ใบหน้าสตรีที่ถูกคนจูบมากที่สุดในโลก


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
L’Inconnue de la Seine
PuMS l'emission sante



ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ที่ปารีส์
ศพของสตรีสาวรายหนึ่งถูกกู้ขึ้นมาจากแม่น้ำ Seine
แต่ไม่ปรากฏร่องรอยหลักฐานเกี่ยวกับ
การฆาตกรรม/ทำร้ายในตัวเธอ
ทางการตำรวจปารีส์จึงสันนิษฐานว่า
เธอฆ่าตัวตายเอง
เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องแปลกแต่อย่างใด
เพราะโดยเฉลี่ยแล้วในแต่ละปี
ที่แม่น้ำ Seine ที่แสนจะขุ่นมัว
ตำรวจท้องที่กรุงปารีสมักจะพบ
เหตุการณ์แบบนี้ไม่น้อยกว่าปีละ 200 คดี
ประมาณ 1 ใน 4 มักจะเป็นการตาย
เพราะสาเหตุฆาตกรรม แต่มากกว่าครึ่งหนึ่ง
ที่มักจะเป็นคนที่พยายามฆ่าตัวตาย
จึงน่าจะมีความเป็นไปได้ว่า  เธอฆ่าตัวตาย


ในยุคนั้น  เมื่อศพถูกนำขึ้นมาจากแม่น้ำแล้ว
มักจะนำศพมาวางไว้บนแผ่นหินอ่อน
ในหัองเก็บศพ มีช่องหน้าต่างให้มองดูศพได้
เพื่อให้ชาวบ้านมามุงดูศพได้
เพราะทางการคาดหวังว่า
อาจจะมีใครสักคนที่รู้จักผู้ตายบ้าง

ในยุโรปสมัยนั้น  การตายและการลงโทษ
เคยเป็นมหกรรมบันเทิงที่นิยมกันมาก
การจัดแสดงศพในสภาพต่าง ๆ
มักจะดึงดูดทุกเพศทุกวัยให้แห่กันไปชมกัน
อย่างคับคั่ง แบบฝรั่งมุง


แต่เรื่องนี้  แทบจะไม่มีใครจินตนการได้เลยว่า
ชาวปารีส์ในในปีนั้นและศตวรรษต่อ ๆ มา
จะรู้ถึงสาเหตุการฆ่าตัวตายของสตรีสาว
ที่แสนจะลึกลับและสวยงามคนนี้ได้
ว่าเธอเป็นใคร  และมาจากแห่งหนตำบลใด




 
เรื่องราวยิ่งบานปลายขยายไปอย่างแรง
เมื่อนักพยาธิวิทยาที่ปฏิบัติหน้าที
ในเรื่องการชันสูตรพลิกศพ
เกิดหลงใหลในเสน่ห์ความงดงามของเธอ
จึงได้ว่าจ้างช่างปูนปั้นทำการหล่อ
พิมพ์ใบหน้าของเธอด้วยปูนปลาสเตอร์
เพื่อเก็บรักษาไว้เป็นที่ระลึก
และเพื่อเป็นความทรงจำที่แสนงดงาม

ต่อมา ในเวลาไม่นานมากนัก
มีปูนปลาสเตอร์สีขาวใบหน้าสตรีที่ไม่มีใครรู้จัก
ผู้ซึ่งมีรอยยิ้มแบบของ Mona Lisa
เริ่มปรากฏวางขายกันในร้านค้าทั่วปารีส
และในปีต่อ ๆ มา  หน้ากากของสตรีคนนี้
ก็กลายเป็นของประดับประดาในบ้านสไตล์
Bohemian สมัยใหม่ทั่วทั้งยุโรป
รอยยิ้มลึกลับที่น่าหลงใหลและมีเสน่ห์ของเธอ
ทำให้บรรดาศิลปินประเภทต่าง ๆ
พากันวาดภาพ ประพันธ์เรื่องราว และบทกวี
และจินตนาการเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมา
เพื่ออุทิศความดีงามให้กับสตรีสาว
ผู้มีใบหน้าที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์






