี่สิบห้า ก็มีชีวิตไม่ต่างกับหญิงสาวที่จบปริญญาตรีทั่ว ๆ ไป เข้างานสองโมงเช้ากลับที่พักห้าโมงเย็น วันไหนมีล่วงเวลาก็อยู่นานกว่านั้นนิดหน่อย แม้แต่ละเดือนจะมีรายได้ค่อนข้างแน่นอน แต่บ่อยครั้งที่รายจ่ายกลับเป็นอะไรที่ตรงกันข้าม รถเสีย พ่อป่วย แม่เข้าโรงพยาบาล คือสิ่งที่ไม่สามารถกำหนดได้ ว่าอยากให้เกิดหรือไม่อยากให้เกิดขึ้นตอนไหน

          ทั้งหมดคือเหตุผลที่ทำให้เธอมองหากิจการ ซึ่งให้ผลตอบแทนมากกว่าเงินเดือนประจำ

          แล้วอยู่ ๆ หญิงสาวก็พบคำตอบที่เฝ้าคิดหามานาน จากการหยิบยื่นความรักที่ไม่สมหวังให้ จากชายคนรักของเธอ

          ความรู้สึกดี ๆ ที่ทั้งสองคอยประคับประคองกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย พังลงเพราะความเข้าใจผิดของฝ่ายชาย ถ้าจะพูดให้ถูกจริง ๆ ต้องบอกว่า เพราะสุนิสาเป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าดีมากคนหนึ่ง หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เฝ้าเทียวไล้เทียวขื่ออยู่ไม่ขาดสาย บทสรุปสุดท้ายคือความไม่เข้าใจกันระหว่างเธอและคนรัก

          หลังจากความผิดหวังในครั้งนั้น สุนิสาก็เริ่มเปิดตัวเองให้กับทุกอย่าง และหนึ่งในนั้นคือการไปทานข้าวกับผู้บังคับบัญชาหนุ่ม แต่ไม่ใช่ในฐานะคนรักจริง ๆ แต่ไปเพราะถูกว่าจ้างให้แกล้งเป็น เพื่อตบตาคนอื่นให้เข้าใจว่า เจ้านายของเธอนั้น...มีรสนิยมทางเพศอย่างคนทั่วไป แต่แท้จริงเขาแอบคบกับชายหนุ่มรุ่นน้องอย่างลับ ๆ

          นั่นคือจุดเริ่มต้นของบริษัทรักสมมติ บริการหาคู่ควงให้กับ ชายหนุ่มที่เบื่อกับคำถาม “เมื่อไหร่จะมีแฟน” ในงานแต่งงานของเพื่อนร่วมรุ่น หรือใครสักคนที่ไม่อยากไปงานราตรีแล้วต้องนั่งอยู่มุมห้องคนเดียว แม้กระทั่งคนโสดที่อยากเดินข้าง ๆ กับสาวสวยเพื่อให้คนรู้จักอิจฉา สุนิสาก็จัดให้ได้ตามโจทย์ที่ให้มา

          แต่สำหรับลูกค้าที่ชื่อท็อป...มันกลับเป็นอีกกรณีซึ่งต่างออกไป

          “คุณอ่านรายละเอียดงานที่ผมให้น้องเจนไปแล้วใช่ไหมครับ” หลังจากนั่งลงอีกฝั่งของโต๊ะอาหารในร้านหรูได้เพียงอึดใจ ผู้ว่าจ้างหนุ่มก็เอ่ยเปิดประเด็นกับสุนิสาแทบจะทันที  

          “ค่ะ...คุณท็อปต้องการจะบอกเลิกกับแฟน แต่กลัวเธอจะไม่ยอมตัดใจ เลยจ้างทางเราให้หาผู้หญิงมาสวมบทแฟนใหม่ให้” และคุณสมบัติที่ชายหนุ่มต้องการ คือสาววัยทำงานบุคลิกคล่องแคล่ว แต่งตัวภูมิฐานดูเป็นผู้ใหญ่ กระโปรงเข้ารูปสีเข้มชายสูงกว่าหัวเข่าเล็กน้อย กับเสื้อคอเต่าสีไข่มุก ซึ่งไปกันได้ดีกับสูทตัวนอกสีเดียวกัน คือเครื่องแต่งกายที่สุนิสาสวมใส่มาในวันนี้

