ที่ผ่านมาการแก้ปัญหาเรื่องพระรับปัจจัย ยังเป็นการแก้ปัญหาที่ยากและมีข้อถกเถียงกันอยู่มาก
ถ้าอย่างงั้น ให้แก้ปัญหาจากเรื่องง่ายไปเรื่องยาก น่าจะดีกว่า เป็นการแก้ปัญหาที่เร็ว อย่างไหนที่เป็นนโยบายที่มองดูแล้วว่า เมื่อประกาศแล้วเป็นเรื่องง่าย ข้อถกเถียงน้อย ก็รีบทำก่อนเลย ส่วนข้อไหนที่ดูแล้วเป็นเรื่องยาก ก็ค่อยๆหาวิธีแก้กันไป
อย่างเช่นที่ผ่านมา ออกกฎห้ามพระขับรถ ห้ามพระเดินห้าง เล่น fb,line ในที่สาธารณะ ก็เห็นได้ว่าไม่มีใครกล้ามาคัดค้าน เพราะเป็นสิ่งที่สังคมยอมรับและเห็นด้วยเป็นปกติวิสัย การออกนโยบายจึงทำได้ง่าย
ก็น่าจะมีนโยบายจำกัดขอบเขตของการใช้ปัจจัย เช่น หากพระจะซื้อรถไว้ใช้ จะต้องเป็นรถที่เอาไว้ใช้เฉพาะงานในวัดเท่านั้น ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะสงฆ์ กรรมการวัด มัคทายกวัด หรือชาวบ้านละแวกใกล้เคียงวัดด้วยยิ่งดี
หากมีการนำรถไปใช้หรือนำออกไปเป็นของส่วนตัว สามารถยึดรถคันนั้น ให้ตกเป็นของแผ่นดินหรือนำกลับไปเป็นของส่วนรวมของวัด
หรือเรื่องของลอตเตอรี่ ถ้าจะตั้งขอบเขตก็คือ ห้ามพระที่ถูกลอตเตอรี่ นำใบลอตเตอรี่ที่ถูกนั้นไปรับเงินรางวัล
หรือให้ตำรวจปรับเงิน แม่ค้าผู้ขายลอตเตอรี่ให้พระ คนละ 500 บาท เป็นต้น
หรือแม้กระทั่งหากพระมีความต้องการจะรื้อโบสถ์เก่าทิ้ง สร้างโบสถ์ใหม่และจัดงานปิดทองฝังลูกนิมิต ก็ให้มีการแจ้งกรมศาสนาก่อน เพื่อให้มีการส่งวิศวกรมาตรวจสอบว่า โบสถ์นั้นมีเหตุผลพอแก่การสร้างใหม่หรือไม่ เช่น ในวัดมีพระเพิ่มขึ้น โบสถ์หลังเก่าไม่พอมีที่ให้พระนั่ง หรือโบสถ์หลังเก่าประสบภัยต่างๆ เช่น อุทกภัย วาตภัย ไม่คุ้มค่าซ่อม ควรแก่การสร้างใหม่ เพราะเคยได้ยินมาว่า บางที่มีการทุบโบสถ์เก่า สร้างโบสถ์ใหม่ เพื่อหาทางสร้างรายได้เข้าวัด ทั้งที่โบสถ์เก่าสภาพยังใช้การดีอยู่ อันนี้จริงไม่จริงไม่รู้นะ แต่หามาตราการป้องกันไว้ก็ดี เป็นการป้องกันไม่ให้ทั้งมัคทายกวัด และกรรมการวัดกินผลประโยชน์จนเกินกว่าเหตุ
การออกนโยบายเช่นนี้ น่าจะทำได้ง่าย ทำได้เร็ว และกำจัดปัญหาของพระและกรรมการที่ทุจริตได้มากทีเดียว
คุณคิดว่าควรจะออกกฎให้พระห้ามนำลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลไปขึ้นเงินหรือไม่
ถ้าอย่างงั้น ให้แก้ปัญหาจากเรื่องง่ายไปเรื่องยาก น่าจะดีกว่า เป็นการแก้ปัญหาที่เร็ว อย่างไหนที่เป็นนโยบายที่มองดูแล้วว่า เมื่อประกาศแล้วเป็นเรื่องง่าย ข้อถกเถียงน้อย ก็รีบทำก่อนเลย ส่วนข้อไหนที่ดูแล้วเป็นเรื่องยาก ก็ค่อยๆหาวิธีแก้กันไป
อย่างเช่นที่ผ่านมา ออกกฎห้ามพระขับรถ ห้ามพระเดินห้าง เล่น fb,line ในที่สาธารณะ ก็เห็นได้ว่าไม่มีใครกล้ามาคัดค้าน เพราะเป็นสิ่งที่สังคมยอมรับและเห็นด้วยเป็นปกติวิสัย การออกนโยบายจึงทำได้ง่าย
ก็น่าจะมีนโยบายจำกัดขอบเขตของการใช้ปัจจัย เช่น หากพระจะซื้อรถไว้ใช้ จะต้องเป็นรถที่เอาไว้ใช้เฉพาะงานในวัดเท่านั้น ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะสงฆ์ กรรมการวัด มัคทายกวัด หรือชาวบ้านละแวกใกล้เคียงวัดด้วยยิ่งดี
หากมีการนำรถไปใช้หรือนำออกไปเป็นของส่วนตัว สามารถยึดรถคันนั้น ให้ตกเป็นของแผ่นดินหรือนำกลับไปเป็นของส่วนรวมของวัด
หรือเรื่องของลอตเตอรี่ ถ้าจะตั้งขอบเขตก็คือ ห้ามพระที่ถูกลอตเตอรี่ นำใบลอตเตอรี่ที่ถูกนั้นไปรับเงินรางวัล
หรือให้ตำรวจปรับเงิน แม่ค้าผู้ขายลอตเตอรี่ให้พระ คนละ 500 บาท เป็นต้น
หรือแม้กระทั่งหากพระมีความต้องการจะรื้อโบสถ์เก่าทิ้ง สร้างโบสถ์ใหม่และจัดงานปิดทองฝังลูกนิมิต ก็ให้มีการแจ้งกรมศาสนาก่อน เพื่อให้มีการส่งวิศวกรมาตรวจสอบว่า โบสถ์นั้นมีเหตุผลพอแก่การสร้างใหม่หรือไม่ เช่น ในวัดมีพระเพิ่มขึ้น โบสถ์หลังเก่าไม่พอมีที่ให้พระนั่ง หรือโบสถ์หลังเก่าประสบภัยต่างๆ เช่น อุทกภัย วาตภัย ไม่คุ้มค่าซ่อม ควรแก่การสร้างใหม่ เพราะเคยได้ยินมาว่า บางที่มีการทุบโบสถ์เก่า สร้างโบสถ์ใหม่ เพื่อหาทางสร้างรายได้เข้าวัด ทั้งที่โบสถ์เก่าสภาพยังใช้การดีอยู่ อันนี้จริงไม่จริงไม่รู้นะ แต่หามาตราการป้องกันไว้ก็ดี เป็นการป้องกันไม่ให้ทั้งมัคทายกวัด และกรรมการวัดกินผลประโยชน์จนเกินกว่าเหตุ
การออกนโยบายเช่นนี้ น่าจะทำได้ง่าย ทำได้เร็ว และกำจัดปัญหาของพระและกรรมการที่ทุจริตได้มากทีเดียว