อุทัยธานี อุทีธานัย เฮ้! ห้าๆๆ
จากชื่อกระทู้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเราจะพาไปเที่ยวที่ไหน
"อุทัยธานี" ยังไงล่ะคะ

อุทัยธานี เป็นจังหวัดที่อยู่ภาคเหนือตอนล่าง ระยะทางห่างจากกรุงเทพ ประมาณ 240 กม.
ใช้เวลาขับรถประมาณ 2 ชม.ครึ่งก็ถึงตัวเมือง
เรามาถึงอุทัยธานีเวลาบ่าย 2.45 น.
เมื่อมาถึงเราก็แวะหาอาหารกลางวันกันก่อนเลย ร้านแรกที่เราจะไปชิม คือ
"บะหมี่เกี๋ยวฮ่องเต้ (เจี่ยปอเคย)"
จุดเด่นของร้านนี้ เป็นบะหมี่ไข่สูตรเสฉวน ที่สืบทอดกันมาเป็นระยะเวลาหลายชั่วอายุคน
เฮียบุ๊ง เจ้าของร้านคนปัจจุบันนี้เป็นรุ่นที่ 4 แล้ว O.o
เมนูที่เราสั่ง คือ เมนูบะหมี่แห้งเต้าหู้ เสริฟพร้อมกับน้ำซุปร้อนๆ รสชาติกลมกล่อม

ชามนี้ราคา 30 บาท ค่ะ ฟังไม่ผิด 30 บาทเท่านั้น
อีกชามของเพื่อนเรา เป็นบะหมี่ต้มยำไข่

ส่วนชามนี้ 40 บาท
พี่เจ้าของร้านบอกว่า เมืองนี้ของกินต้องอร่อยและราคาถูก ถึงจะขายได้จ้าา
รอบๆร้านตกแต่งด้วยของเล่น และแก้วน้ำ Major Cineplex คาดว่า Major จะเป็นsponsor ให้กับร้านนี้ก็เป็นได้


พิกัดร้านบะหมี่ฮ่องเต้ : สวน 200 ปี
ถนนศรีน้ำซึม ตำบลอุทัยใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี 61000
เปิดเวลา 10.30 -17.00 น. วันธรรมดาปิด 15.00 น.
เมื่อเราอิ่มของคาว เราต้องต่อด้วยของหวาน
ร้านที่เราไปแวะ คือ "บ้านจงรัก"
พอไปถึงร้านปั๊บ เราสั่งขนมปังเย็นนมชมพู ส่วนของเพื่อนเรา ปังเย็นชาไทย


ขนมปังกรอบๆ เนื้อแน่นๆ ราดด้วยนมข้นหวานมัน งัมๆๆ อร่อยกว่าที่ใดในโลกา เพราะขนมปังไม่เละ
ถ่ายรอบๆร้านมาให้ชม เป็นร้านขนมที่มีการ์ตูน ของเล่น เยอะกว่าร้านขายของเล่นอีก




พี่เจ้าของร้านเล่าว่า เวลาที่เด็กๆมาร้านนี้ มักจะร้องไห้งอแงอยากได้ของเล่นในตู้เป็นประจำ
แบบว่าพ่อแม่ต้องสัญญาว่าจะพาไปซื้อของเล่นข้างนอก ไม่งั้นไม่หยุดร้อง
ฉะนั้น ท่านใดที่มีหลาน หรือลูกเด็กๆละก็ เตรียมตัวรับมือไว้ให้ดีค่ะ
Highlight ของร้านนี้ อยู่ที่ชั้นสอง เพราะข้างบนมีพิพิธภัณฑ์ของเก่า ของสะสมสมัยรุ่นปู่ย่า และบ้านไม้ที่มีอายุราวๆ 100 ปีให้ชม
เราใช้เวลาเดินเล่น เดินชม ถ่ายรูปรอบๆ เกือบ 1 ชม. เพลิดเพลินไปกับของเก่าแก่ที่สมัยนี้หาชมได้ยากมาก
มีทั้ง ตู้ โต๊ะเครื่องแป้ง ตั่ง เตียงนอน สมัยที่คุณตาคุณยายแต่งงาน เครื่องเบญจรงค์จากเมืองจีนลวดลายหายาก
บรรยายไม่หมดค่ะ ต้องไปชมกัน