ในปี 1900
Richard Le Gallienne นักเขียนเรื่องสั้นชาวอังกฤษ
ได้เขียน The Worshiper of the Image
เรื่องราวกวีชาวอังกฤษที่ตกหลุมรักกับหน้ากาก
ในที่สุดก็นำไปสู่การตายของลูกสาวของตนเอง
และการฆ่าตัวตายของภรรยาของตนเอง

ในปี 1936  
ภาพยนตร์เยอรมันเรื่อง Die Unbekannte
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสตรีที่ยากไร้/เป็นเด็กกำพร้า
แต่ในที่สุดถูกล่อลวงโดยคนรักที่ร่ำรวย
แต่ทอดทิ้งเธอไป เธอเจ็บช้ำน้ำใจจึงฆ่าตัวตาย
ก็ได้รับแรงบันดาลใจจากหน้ากากแห่งความตาย
มีการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องล่าสุดเมื่อเร็ว ๆ นี้




เรื่องราวของ Inconnue de la Seine
ที่เป็นแรงบันดาลใจศิลปินหลายวิชาชีพ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
Using Resusci Anne QCPR
and Resusci Baby QCPR together
with feedback devices




ในปี 1960 ที่นอร์เวย์
Asmund Laerdal ผู้ผลิตของเล่นสำหรับเด็ก
ต้องเลือกใบหน้าสำหรับการฝึกการทำ CPR
นางแบบที่ท่านเลือกมาใช้คือ
Inconnue de la Seine
สตรีนิรนามของแม่น้ำ Seine

Asmund Laerdal ได้รับการติดต่อจาก
นายแพทย์ Peter Safar ชาวออสเตรีย
ผู้บุกเบิกเทคนิคการทำ CPR
ทั้งนี้  เพื่อช่วยในการฝึกอบรมสำหรับ
เทคนิคใหม่ที่ท่านคิดค้นขึ้นมา
เพราะท่านเกือบจะสูญเสีย
Tore ลูกชายของตนเองจากการจมน้ำ

ทำให้ Asmund Laerdal รู้สึกอิน
ชื่นชอบประทับใจกับเหตุการณ์เรื่องนี้มาด
เพราะครั้งหนึ่งลูกชายของท่าน
ก็เคยเฉียดตายมาแล้วเช่นกัน
ท่านเลยอยากเผยแพร่เทคนิค
และวิธีการช่วยชีวิตคนที่สร้างสรรค์นี้
และแล้วท่านระลึกถึง
หน้ากาก Inconnue de la Seine
ที่ปู่ย่าตายายของท่านวางประดับฝาบ้านไว้

Asmund Laerdal จึงได้ออกแบบ
ตุ๊กตาหญิงขนาดเท่าคนจริง
และตกแต่งใบหน้าจากหน้ากากแห่งความตาย
ที่โด่งดัง Inconnue de la Seine
ตุ๊กตานี้มีชื่อเรียกว่า Resusci Anne
เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์
ที่รู้จักกันเป็นอย่างดีของ Asmund Laerdal
และมีการใช้กันอย่างกว้างขวางทั่วโลก
เพื่อใช้ในการฝึกอบรมนักศึกษาแพทย์
พยาบาล อาสาสมัคร และบุคคลทั่วไป
ถึงวิธีการช่วยชีวิตแบบปากต่อปาก
เพื่อกระตุ้นให้คนหายใจ
และเรียก Inconnue de la Seine ว่า Anne
สตรีที่ถูกคนจูบมากที่สุดในโลก
เพราะมีคนไม่น้อยกว่า  500 ล้านคน
ที่เคยผ่านการจูบเธอมาก่อน
และอีก 2.5 ล้านคนที่รอดตายเพราะ CPR

ในการเลือกใบหน้าโดยใช้หน้ากาก
Inconnue de la Seine
Asmund  Laerdal  ได้บอกเหตุผลว่า
" Resusci Anne  คือ
อนุสรณ์ของสตรีที่ไม่มีใครรู้จัก
เธอจมน้ำตายในแม่น้ำ Seine
เพราะเธอไร้ชื่อไร้นาม
และยังคงเป็นเรื่องลึกลับ
เราไม่สามารถเข้าถึงความในใจของเธอ
และทำให้เธอมีมลทินใด ๆ ได้
เราได้แต่ใฝ่ฝันถึงเธอ "
เอกสารรายงานธุรกิจ Laerdal





