คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2

โครงสร้างของลาบราดอไรต์ ประกอบด้วยแร่ต่างชนิดกัน
ที่มีคุณสมบัติไม่หลอมเป็นเนื้อเดียวกันที่อุณหภูมิสูง (ใต้พิภพ)
จึงถูกความร้อนและแรงกดดันอัดให้เป็นแผ่นบาง ๆ ซ้อนกันอยู่อย่างไม่เป็นระเบียบ
เนื่องจากมีค่าดรรชนีหักแสงไม่เท่ากัน และบางส่วนถูกบีบอัดจนบางมาก
ทำให้เกิดปรากฎการณ์ thin-film interference เหมือนหยดน้ำมันบนผิวน้ำ
สำหรับของลาบราดอไรต์ เรียกว่า Labradorescence
ชั้นที่หนาเท่ากับครื่งหนึ่งของความยาวคลื่นแสงใดก็จะสะท้อนแสงนั้นออกมาเข้มมากหน่อย
ตรงใหนหนาเท่ากันหนึ่งในสี่ของความยาวคลื่นแสงใดแสงนั้นก็ผ่านลงไป จนเจอชั้นที่สะท้อนแสงได้
ชั้นของแร่ทั้งสองสลับกันไปมาอย่างไม่มีระเบียบทำให้แสงสะท้อนสีแตกต่างกันของแต่ละมุม

โครงสร้างของลาบราดอไรต์ ประกอบด้วยแร่ต่างชนิดกัน
ที่มีคุณสมบัติไม่หลอมเป็นเนื้อเดียวกันที่อุณหภูมิสูง (ใต้พิภพ)
จึงถูกความร้อนและแรงกดดันอัดให้เป็นแผ่นบาง ๆ ซ้อนกันอยู่อย่างไม่เป็นระเบียบ
เนื่องจากมีค่าดรรชนีหักแสงไม่เท่ากัน และบางส่วนถูกบีบอัดจนบางมาก
ทำให้เกิดปรากฎการณ์ thin-film interference เหมือนหยดน้ำมันบนผิวน้ำ
สำหรับของลาบราดอไรต์ เรียกว่า Labradorescence
ชั้นที่หนาเท่ากับครื่งหนึ่งของความยาวคลื่นแสงใดก็จะสะท้อนแสงนั้นออกมาเข้มมากหน่อย
ตรงใหนหนาเท่ากันหนึ่งในสี่ของความยาวคลื่นแสงใดแสงนั้นก็ผ่านลงไป จนเจอชั้นที่สะท้อนแสงได้
ชั้นของแร่ทั้งสองสลับกันไปมาอย่างไม่มีระเบียบทำให้แสงสะท้อนสีแตกต่างกันของแต่ละมุม
แสดงความคิดเห็น
ทำไมแร่บางชนิดถึงเปลี่ยนสีได้ตามมุมที่แสงกระทบ (มีภาพ)
Labradorite ได้มากจากจตุจักรค่ะ เพิ่งสังเกตุว่าเปลี่ยนสีได้เลยสงสัยว่าเกิดจากอะไร?
มีไฟล์gifแต่โพสไม่ติด ใครโพสเป็นสอนหนูหน่อย