ตอนเช้าขณะกำลังขับรถ มีสายเรียกเข้า พ่อโทรเข้ามา แม่คิดในใจว่าวันนี้เป็นวันหยุด คงคิดถึง อยากจะโทรมาคุยกับลูก
พ่อ : ที่บ้านมีบิลค่าโทรศัพท์มามั้ย
แม่ : มีนะ
พ่อ : เอาไปจ่ายให้ด้วย เดี๋ยวโอนเงินคืนให้
แม่ : ไม่ได้เอาบิลมา บอกเบอร์อย่างเดียวจ่ายได้นะ
พ่อ : บอกเบอร์ได้ ที่ Shop เลย
แม่ : ยอดเท่าไร
พ่อ : ประมาณหกร้อยกว่าบาท แม่เอาไปจ่ายก่อน แล้วบอกยอดมา เดี๋ยวพ่อโอนคืนให้
เวลาผ่านไป ....
แม่ : จ่ายให้แล้วนะ 642 บาท โอนให้ด้วย
พ่อ : แม่เองก็มีตังเหลืออยู่นี่
แม่ : อ้าว ก้อไหนบอกว่าจะโอนคืนให้ ถ้าทำแบบนี้คราวหน้าไม่จ่ายให้นะ โอนให้ด้วย แล้ววางหูไป
จนถึงตอนค่ำ...
แม่ : ยังไม่โอนค่าโทรศัพท์ให้หรอ
พ่อ : ทำไมแค่เงิน หกร้อยกว่าบาทนี่ ออกให้ไม่ได้หรอ
แม่ : อ้าว ก้อเป็นคนบอกตั้งแต่แรกว่าจะโอนคืน แม่เองก้อมีภาระต้องใช้ เดือนนี้มีจ่ายเพิ่มค่าประกันสุขภาพลูก หมื่นกว่าบาท แถมมีค่าผ่อนบ้านเดือนที่ค้างอยู่เป็นชื่อบัญชีของพ่อ ที่แม่ต้องมาจ่ายให้ 4400 บาทอีกนะ
พ่อ : ทีเวลาพ่อให้ยืม เป็นพันยังให้ได้เลย (เริ่มขึ้นเสียง)
แม่ : ยืมก้อคืนให้ค่ะ จำไม่ได้หรอ เอาเป็นว่าเราไม่ต้องมาเถียงกันเรื่องอื่น สรุปว่าจะโอนคืนมั้ย
พ่อ : โอนคืนให้ก้อได้ แต่ต่อไปไม่ต้องมายุ่งเลย (เสียงดังใส่และโมโห)
แม่ : เรื่องนี้แม่ไม่ได้อยากยุ่งตั้งแต่แรกแล้ว แต่พ่อเป็นคนมาบอกให้ช่วยจ่ายก่อน แล้วสุดท้ายก้อไม่โอนคืนให้
พ่อ : วางหูไป และสุดท้ายก็ไม่ได้โอนเงินให้
ถึงแม้ว่าเงินจะไม่ได้เยอะมากมายก็ตาม แต่มันเป็นเรื่องของความเชื่อใจ ความไว้ใจ และการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ที่แม่อยากให้มีอยู่ในครอบครัว จริง ๆ เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรก ครั้งก่อนพ่อก็เคยยืมไป 2,000 บอกว่าสิ้นเดือนจะคืนให้ พอถึงสิ้นเดือนก็เงียบเฉย จนสุดท้ายแม่ทนไม่ได้ก็ต้องเอ่ยปากถาม พ่อก็ทำท่าโมโหใส่ หยิบเงินแบงค์พัน ขว้างใส่หน้าแม่ แล้วพูดว่า “เอาคืนไปเลย ทวงอยู่นั่นแหละ “
หลังจากนั้นแม่ก็พยายามระมัดระวังเรื่องเงินมากขึ้น ส่วนใหญ่เวลาพ่อให้ออกอะไรไปก่อน ก็จะบอกว่าไม่มีตัง ตังไม่พอ ฯลฯ บ้าง จนกว่าพ่อจะโอนมาแล้วจริง ๆ ถึงจะไปจ่ายให้ แต่ครั้งนี้ยอมรับว่า....เผลอไป คิดแค่ว่าอยากจะช่วยเหลือเค้าเท่านั้น แต่พลาดค่ะ
คำถาม .......ถ้าคุณเป็นแม่ในเรื่องนี้ คุณจะคิดยังไง แล้วจะมีวิธีการจัดการ หรือทำอย่างไรต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกคะ?