ตู้กตาสตรีที่ใช้ฝึกการทำ CPR



แต่อีกหลายทศวรรษที่ผ่านมา
มักจะมีคำถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ
ความถูกต้องของใบหน้านี้
ว่าเป็นหน้ากากแห่งความตาย
ของสตรีสาวที่จมน้ำตายจริงหรือไม่
หรือถอดแบบมาจากหน้าคนที่ยังมีชีวิต
เพราะมีใบหน้าเหมือนคนที่มีชีวิตชีวา
และมีอาการเบื่อหน่ายบ้างเล็กน้อย

" มันน่าแปลกใจมาก
ที่ได้เห็นใบหน้าอันเงียบสงบเช่นนี้
ศพทุกรายที่จมน้ำตายและฆ่าตัวตาย
ตามที่เราเคยชันสูตรพลิกศพ
พวกนี้ไม่เคยดูสงบ  หรือกำลังบวมฉึ่ง  
แทบจะดูไม่ได้เลย "
Pascal Jacquin หัวหน้าตำรวจทางน้ำ
Brigade Fluviale ปารีส์
ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการเคลื่อนย้ายศพ
ที่จมน้ำตายออกจากแม่น้ำ Seine
และเห็นศพที่จมน้ำตายมากที่สุดในปารีส์ กล่าว

การจมน้ำตายเป็นเรื่องที่ทุกข์ทรมานมาก
และแม้แต่การฆ่าตัวตายเอง
ที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อมีลมหายใจต่อชีวิต
ให้รอดตายจนถึงวินาทีสุดท้าย
ณ ช่วงเวลาสุดท้าย
เป็นเรื่องของความหวาดกลัว ความเจ็บปวด
ความกังขาต่าง ๆ  ความขัดข้องหมองใจ
อาการเข่นนี้มักจะปรากฏอยู่บนใบหน้าผู้ตาย

แต่สำหรับ  สตรีรายนี้กลับตรงกันข้ามเลย
เธอมีใบหน้าที่ไร้ตำหนิ เธอดูเหมือนนอนหลับ
และฝันถึงเรื่องราวที่แสนงดงามในอดีต
Pascal Jacquin  ได้ตั้งข้อสังเกตเรื่องนี้ไว้

สำนักข่าว BBC
ได้ปรึกษาขอความเห็นผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน
ต่างได้แสดงความคิดเห็นพ้องต้องกันว่า
Inconnue de la Seine มีหน้าตาบ่งบอกว่า  
เธอมีสุขภาพกาย และ สุขภาพจิตดีมาก
เกินกว่าที่จะเป็นหน้ากากที่ถอดมาจากซากศพ





" ผมเชื่อว่า หน้ากากนี้ถูกถอดแบบ
จากคนที่ยังมีชีวิตอยู่  เพราะมันยากมาก
ที่คนจะคงรอยยิ้มไว้ได้ ขณะที่มีการหล่อ
ปูนปาสเตอร์เพื่อถอดแบบใบหน้า
เธอเป็นมืออาชีพอย่างมากเลย
เธอเป็นนางแบบที่เยี่ยมมากเลย "
Michel Lorenzi ศิลปิน/เจ้าของโรงงาน
หล่อรูปปะติมากรรมในปารีส์ กล่าว

" เรื่องราวที่เราหลงรักและชื่นชอบ
ต่างมีความไม่ชัดเจนและลึกลับ
ทุกอย่างจะจบสิ้นลงทันที
ถ้าเราทราบชื่อเสียงเรียงนาม
ของบุคคลนิรนามในตำนาน "
Louise Welsh กล่าวสรุป


ศพทหารนิรนามในอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
หลายประเทศก็ยังไม่ยอมนำกระดูกขึ้นมา
เพื่อตรวจสอบ DNA ว่าเป็นญาติพี่น้องกับใคร
เพราะถ้าทำเช่นนี้อาจจะลบล้างตำนาน
และความทรงจำในอดีตให้หมดไป



