คือตัวเรามีปัญหากับเพื่อนร่วมงานและเพื่อนร่วมแผนก เรามีเซ็นท์ว่าเค้าน่าจะไม่ค่อยชอบเราเพราะเวลาเราคุยอะไรเค้าก็ไม่ค่อยอยากคุยด้วยหรืออยากสนิทด้วย ด้วยความที่มีพนง.ใหม่เข้ามาพร้อมกันทั้งหมด3คนซึ้งรวมเราด้วย แต่ทั้ง2คน ดูแฮปปี้และเข้ากันได้กับเพื่อนร่วมงานเป็นอย่างดี เราทำงานที่นี้มาแล้ว3 เดือน ด้วยความสงสัยเราเลยถามเพื่อนร่วมงานว่าไม่พอใจอะไรตรงไหนรึป่าว เค้าบอกว่าเราเป็นคนพูดไม่คิดและเล่นมากเกินไปอายุก็เยอะกว่าเด็กๆคนอื่นๆ ไม่มีรู้จักโตและชอบถามคำถามที่ไม่ควรถาม บางเรื่องสอนแล้วไม่ค่อยจำ ทำให้โดนหัวหน้าด่าอยู่ตลอดเพราะเรา เค้าบอกว่าเวลาเราทำอะไรผิดหัวหน้าจะไม่ด่าเราแต่จะไปด่าเทรนเนอร์แทน เค้าเซงที่จะต้องมาโดนด่าบ่อยๆเพราะเรา อย่างเรื่องคราวก่อนที่เราทำพลาดคือเราไม่สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ากับแขกได้ เราเป็นพนง.เสริฟ์ ทำให้เค้าโดนหัวหน้าเรียกไปคุยและด่าเค้าก่อนเข้างาน คนที่เป็นเทรนเนอร์เรื่มไม่ไหวกับเราและเบื่อเรา
อีกเรื่องคือมีรุ่นน้องที่เด็กกว่าแต่ทำงานมานานกว่าเค้าชอบพูดจากระแทกเราและว่าเราว่าเราทำงานชักช้า เราเลยเก็บเรื่องนี้มาเล่าให้พี่ที่เป็นเทรนเนอร์เราฟังเค้าบอกว่าเราต้องยอมรับความจริงและแอดติจูดเราแย่ ถ้าทำงานดีเค้าคงไม่ด่า แต่ด้วยความที่เราท้อมาก บางวันเราเป็นฟู๊ดรันเนอร์ทำงานหลังบ้าน ซึ้งงานก็เป็นในเชิงทำความสะอาด ล้างแก้ว และเช็ดจานช้อนส้อม รวมถึงไปเอาอาหาร อื่นๆอีกมากมายที่ต้องซัพพอร์ตคนหน้าบ้าน วันนึงเราทำไม่ทันเพราะแขกออเดอร์อาหารเยอะมาหและครัวแต่ละที่ไกลกันมาก ทำให้เราต้องทำงานล่วงเวลาและคนอื่นได้กลับบ้านช้า ทุกคนก็ว่าเราว่าเราควรเร่งมือมากกว่านี้และงานหลังบ้านควรเสร็จก่อนงานหน้าบ้านและต้องมาช่วยงานหน้าบ้านต่อ ซึ้งเราก็งงว่าคนที่อยุ่หน้าบ้านมีคนตั้งเยอะ เราอยุ่หลังบ้านไม่มีใครช่วยเลย และถ้าเราปิคอัพอาหารไม่ทันเราต้องจ่ายค่าอาหารมื้อนั้นเพราะแขกบางคนไม่รออาหารที่นานเกินไป
เราปรึกษาเทรนเนอร์เราว่าเราควรเอายังไงดีเพราะด้วยความที่เราไม่ผ่านโปรด้วยหัวหน้าเราต่อโปรให้เราอีก3เดือน เค้าบอกว่าเราไม่เหมาะกับงานที่นี้ให้ไปหางานที่อื่นทำซะ อายุก็เยอะแล้วอย่ามัวแต่เสียเวลาเลย อยู่มาตั้ง3เดือนไม่เห็นถึงการพัฒนาการของเราเลย อยู่ไปเพื่อนร่วมงานก็พลอยลำบากไปด้วย เพราะมันคือการทำงานเป็นทีม อีกอย่างให้เราย้ายไปแผนกอื่นก็ไม่ได้เพราะเรื่องราวของเรามีแต่คนพูดถึง เราเคยรินน้ำให้แขกและขวดน้ำหล่นบนโต๊ะโดนแก้วและแห้วแตกกระจายโดนหน้าแขก เรื่องใหญ่มากๆ แขกคนนั่นไม่เอาเรื่องเราแต่มันทำให้ไม่มีใครอยากทำงานกับเราเพราะกลัวเดือดร้อน