          “เท่าที่ดูถือว่าคุณเตรียมตัวมาดี...ดีกว่าที่ผมคาดไว้ด้วยซ้ำ แต่ยังขาดอยู่อย่างหนึ่ง” เขาหยิบกล่องกำมะหยี่สีเลือดหมูใบเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋าสูทด้านใน “ผมอยากให้คุณใส่นี่ไว้ด้วย”

          เมื่อเปิดออกมันคือแหวนทองคำฝังเพชรดูมีราคา และถูกอีกฝ่ายเลื่อนมาให้ตรงหน้า

          “หมะ...หมายความว่า”

          “หมายความว่าบทบาทของคุณในวันนี้ไม่ใช่แค่แฟนธรรมดา แต่คุณคือคู่หมั้นคู่หมายของผม และคุณจะต้องบอกกับแฟนเก่าผมว่า คุณกับผมจะแต่งงานกันปลายปี” สีหน้าเรียบเฉยของเขาแทบไม่แสดงออกถึงความรู้สึกใด ๆ เลย และนั่นยิ่งทำให้สุนิสาสงสัยหนักเข้าไปใหญ่ ว่าแท้จริงเบื้องหลังทั้งหมดของเรื่องนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือไม่ แต่...รู้ไปแล้วเธอจะได้อะไรจากมันล่ะ

          “ค่ะ...ได้ค่ะ” หญิงสาวถอดแหวนที่สวมอยู่ก่อนออก แล้วใส่วงใหม่ที่ได้รับมาเมื่อครู่แทน

          ชายหนุ่มขมวดคิ้วมองการกระทำของอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยถาม “คุณแต่งงานแล้วเหรอครับ”

          “เอ่อ...ก็ไม่เชิงอย่างนั้นค่ะ เราคงไม่ได้แต่งงานกันหรอกค่ะ แหวนวงนี้เป็นของแทนความรู้สึกว่า...เราจะรักกันและดูแลกันค่ะ” รอยยิ้มจาง ๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าสวยหวานของสุนิสาพร้อมกับแววตาอบอุ่น

          “แล้ว...ทำงานแบบนี้ แฟนคุณไม่ว่าเหรอครับ คือผมก็ไม่ได้ว่าผิดนะ แต่ผมคิดว่ามันมีโอกาสที่จะเกิดความไม่เข้าใจกันได้น่ะครับ”

          หญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่ง...แล้วจึงตอบ “ดิฉันเคยเลิกกับแฟนเก่าเพราะเรื่องทำนองนี้แหละค่ะ กับแฟนใหม่ดิฉันจึงตัดปัญหา ด้วยการไม่บอกว่าทำงานอะไร บอกแค่ว่าเปิดร้านทำกิจการส่วนตัว เพราะคิดว่าถ้าผิดหวังกับคนนี้อีก ดิฉันจะกลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดค่ะ”

          “อืม...ก่อนไปว่าจ้างงานที่บริษัทคุณ ผมจำได้เลา ๆ ว่าน้องเจนเคยบอกผมว่า เจ้าของบริษัทของน้องเคยอกหัก และจะคบกับแฟนเป็นคนสุดท้าย หรือว่าคุณก็คือเจ้าของบริษัทที่น้องเจนพูดถึง”

          สุนิสาตาวาวด้วยความตกใจวูบหนึ่ง ก่อนจะเก็บอาการด้วยยิ้มอ่อน ๆ “ค่ะ...ใช่ค่ะ ดิฉันเป็นเจ้าของบริษัทรักสมมติค่ะ”

          “ผิดจากที่คิดไว้เยอะมากเลยครับ ทีแรกผมนึกว่าเจ้าของบริษัทจะอายุเยอะกว่านี้ ผมโชคดีมากนะเนี่ย ที่ได้เจ้าของบริษัทมาทำงานให้ด้วยตัวเอง” ตั้งแต่มานั่งที่โต๊ะเกือบยี่สิบนาที สุนิสาเพิ่งได้เห็นรอยยิ้มแรกจากคู่สนทนา

           “มัวแต่คุยเพลินเลย...เดี๋ยวคุณย้ายมานั่งข้างผมดีกว่านะครับ จวนถึงเวลานัดแล้ว” เขาดูผ่อนคลายมากขึ้นกว่าช่วงแรกที่ได้เจอกัน และนั่นก็พลอยทำให้หญิงสาวลดความอึดอัดลงไปด้วย