เจ้าของโต๊ะตัวจริง มานั่งโพสต์ท่าถ่ายรูป








ลงมาจากข้างบน เจ็บคอ เพราะว่าคุยกับคุณลุงเจ้าของบ้านสนุกมาก
เลยต้องสั่งน้ำดิ่มสักแก้ว อัญชัญน้ำผึ้งมะนาว อร่อยกลมกล่อม จดจื้นนนน

ใครไม่ไปแล้วจะเสียใจนะ จะบอกให้

พิกัด : 221/3 ถนนศรีอุทัย ตำบลอุทัยใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี 61000
ถัดจากนั้น เราก็ไปเดินย่อยกันที่ "วัดอุโปสถาราม" หรือเรียกสั้นๆว่า "วัดโบสถ์"
การเดินทางก็ง่ายๆเลย เอารถไปจอดไว้ตรงตลาดแล้วก็เดินข้ามสะพานไป
ได้ออกกำลังกาย และจะเห็นวิววัดโบสถ์สวยๆจากบนสะพานด้วย

เล่าประวัติคร่าวๆ
วัดอุโปสถาราม เดิมชื่อ วัดโบสถ์มโนรมย์
พระอุโบสถ
ภายในมีจิตรกรรมฝาผนัง เขียนในสมัยรัชกาลที่ 3 ตอนปลาย แล้วเสร็จในต้นสมัยรัชกาลที่ 4 การเขียนแบ่งเป็น 2 ส่วน ภาพส่วนล่าง เป็นภาพพุทธประวัติ เบื้องบนเป็นภาพเทพชุมนุมสลับพัดยศลายต่างๆ นอกจากนี้ภายในอุโบสถยังประดิษฐานพระพุทธรูปศิลปะสมัยสุโขทัยปางมารวิชัยเป็นพระประธาน



ถัดมา คือ
พระวิหาร
สร้างคู่มากับพระอุโบสถ มีภาพจิตรกรรมฝาผนังทั้งภายในและภายนอก ภายในเป็นภาพพระพุทธเจ้าเสด็จโปรดเทพยดาบนสรวงสวรรค์ และภาพด้านบนเป็นภาพชุมนุมพระสงฆ์สาวกสลับพัดยศลายต่างๆ ด้านนอกพระวิหารเป็นภาพการถวายพระเพลิงและวิถีชีวิตชาวบ้านที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา

ที่โดดเด่นอยู่ริมแม่น้ำเห็นจะเป็น "มณฑปแปดเหลี่ยม" รูปทรงตะวันตก สร้างขี้นปี พ.ศ.2442 สมัยรัชกาลที่ 5 โดยหลวงพิทักษ์ภาษา (บุญเรือง พิทักษ์อรรณพ) ต้นตระกูลพิทักษ์อรรณพ เพื่อถวายแด่พระสุนทรมุนี เจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานีในขณะนั้น เพื่อให้ท่านจำพรรษา แต่ท่านมรณภาพลงเสียก่อน มณฑปแห่งนี้จึงถูกใช้เป็นที่เก็บอัฐิและข้าวของเครื่องใช้ของพระสุนทรมนีแทน สมัยที่รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสหัวเมืองเหนือครั้งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ.2449 ทรงแวะชมวัดแห่งนี้ด้วย
วิวเรือนแพริมแม่น้ำจากบนสะพานก็สวยดีนะ