สุดท้ายนี้เราก็ไม่รู้จะไปทำอะไรดี เราปรึกษาเพื่อนเรา เพื่อนก็ว่าเราว่าเรามีแต่ปัญหา คนอื่นๆไม่เห็นเอาเรื่องงานมาบ่นเลยมีแต่เราเอาเรื่องงานมาบ่นให้เพื่อนฟัง ฟังแล้วน่าเบื่อต้องมานั่งฟังทุกวัน เราก็โกรธเพื่อนไป เราไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตตัวเองแล้ว
ปรึกษาเรื่องงานค่ะ
อีกเรื่องคือมีรุ่นน้องที่เด็กกว่าแต่ทำงานมานานกว่าเค้าชอบพูดจากระแทกเราและว่าเราว่าเราทำงานชักช้า เราเลยเก็บเรื่องนี้มาเล่าให้พี่ที่เป็นเทรนเนอร์เราฟังเค้าบอกว่าเราต้องยอมรับความจริงและแอดติจูดเราแย่ ถ้าทำงานดีเค้าคงไม่ด่า แต่ด้วยความที่เราท้อมาก บางวันเราเป็นฟู๊ดรันเนอร์ทำงานหลังบ้าน ซึ้งงานก็เป็นในเชิงทำความสะอาด ล้างแก้ว และเช็ดจานช้อนส้อม รวมถึงไปเอาอาหาร อื่นๆอีกมากมายที่ต้องซัพพอร์ตคนหน้าบ้าน วันนึงเราทำไม่ทันเพราะแขกออเดอร์อาหารเยอะมาหและครัวแต่ละที่ไกลกันมาก ทำให้เราต้องทำงานล่วงเวลาและคนอื่นได้กลับบ้านช้า ทุกคนก็ว่าเราว่าเราควรเร่งมือมากกว่านี้และงานหลังบ้านควรเสร็จก่อนงานหน้าบ้านและต้องมาช่วยงานหน้าบ้านต่อ ซึ้งเราก็งงว่าคนที่อยุ่หน้าบ้านมีคนตั้งเยอะ เราอยุ่หลังบ้านไม่มีใครช่วยเลย และถ้าเราปิคอัพอาหารไม่ทันเราต้องจ่ายค่าอาหารมื้อนั้นเพราะแขกบางคนไม่รออาหารที่นานเกินไป
เราปรึกษาเทรนเนอร์เราว่าเราควรเอายังไงดีเพราะด้วยความที่เราไม่ผ่านโปรด้วยหัวหน้าเราต่อโปรให้เราอีก3เดือน เค้าบอกว่าเราไม่เหมาะกับงานที่นี้ให้ไปหางานที่อื่นทำซะ อายุก็เยอะแล้วอย่ามัวแต่เสียเวลาเลย อยู่มาตั้ง3เดือนไม่เห็นถึงการพัฒนาการของเราเลย อยู่ไปเพื่อนร่วมงานก็พลอยลำบากไปด้วย เพราะมันคือการทำงานเป็นทีม อีกอย่างให้เราย้ายไปแผนกอื่นก็ไม่ได้เพราะเรื่องราวของเรามีแต่คนพูดถึง เราเคยรินน้ำให้แขกและขวดน้ำหล่นบนโต๊ะโดนแก้วและแห้วแตกกระจายโดนหน้าแขก เรื่องใหญ่มากๆ แขกคนนั่นไม่เอาเรื่องเราแต่มันทำให้ไม่มีใครอยากทำงานกับเราเพราะกลัวเดือดร้อน
สุดท้ายนี้เราก็ไม่รู้จะไปทำอะไรดี เราปรึกษาเพื่อนเรา เพื่อนก็ว่าเราว่าเรามีแต่ปัญหา คนอื่นๆไม่เห็นเอาเรื่องงานมาบ่นเลยมีแต่เราเอาเรื่องงานมาบ่นให้เพื่อนฟัง ฟังแล้วน่าเบื่อต้องมานั่งฟังทุกวัน เราก็โกรธเพื่อนไป เราไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตตัวเองแล้ว