          ระดับกาแฟของสุนิสาลดลงไปเกือบครึ่งถ้วย คนที่นัดไว้จึงปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูกระจก

          “แฟนเก่าผมมาถึงแล้ว” เขาเปลี่ยนท่าทีมาเป็นนิ่งและสุขุมเหมือนคราวแรก

          เมื่อเห็นหญิงสาวผู้มาใหม่เดินเข้ามาใกล้ ๆ สุนิสาจำต้องเก็บอาการทุกอย่างเอาไว้ข้างใน วางตัวนิ่งและต้องไม่แสดงสีหน้าใด ๆ ออกมา เพราะงานนี้คงใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่นัก ทุกอย่างมันก็จะค่อย ๆ จบลงไปตามที่วางแผนไว้ ส่วนอะไรจะเกิดขึ้นนอกเหนือจากนั้น มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

          “สุครับนี่น้ำหวานน้องที่ทำงาน น้ำหวานนี่พี่สุคู่หมั้นของพี่” เขาตีบทแตกราวกับนักแสดงมืออาชีพ

          ผู้มาใหม่แสดงสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะชำเลืองมองแหวนทองคำฝังเพชร ที่นิ้วนางข้างซ้ายของสุนิสา “ค่ะ...ยินดีที่ได้รู้จักค่ะพี่สุ”

          “เช่นกันค่ะ” สุนิสาตอบรับคำทักทายด้วยสีหน้าที่พยายามข่มไว้ให้นิ่งเฉย แม้จะเห็นความสั่นไหวในดวงตาของอีกฝ่ายอย่างเข้าใจ...ว่าข้างในนั้นกำลังรู้สึกอะไรอยู่

          “น้ำหวานเอกสารที่พี่ให้เอามา ได้เอามาด้วยหรือเปล่า” เจ้าของแผนการยังคงเล่นละครได้อย่างแนบเนียนดังเช่นคราวแรก

          ผู้ถูกถามออกอาการเหม่ออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตั้งสติได้ และส่งซองเอกสารให้กับผู้มีศักดิ์เป็นเจ้านายด้วยอาการเลิ่กลั่ก “นี่ค่ะ ที่พี่ท็อปสั่งไว้”

          “โอเค...ขอบใจมาก น้ำหวานทานอะไรมาหรือยัง มื้อนี้ทานกับพวกพี่ไหม” ความสมบทบาทของเขาทำให้สุนิสาอยากรู้เหลือเกินว่าชายคนนี้คิดอะไรอยู่ในใจ

          “ไม่เป็นไรค่ะ...พอดีหวานนัดทานข้าวกับเพื่อนไว้แล้ว พี่ท็อปกับพี่สุตามสบายเถอะค่ะ” น้ำเสียงสั่นเครือนั้นบอกความรู้สึกของเธอได้ดีเช่นเดียวกับสีหน้า และดวงตาที่คล้ายกำลังคลอด้วยน้ำตา

          “จ้ะ...งั้นก็แล้วแต่น้องละกัน”

          “หวานขอตัวนะคะ” เธอฝืนยิ้มให้ก่อนจะลุกจากโต๊ะ แล้วหันหลังเดินจากไป สุนิสารู้ได้ทันทีว่า...เหตุการณ์ที่ถูกสร้างขึ้นนี้ ก่อเกิดความปวดร้าวเพียงใดให้กับหญิงสาว เธอคงกำลังเดินออกจากร้านด้วยใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตา

          “งานดิฉันเสร็จแล้วนะคะ” สุนิสาเปลี่ยนมานั่งฝั่งตรงข้าม ก่อนจะถอดแหวนคืนให้กับชายหนุ่ม

          “ครับ...จะกลับเลยเหรอครับ” สีหน้าเขาดูแช่มชื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

          “ค่ะ”

          “โอเคครับ เดี๋ยวผมโอนเงินค่าจ้างให้ทางบัญชีบริษัทนะครับ”

          “ค่ะ...ถ้างั้นดิฉันขอตัวกลับเลยนะคะ”

          “ครับ...เชิญครับ” ...

(มีต่ออีกนิดครับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่