เมื่อชมวัดอย่างสำราญใจแล้ว เราก็ขึ้นไปบนเขาสะแกกรังชมวิวตัวเมืองอุทัยธานี



กว่าจะขึ้นไปชมวิวนี่เราต้องเดินขึ้นบันได 449 ขั้น ขึ้น-ลง 898 ขั้น ออกกำลังกายไปในตัว

ลงมาปุ๊บก็หิวพอดีค่ะ 555+
มื้อเย็น เราไปเลือกร้านป้าสำราญ ที่เกาะเทโพ เพราะว่าเราอยากชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา
พอไปถึงฝนไม่รู้มาจากไหน ตกหนักมากกกกก เลยต้องย้ายเข้าไปนั่งข้างใน
เพราะว่ามุงแฝกน้ำรั่วค่ะ บันเทิงมากๆ
เมนูที่เราสั่งนั้นนนนนน ได้แก่
ปลาลึงทอดน้ำปลา (ของเด็ดของร้านนี้ ลองแล้วจะติดใจ)

ทอดมันปลายี่สก (เนื้อแน่น หนึบหนับ รสชาติที่เราคู่ควร)

ยำเห็ดสามอย่าง (เห็ด เห็ด และเห็ด)

ต้มยำปลา (รสชาติเจ้มจ้นมากๆ(อร่อยกว่าเข้มข้น))

มื้อนี้สนนราคาอยู่ที่ 270 บาท (มีข้าวเปล่า 2 จานและน้ำเปล่า 1ขวด)
ทานอาหารนอกเมืองเสร็จ เราก็เข้าไปทานหวานเย็นในตลาดต่อ
ช่วงเที่ยว กระเพาะของเราจะใหญ่ขี้นเป็น 5 เท่า กินเข้าไปค่ะ

ขนมมีให้เลือก 108 อย่าง เลือกตามที่ชอบๆเลยค่ะ

3 อย่าง 20 บาท
ปล. ไม่ได้ถ่ายรูปขนมมาให้ดูเลย ลืมนึก พอนึกขึ้นได้ก็หมดชามไปแล้ว T T
วันนี้เที่ยวครบที่แพลนไว้แล้ว กลับโรงแรมนอนก่อนค่ะ
วันที่ 2 ของทริป
วันนี้ตื่นเช้าไปเดินตลาดเช้า ไปถึงตลาดประมาณ 6.45 น.
มีของสดให้เลือกซื้อเยอะ ไม่ว่าจะเป็น ผัก ผลไม้ กุ้ง ปู ปลา สารพัด





มื้อเช้าแรกของเรา เป็นขนมจีน
นั่งทานตรงนี้เลยค่ะ คุณยายมีเก้าอี้เตรียมโต๊ะไม้ไว้บริการ ไม่ต้องเอาเสื่อไปปู
ได้อารมณ์การกินขนมจีนไปอีกแบบ ชีวิต simple ต้องที่นี่เท่านั้น
คุณยายตั้งของขายบนโต๊ะไม้เตี้ย รายล้อมไปด้วยน้ำแกง น้ำยา กระด้งขนมจีนที่วางเส้นเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆสวยงาม
ข้างหน้าที่นั่งลูกค้าจะมีเครื่องเคียงให้เลือกหยิบกันตามใจชอบ


ชามนี้ 20 บาท ตอนแรกคุณยายจะหยิบให้อีก แต่พอเห็นชามของเพื่อนเรา ต้องห้ามคุณยายไว้ ไม่งั้นจุกแน่นอน

รสชาติขนมจีนคุณยายเด็ดดวงดีแท้ ทั้งหอม มัน เค็ม หวานครบ มีทั้งน้ำยา และน้ำแกง
ชวนคุณยายคุย ได้ความมาว่าคุณยายอายุ 81 ปีแล้ววว อยู่บ้านคนเดียว ทำเองทุกสิ่งอย่าง
ขายที่ตลาดเช้าถึงเกือบ 9 โมงเช้า แล้วจะย้ายไปขายแถวหน้าร้านไอติมป้าแจว เจ้าดังของอุทัย
ใครแวะเวียนไปตลาด ฝากไปอุดหนุนคุณยายหน่อยค่ะ 20 บาทเท่านั้น
เดินเล่นในตลาดเสร็จแล้ว เราก็กลับโรงแรม อาบน้ำแต่งตัว
ออกมาหาอาหารเช้ารอบที่ 2 ทานก่อนจะออกนอกเมือง
รอบนี้เราไปแวะที่ 'ร้านโกตี๋' ข้าวมันไก่เจ้าดังของเมืองอุทัยธานี
เราสั่งข้าวมันไก่ต้ม+หมูกรอบ

45 บาท ทำไมแพง จานนิดเดียวเอง
เมื่อไม่อิ่ม เราเลยต้องสั่งฮอยจ้อเพิ่ม

100 บาท แต่รสชาติและปริมาณสมราคา
พิกัด : ร้านอยู่ตรงวงเวียนวิทยุ ตรงข้ามตรอกโรงยา
อุทัยธานี ในอภิรมย์ (~.~)
จากชื่อกระทู้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเราจะพาไปเที่ยวที่ไหน
"อุทัยธานี" ยังไงล่ะคะ
อุทัยธานี เป็นจังหวัดที่อยู่ภาคเหนือตอนล่าง ระยะทางห่างจากกรุงเทพ ประมาณ 240 กม.
ใช้เวลาขับรถประมาณ 2 ชม.ครึ่งก็ถึงตัวเมือง
เรามาถึงอุทัยธานีเวลาบ่าย 2.45 น.
เมื่อมาถึงเราก็แวะหาอาหารกลางวันกันก่อนเลย ร้านแรกที่เราจะไปชิม คือ
"บะหมี่เกี๋ยวฮ่องเต้ (เจี่ยปอเคย)"
จุดเด่นของร้านนี้ เป็นบะหมี่ไข่สูตรเสฉวน ที่สืบทอดกันมาเป็นระยะเวลาหลายชั่วอายุคน
เฮียบุ๊ง เจ้าของร้านคนปัจจุบันนี้เป็นรุ่นที่ 4 แล้ว O.o
เมนูที่เราสั่ง คือ เมนูบะหมี่แห้งเต้าหู้ เสริฟพร้อมกับน้ำซุปร้อนๆ รสชาติกลมกล่อม
อีกชามของเพื่อนเรา เป็นบะหมี่ต้มยำไข่
พี่เจ้าของร้านบอกว่า เมืองนี้ของกินต้องอร่อยและราคาถูก ถึงจะขายได้จ้าา
รอบๆร้านตกแต่งด้วยของเล่น และแก้วน้ำ Major Cineplex คาดว่า Major จะเป็นsponsor ให้กับร้านนี้ก็เป็นได้
พิกัดร้านบะหมี่ฮ่องเต้ : สวน 200 ปี
ถนนศรีน้ำซึม ตำบลอุทัยใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี 61000
เปิดเวลา 10.30 -17.00 น. วันธรรมดาปิด 15.00 น.
เมื่อเราอิ่มของคาว เราต้องต่อด้วยของหวาน
ร้านที่เราไปแวะ คือ "บ้านจงรัก"
พอไปถึงร้านปั๊บ เราสั่งขนมปังเย็นนมชมพู ส่วนของเพื่อนเรา ปังเย็นชาไทย
ถ่ายรอบๆร้านมาให้ชม เป็นร้านขนมที่มีการ์ตูน ของเล่น เยอะกว่าร้านขายของเล่นอีก
พี่เจ้าของร้านเล่าว่า เวลาที่เด็กๆมาร้านนี้ มักจะร้องไห้งอแงอยากได้ของเล่นในตู้เป็นประจำ
แบบว่าพ่อแม่ต้องสัญญาว่าจะพาไปซื้อของเล่นข้างนอก ไม่งั้นไม่หยุดร้อง
ฉะนั้น ท่านใดที่มีหลาน หรือลูกเด็กๆละก็ เตรียมตัวรับมือไว้ให้ดีค่ะ
Highlight ของร้านนี้ อยู่ที่ชั้นสอง เพราะข้างบนมีพิพิธภัณฑ์ของเก่า ของสะสมสมัยรุ่นปู่ย่า และบ้านไม้ที่มีอายุราวๆ 100 ปีให้ชม
เราใช้เวลาเดินเล่น เดินชม ถ่ายรูปรอบๆ เกือบ 1 ชม. เพลิดเพลินไปกับของเก่าแก่ที่สมัยนี้หาชมได้ยากมาก
มีทั้ง ตู้ โต๊ะเครื่องแป้ง ตั่ง เตียงนอน สมัยที่คุณตาคุณยายแต่งงาน เครื่องเบญจรงค์จากเมืองจีนลวดลายหายาก
บรรยายไม่หมดค่ะ ต้องไปชมกัน
ลงมาจากข้างบน เจ็บคอ เพราะว่าคุยกับคุณลุงเจ้าของบ้านสนุกมาก
เลยต้องสั่งน้ำดิ่มสักแก้ว อัญชัญน้ำผึ้งมะนาว อร่อยกลมกล่อม จดจื้นนนน
ใครไม่ไปแล้วจะเสียใจนะ จะบอกให้
พิกัด : 221/3 ถนนศรีอุทัย ตำบลอุทัยใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี 61000
ถัดจากนั้น เราก็ไปเดินย่อยกันที่ "วัดอุโปสถาราม" หรือเรียกสั้นๆว่า "วัดโบสถ์"
การเดินทางก็ง่ายๆเลย เอารถไปจอดไว้ตรงตลาดแล้วก็เดินข้ามสะพานไป
ได้ออกกำลังกาย และจะเห็นวิววัดโบสถ์สวยๆจากบนสะพานด้วย
เล่าประวัติคร่าวๆ
วัดอุโปสถาราม เดิมชื่อ วัดโบสถ์มโนรมย์
ภายในมีจิตรกรรมฝาผนัง เขียนในสมัยรัชกาลที่ 3 ตอนปลาย แล้วเสร็จในต้นสมัยรัชกาลที่ 4 การเขียนแบ่งเป็น 2 ส่วน ภาพส่วนล่าง เป็นภาพพุทธประวัติ เบื้องบนเป็นภาพเทพชุมนุมสลับพัดยศลายต่างๆ นอกจากนี้ภายในอุโบสถยังประดิษฐานพระพุทธรูปศิลปะสมัยสุโขทัยปางมารวิชัยเป็นพระประธาน
ถัดมา คือ พระวิหาร
สร้างคู่มากับพระอุโบสถ มีภาพจิตรกรรมฝาผนังทั้งภายในและภายนอก ภายในเป็นภาพพระพุทธเจ้าเสด็จโปรดเทพยดาบนสรวงสวรรค์ และภาพด้านบนเป็นภาพชุมนุมพระสงฆ์สาวกสลับพัดยศลายต่างๆ ด้านนอกพระวิหารเป็นภาพการถวายพระเพลิงและวิถีชีวิตชาวบ้านที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา
ที่โดดเด่นอยู่ริมแม่น้ำเห็นจะเป็น "มณฑปแปดเหลี่ยม" รูปทรงตะวันตก สร้างขี้นปี พ.ศ.2442 สมัยรัชกาลที่ 5 โดยหลวงพิทักษ์ภาษา (บุญเรือง พิทักษ์อรรณพ) ต้นตระกูลพิทักษ์อรรณพ เพื่อถวายแด่พระสุนทรมุนี เจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานีในขณะนั้น เพื่อให้ท่านจำพรรษา แต่ท่านมรณภาพลงเสียก่อน มณฑปแห่งนี้จึงถูกใช้เป็นที่เก็บอัฐิและข้าวของเครื่องใช้ของพระสุนทรมนีแทน สมัยที่รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสหัวเมืองเหนือครั้งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ.2449 ทรงแวะชมวัดแห่งนี้ด้วย
วิวเรือนแพริมแม่น้ำจากบนสะพานก็สวยดีนะ
เมื่อชมวัดอย่างสำราญใจแล้ว เราก็ขึ้นไปบนเขาสะแกกรังชมวิวตัวเมืองอุทัยธานี
ลงมาปุ๊บก็หิวพอดีค่ะ 555+
มื้อเย็น เราไปเลือกร้านป้าสำราญ ที่เกาะเทโพ เพราะว่าเราอยากชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา
พอไปถึงฝนไม่รู้มาจากไหน ตกหนักมากกกกก เลยต้องย้ายเข้าไปนั่งข้างใน
เพราะว่ามุงแฝกน้ำรั่วค่ะ บันเทิงมากๆ
เมนูที่เราสั่งนั้นนนนนน ได้แก่
ปลาลึงทอดน้ำปลา (ของเด็ดของร้านนี้ ลองแล้วจะติดใจ)
ทานอาหารนอกเมืองเสร็จ เราก็เข้าไปทานหวานเย็นในตลาดต่อ
ช่วงเที่ยว กระเพาะของเราจะใหญ่ขี้นเป็น 5 เท่า กินเข้าไปค่ะ
ปล. ไม่ได้ถ่ายรูปขนมมาให้ดูเลย ลืมนึก พอนึกขึ้นได้ก็หมดชามไปแล้ว T T
วันนี้เที่ยวครบที่แพลนไว้แล้ว กลับโรงแรมนอนก่อนค่ะ
วันที่ 2 ของทริป
วันนี้ตื่นเช้าไปเดินตลาดเช้า ไปถึงตลาดประมาณ 6.45 น.
มีของสดให้เลือกซื้อเยอะ ไม่ว่าจะเป็น ผัก ผลไม้ กุ้ง ปู ปลา สารพัด
นั่งทานตรงนี้เลยค่ะ คุณยายมีเก้าอี้เตรียมโต๊ะไม้ไว้บริการ ไม่ต้องเอาเสื่อไปปู
ได้อารมณ์การกินขนมจีนไปอีกแบบ ชีวิต simple ต้องที่นี่เท่านั้น
คุณยายตั้งของขายบนโต๊ะไม้เตี้ย รายล้อมไปด้วยน้ำแกง น้ำยา กระด้งขนมจีนที่วางเส้นเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆสวยงาม
ข้างหน้าที่นั่งลูกค้าจะมีเครื่องเคียงให้เลือกหยิบกันตามใจชอบ
ชวนคุณยายคุย ได้ความมาว่าคุณยายอายุ 81 ปีแล้ววว อยู่บ้านคนเดียว ทำเองทุกสิ่งอย่าง
ขายที่ตลาดเช้าถึงเกือบ 9 โมงเช้า แล้วจะย้ายไปขายแถวหน้าร้านไอติมป้าแจว เจ้าดังของอุทัย
ใครแวะเวียนไปตลาด ฝากไปอุดหนุนคุณยายหน่อยค่ะ 20 บาทเท่านั้น
เดินเล่นในตลาดเสร็จแล้ว เราก็กลับโรงแรม อาบน้ำแต่งตัว
ออกมาหาอาหารเช้ารอบที่ 2 ทานก่อนจะออกนอกเมือง
รอบนี้เราไปแวะที่ 'ร้านโกตี๋' ข้าวมันไก่เจ้าดังของเมืองอุทัยธานี
เราสั่งข้าวมันไก่ต้ม+หมูกรอบ
เมื่อไม่อิ่ม เราเลยต้องสั่งฮอยจ้อเพิ่ม
พิกัด : ร้านอยู่ตรงวงเวียนวิทยุ ตรงข้ามตรอกโรงยา