เรียบเรียง/ที่มา


http://bit.ly/2CaLYb9
http://bit.ly/2PYxm1y
https://bbc.in/2wzsyHI




Michel Lorenzi


Louise Welsh



Inconnue de la Seine
ที่ International Life Cast Museum Boston





เรื่องเล่าไร้สาระ


ในยุคอดีต
ศพจมน้ำตายในแม่น้ำลำคลอง
มักจะโผล่ขึ้นมาหลังจากนั้นราว 2 วัน
และแล้วมักจะล่องลอยไปตามสายน้ำ
ก่อนที่จะติดตลิ่ง สิ่งกีดขวาง หรือเสาสะพาน


ทำให้ในแต่ละท้องที่ของท้องถิ่นในไทย
มักจะตั้งเจ้าหน้าที่ประจำการเคลื่อนย้ายศพ
ร่วมกับอาสามูลนิธิต่าง ๆ มาจัดการศพลอยน้ำ
ด้วยการเขี่ยศพไปให้ไกล ๆ
ให้ออกห่างจากท้องที่ที่ต้องรับผิดชอบ

แถวบ้านในอดีตจึงมักจะมีตำนานเล่าขาน
เพราะศพลอยน้ำมาตามคลองอู่ตะเภา
มักมีกุ้งเกาะศพ ปลาไหล/ปลาต่าง ๆ แทะศพ
ไหลจากอำเภอสะเดา มาผ่านอำเภอหาดใหญ่
ก็มักจะมีพลเมืองดีเขี่ยให้พ้นออกไปจาก
เขตพื้นที่สอบสวนรายทางอำเภอหาดใหญ่
ให้ไปเข้าในเขตพื้นที่สอบสวน
อำเภอบางกล่ำ(เดิมเป็นอำเภอหาดใหญ่)
ส่วนถ้าเป็นไปได้ที่อำเภอบางกล่ำเจอก่อน
ก็มักจะรีบเขี่ยศพให้กลับไปอำเภอหาดใหญ่
หรือเขี่ยศพให้ไหลลงไปในทะเลสาบสงขลา
ซึ่งจะกลายเป็นพื้นที่สอบสวนอำเภอเมืองสงขลา

ที่คลองวงเส้นแบ่งเขต 2 อำเภอ
อำเภอหาดใหญ่ กับ อำเภอเมืองสงขลา
ในยุคอดีตก็มักจะมีการแย่งชิงกัน
เขี่ยศพให้พ้นจากพื้นที่สอบสวน
ใช้จังหวะเวลาน้ำขึ้นน้ำลง
ศพก็มักจะไหลตามน้ำ/ทวนน้ำกลับไปมา

แต่ปัจจุบันมีโทรศัพท์มือถือของพลเมืองดี
ใช้ถ่ายภาพ แชร์กันในสื่อออนไลน์
รวมทั้งอาสาของมูลนิธิต่าง ๆ มีจำนวนมากแล้ว
ต่างจับตาสอดส่องและดูแลกันเอง
การเขี่ยศพไปมาจึงเริ่มลดน้อยลงไปมาก

ตำนานเรื่องนี้มีมาช้านานมากแล้วในเมืองไทย
ตามที่อาจารย์ด้านนิติเวชวิทยา
มักจะเล่าให้ฟัง รวมทั้งหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ
มักจะเล่าสู่กันฟังถึงความยากลำบาก
ในการสืบสวนสอบสวนคดีศพลอยน้ำ
เพราะพื้นที่สุดท้ายที่เจอศพต้องรับผิดชอบ
ทำการสืบสวนสอบสวนชันสูตรพลิกศพ
ถึงสาเหตุการตายว่า ศพลอยมาจากไหน
ตายเพราะสาเหตุใด ระยะเวลาการตาย
ติดต่อญาติพี่น้องได้หรือไม่
ใครเป็นคนพบศพคนแรก
ถ้าติดต่อญาติพี่น้องไม่ได้เลย
ก็ต้องสรุปสำนวนคดีส่งอัยการ
ปิดคดีว่าเป็นศพไร้ญาติ/อนาถา
แล้วให้มูลนิธิไปทำการฝังศพไว้ก่อน
เผื่อญาติพี่น้องจะมาตามหาคนหาย
จะได้ขุดขึ้นมาเพื่อพิสูจน์หลักฐาน
ถ้าไร้ญาติเลยก็ฝังรอไว้ 2-3 ปี
รอเวลาทำพิธีล้างป่าช้าในภายหลัง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่