เมื่อคุณเจอสามีแบบนี้ คุณจะคิดยังไงและทำอย่างไรต่อไปคะ?
พ่อ : ที่บ้านมีบิลค่าโทรศัพท์มามั้ย
แม่ : มีนะ
พ่อ : เอาไปจ่ายให้ด้วย เดี๋ยวโอนเงินคืนให้
แม่ : ไม่ได้เอาบิลมา บอกเบอร์อย่างเดียวจ่ายได้นะ
พ่อ : บอกเบอร์ได้ ที่ Shop เลย
แม่ : ยอดเท่าไร
พ่อ : ประมาณหกร้อยกว่าบาท แม่เอาไปจ่ายก่อน แล้วบอกยอดมา เดี๋ยวพ่อโอนคืนให้
เวลาผ่านไป ....
แม่ : จ่ายให้แล้วนะ 642 บาท โอนให้ด้วย
พ่อ : แม่เองก็มีตังเหลืออยู่นี่
แม่ : อ้าว ก้อไหนบอกว่าจะโอนคืนให้ ถ้าทำแบบนี้คราวหน้าไม่จ่ายให้นะ โอนให้ด้วย แล้ววางหูไป
จนถึงตอนค่ำ...
แม่ : ยังไม่โอนค่าโทรศัพท์ให้หรอ
พ่อ : ทำไมแค่เงิน หกร้อยกว่าบาทนี่ ออกให้ไม่ได้หรอ
แม่ : อ้าว ก้อเป็นคนบอกตั้งแต่แรกว่าจะโอนคืน แม่เองก้อมีภาระต้องใช้ เดือนนี้มีจ่ายเพิ่มค่าประกันสุขภาพลูก หมื่นกว่าบาท แถมมีค่าผ่อนบ้านเดือนที่ค้างอยู่เป็นชื่อบัญชีของพ่อ ที่แม่ต้องมาจ่ายให้ 4400 บาทอีกนะ
พ่อ : ทีเวลาพ่อให้ยืม เป็นพันยังให้ได้เลย (เริ่มขึ้นเสียง)
แม่ : ยืมก้อคืนให้ค่ะ จำไม่ได้หรอ เอาเป็นว่าเราไม่ต้องมาเถียงกันเรื่องอื่น สรุปว่าจะโอนคืนมั้ย
พ่อ : โอนคืนให้ก้อได้ แต่ต่อไปไม่ต้องมายุ่งเลย (เสียงดังใส่และโมโห)
แม่ : เรื่องนี้แม่ไม่ได้อยากยุ่งตั้งแต่แรกแล้ว แต่พ่อเป็นคนมาบอกให้ช่วยจ่ายก่อน แล้วสุดท้ายก้อไม่โอนคืนให้
พ่อ : วางหูไป และสุดท้ายก็ไม่ได้โอนเงินให้
ถึงแม้ว่าเงินจะไม่ได้เยอะมากมายก็ตาม แต่มันเป็นเรื่องของความเชื่อใจ ความไว้ใจ และการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ที่แม่อยากให้มีอยู่ในครอบครัว จริง ๆ เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรก ครั้งก่อนพ่อก็เคยยืมไป 2,000 บอกว่าสิ้นเดือนจะคืนให้ พอถึงสิ้นเดือนก็เงียบเฉย จนสุดท้ายแม่ทนไม่ได้ก็ต้องเอ่ยปากถาม พ่อก็ทำท่าโมโหใส่ หยิบเงินแบงค์พัน ขว้างใส่หน้าแม่ แล้วพูดว่า “เอาคืนไปเลย ทวงอยู่นั่นแหละ “
หลังจากนั้นแม่ก็พยายามระมัดระวังเรื่องเงินมากขึ้น ส่วนใหญ่เวลาพ่อให้ออกอะไรไปก่อน ก็จะบอกว่าไม่มีตัง ตังไม่พอ ฯลฯ บ้าง จนกว่าพ่อจะโอนมาแล้วจริง ๆ ถึงจะไปจ่ายให้ แต่ครั้งนี้ยอมรับว่า....เผลอไป คิดแค่ว่าอยากจะช่วยเหลือเค้าเท่านั้น แต่พลาดค่ะ
คำถาม .......ถ้าคุณเป็นแม่ในเรื่องนี้ คุณจะคิดยังไง แล้วจะมีวิธีการจัดการ หรือทำอย่างไรต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกคะ?