อย่างที่หลายๆคนรู้กันว่า มันแทบจะเป็นอาชีพสายงานบริการที่เก่าแก่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ ซึ่งน่าจะทำมาตั้งแต่สมัยที่เรายังเป็นมนุษย์ยุคโบราณเลยด้วยซ้ำ "อ้างอิงจากคลิปวีดีโอเกี่ยวกับสารคดีที่สังเกตุพฤติกรรมสัตว์ โดยเค้าจะสอนลิงให้ใช้เงินซื้อผลไม้ แต่จะพบว่ามีลิงตัวผู้ที่มักจะไม่เอาเงินไปซื้อผลไม้ แต่จะเอาไปให้ตัวเมียเพื่อแลกกับการมีเพศสัมพันธ์"
และตอนนี้แทบจะเถียงไม่ออกว่า อาชีพโสเภณีเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยสูงพอสมควร ถึงแม้จะถูกเหมารวมไปกับรายได้การจากการท่องเที่ยวก็ตาม (แน่นอนว่าโสเภณีสามารถทำเงินได้วันละหลายพัน-หลายหมื่นได้ และทั้งหมดนั่นจะเป็นกำไร เพราะเอาจริงๆ มันเป็นงานบริการดังนั้นจึงแทบไม่มีทุน แม้บางคนได้เงินมาแล้วเอาไปอัพตัวเองเพื่ออัพราคาตัวเองเป็นการต่อยอดมันจะมีอยู่ก็เถอะ แต่ไม่นับเป็นทุนก็แล้วกัน . . . เทียบเงินเดือนออกมาพอๆกับแพทย์ที่อยู่เวรจนปางตายด้วยซ้ำไปนะนั่น แพทย์อยู่เวรอดหลับอดนอนแทบตาย ได้ชั่วโมงละประมาณ 100-1,000 แล้วแต่ระดับยศ ถ้าอยู่แบบต่อเนื่องไม่นอนเลยก็ได้มากสุดวันนึง 24,000/วัน + เงินเดือนรวมค่าใบประกอบวิชาชีพอะไรด้วยแล้ว ได้อีกราวๆ 20,000-50,000 สำหรับ โรงพยาบาลรัฐ คิดว่าไม่น่าเกินนี้ เพราะงั้น เงินเดือน Max สำหรับหมอ ทำงานแบบไม่นอนทั้งเดือนเป็นผีตายซาก ยังไงก็ไม่มีทางเกิน 800,000/เดือนแน่นอน แต่โสเภณีถ้าหากทำงาน ปกติมันก็มีหลายเรทมีตั้งแต่ไม่พอกินไปยันพอจะซื้อรถมอเตอร์ไซค์ได้สักคันเลย แต่สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เข้าใจว่าน่าจะอยู่ที่เรท 2,000-3,000/ชั่วโมง โดยวันนึงถ้าทำงานสัก 8 ชั่วโมงเท่าเวลาราชการ ก็ได้เท่าที่แพทย์อยู่เวรแบบอดนอนทั้งวันแล้ว 24,000/วัน . . . แต่ถ้าเป็นพนักงานมีค่ายจะต้องโดนหักแบ่ง แต่ถ้ารับงานอิสระจะไม่ต้องโดนหักแบ่งใดๆ ถ้าจะอยู่เวรดึก หรือลดเรทลงมาหน่อย ก็ได้เท่าแพทย์ทำงานเป็นผีตายซากทั้งเดือนแล้ว)
นั่นคือปริมาณกำไรไร้ต้นทุนที่โสเภณีหนึ่งคนสามารถทำเงินเข้าประเทศได้ ในความเป็นจริงในมีเยอะกว่านั้น นี่เป็นสาเหตุที่ว่า ทั้งๆที่กำจัดแทบตาย แต่ทำไมไม่หมดไปสักที เพราะมันกำจัดไม่ได้ เหมือนเหล้า บุหรี่ รณรงค์กันว่าห้ามนู่นนี่ แต่ก็ทำได้แค่พูด เพราะถ้างดจริง รัฐจะสูญเสียรายได้มหาศาล โสเภณีก็เช่นกัน ถ้าหากทำลายล้างจริงจัง มีหรือจะทำไม่ได้ แต่ถ้าทำจริงๆ รายได้ของประเทศจะแหว่งไปจนเห็นได้ชัดเลยล่ะ
ดังนั้น สังคมไทยตอนนี้มองว่าเรื่องนี้เป็นปัญหา แต่ว่าถ้ากำจัดปัญหานี้ไปแล้วจะเดือดร้อน เพื่อนๆคิดอย่างไรที่จะทำให้สิ่งนี้มันไม่เป็นปัญหาบ้างครับ เพราะตอนนี้ปัญหาที่พบจากการมีโสเภณีคือ STD (Sexual Transmitted Diseases) หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมไปถึงการกดขี่จากเอเย่นต์ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือมีการบังคับให้ทำโดยที่เจ้าตัวไม่เต็มใจ ทำให้ตัวโสเภณีมีความยากลำบากในการใช้ชีวิต ขัดกับวัฒนธรรมของไทย หรืออาจจะมีกรณีอื่นๆที่ผมนึกไม่ถึง
ทีนี้ในกรณีของ STD แน่ชัดแล้วว่า จำเป็นต้องตรวจคัดกรองโรคของโสเภณีและต้องมีการป้องกันทุกครั้ง เพื่อลดโรคติดต่อที่จะเกิดขึ้นไม่ให้เกิดการแพร่กระจายของโรค กรณีของการถูกเอเย่นต์เอาเปรียบก็อยากให้จัดตั้งองค์กรหรือหน่วยงานจะเอกชนหรือรัฐบาลก็ได้ให้มันถูกต้องตามกฎหมายเข้ามากำกับดูแลให้เป็นระเบียบและยุติธรรม หรือก็คือทำใจยอมรับสภาพความเป็นจริงพลิกวิกฤตเป็นโอกาสเลย อาจจะจัดตั้งโรงเรียนสอนโสเภณีเหมือนอย่างที่สเปนก็ได้ เพื่อให้คนที่สนใจรวยทางลัดเข้ามาทำอย่างเป็นกิจลักษณะ ต้องผ่านการอบรมมีใบประกอบวิชาชีพอะไรก่อนถึงจะมีสิทธิทำงานด้านนี้ ถ้าไม่มีใบประกอบก็แปลว่าเถื่อนอาจจะไม่ปลอดภัยแค่นั้นเอง ร้านก็อาจจะมีป้ายรับรองว่าผ่านการขึ้นทะเบียนแล้ว แล้วก็มีการสุ่มตรวจสอบมาตรฐานเป็นระยะ (. . . อย่างกับร้านยาเลยแฮะ) ทีนี้จะได้จัดการกับการค้สประเวณีในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี หรือบังคับคนไม่เต็มใจมาค้าประเวณีได้เสียที มีระบบที่ถูกต้อง ก็จงมาเข้าระบบ ใครไม่เข้าระบบ จะถือว่าส่อแววเจตนาไม่ดีหรือทำผิดข้อบังคับของกฎหมาย ประมาณนั้น ส่วนกรณีขัดกับวัฒนธรรมไทย เอาตรงๆผมกลับคิดว่า วัฒนธรรมนั้นไม่ควรจะเป็นตามที่สำนักราชบัณฑิตยสภาให้นิยามไว้ มันควรเป็นเพียงแค่ ลักษณะ สภาวะปกติหรือพฤติกรรม การปฏิบัติ ที่พบได้ในสังคมหรือชุมชนนั้นๆ เพราะถ้าแปลวัฒนธรรมเป็นภาษาอังกฤษ ก็คือ Culture ซึ่งมันก็คือแค่นั้น มันแปลว่าความประพฤติที่เป็นปกติของพื้นที่หรือสังคมนั้น และตอนนี้โสเภณีก็อยู่กับเรามายาวนานมากจนแทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์ไทยที่ถูกปกปิดไปแล้วด้วยซ้ำ นิยามคำว่า วัฒนธรรม ของไทยนั้น มันเป็นคำที่มีความหมายไม่เป็นกลาง พยายามจะดึงเอาเพียงข้อดีขึ้นยกยอ และกลบปัญหาลงไป ไม่กล้าเผชิญกับปัญหาที่มี มันจึงเป็นปัญหาคาราคาซังแก้ไม่ได้เสียที ผมว่าล้มเลิกระบบการคิดถึงคำว่าวัฒนธรรมแบบเดิมๆ แล้วเดินไปในเส้นทางของคนไทยสมัยใหม่ที่ไม่เหลือเค้าโครงเดิมก็ไม่ได้ผิดอะไร การเจอปัญหา แล้วก็หาทางออกซึ่งจะดีที่สุดหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่มันมีการแก้ไข ก็คือมีการวิวัฒนาการ จะเชิงบวกหรือลบก็ไม่ทราบ แต่เราไม่ย่ำอยู่กับที่ ในเมื่อมันเสียอยู่แล้ว คุณจะไม่ลองเปลี่ยนมันเหรอ เปลี่ยนไปแล้วเสีย มันก็แค่เหมือนเดิม ถ้าเปลี่ยนแล้วโอเค มันก็คือดี มันไม่มีขาดทุน มีแค่เท่าทุนกับกำไร ทำไมเราถึงเลือกที่จะเพิกเฉยต่อปัญหาเหล่านี้ทั้งๆที่น่าจะลองหาทางออกสักทาง ลองผิดลองถูกดูก็ได้ ไม่ดีก็แก้ใหม่ เราไม่ได้มีโอกาสแค่หนเดียว ไม่ใช่ว่าพลาดแล้วประเทศไทยจะต้องล่มสลายนี่
แล้วเพื่อนๆล่ะ มีความเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้
ถ้าข้อมูลตรงไหรผิดพลาดก็ขออภัย และฝากผู้รู้ช่วยแก้ไขด้วย
ถ้าความคิดเห็นใดมันไปขัดใจใครเข้า ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ แค่คิดว่าปัญหานี้มันคาราคาซัง และคับข้องในจิตใจ อยากจะลองเสนอทางออกดูนะครับ ผมไม่คิดว่าโสเภณีจะเป็นอาชีพที่ก่อปัญหาอะไรด้วย เพราะเอาจริงๆถามว่า ถ้าเราทำให้ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมกำกับดูแลได้ มันจะทำให้ใครเดือดร้อนไหมครับ ผมว่าไม่ และมันก็จะเหมือนงานบริการทั่วไป เหมือนตัดผม ล้างเล็บ อะไรพวกนั้นเลย เอาจริงๆแล้วผมรู้สึกว่ามันไม่ต่างกันเท่าไหร่ มีอุปสงค์ก็ต้องมีอุปทาน ตราบใดที่ยังมีคนซื้อมันก็ไม่แปลกที่จะมีคนขาย ในเมื่อเราต้องไปขายลับๆในมุมมืด เกิดปัญหามากมาย ทำไม่เราไม่ทำในที่โจ่งแจ้งจะได้ตรวจสอบง่ายมีปัญหาอะไรจะได้แก้ง่ายๆล่ะครับ
เพื่อนๆมีความคิดเห็นอย่างไรกับการยอมรับให้อาชีพโสเภณีกลายเป็นอาชีพที่ถูกกฎหมายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการครับ
และตอนนี้แทบจะเถียงไม่ออกว่า อาชีพโสเภณีเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยสูงพอสมควร ถึงแม้จะถูกเหมารวมไปกับรายได้การจากการท่องเที่ยวก็ตาม (แน่นอนว่าโสเภณีสามารถทำเงินได้วันละหลายพัน-หลายหมื่นได้ และทั้งหมดนั่นจะเป็นกำไร เพราะเอาจริงๆ มันเป็นงานบริการดังนั้นจึงแทบไม่มีทุน แม้บางคนได้เงินมาแล้วเอาไปอัพตัวเองเพื่ออัพราคาตัวเองเป็นการต่อยอดมันจะมีอยู่ก็เถอะ แต่ไม่นับเป็นทุนก็แล้วกัน . . . เทียบเงินเดือนออกมาพอๆกับแพทย์ที่อยู่เวรจนปางตายด้วยซ้ำไปนะนั่น แพทย์อยู่เวรอดหลับอดนอนแทบตาย ได้ชั่วโมงละประมาณ 100-1,000 แล้วแต่ระดับยศ ถ้าอยู่แบบต่อเนื่องไม่นอนเลยก็ได้มากสุดวันนึง 24,000/วัน + เงินเดือนรวมค่าใบประกอบวิชาชีพอะไรด้วยแล้ว ได้อีกราวๆ 20,000-50,000 สำหรับ โรงพยาบาลรัฐ คิดว่าไม่น่าเกินนี้ เพราะงั้น เงินเดือน Max สำหรับหมอ ทำงานแบบไม่นอนทั้งเดือนเป็นผีตายซาก ยังไงก็ไม่มีทางเกิน 800,000/เดือนแน่นอน แต่โสเภณีถ้าหากทำงาน ปกติมันก็มีหลายเรทมีตั้งแต่ไม่พอกินไปยันพอจะซื้อรถมอเตอร์ไซค์ได้สักคันเลย แต่สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เข้าใจว่าน่าจะอยู่ที่เรท 2,000-3,000/ชั่วโมง โดยวันนึงถ้าทำงานสัก 8 ชั่วโมงเท่าเวลาราชการ ก็ได้เท่าที่แพทย์อยู่เวรแบบอดนอนทั้งวันแล้ว 24,000/วัน . . . แต่ถ้าเป็นพนักงานมีค่ายจะต้องโดนหักแบ่ง แต่ถ้ารับงานอิสระจะไม่ต้องโดนหักแบ่งใดๆ ถ้าจะอยู่เวรดึก หรือลดเรทลงมาหน่อย ก็ได้เท่าแพทย์ทำงานเป็นผีตายซากทั้งเดือนแล้ว)
นั่นคือปริมาณกำไรไร้ต้นทุนที่โสเภณีหนึ่งคนสามารถทำเงินเข้าประเทศได้ ในความเป็นจริงในมีเยอะกว่านั้น นี่เป็นสาเหตุที่ว่า ทั้งๆที่กำจัดแทบตาย แต่ทำไมไม่หมดไปสักที เพราะมันกำจัดไม่ได้ เหมือนเหล้า บุหรี่ รณรงค์กันว่าห้ามนู่นนี่ แต่ก็ทำได้แค่พูด เพราะถ้างดจริง รัฐจะสูญเสียรายได้มหาศาล โสเภณีก็เช่นกัน ถ้าหากทำลายล้างจริงจัง มีหรือจะทำไม่ได้ แต่ถ้าทำจริงๆ รายได้ของประเทศจะแหว่งไปจนเห็นได้ชัดเลยล่ะ
ดังนั้น สังคมไทยตอนนี้มองว่าเรื่องนี้เป็นปัญหา แต่ว่าถ้ากำจัดปัญหานี้ไปแล้วจะเดือดร้อน เพื่อนๆคิดอย่างไรที่จะทำให้สิ่งนี้มันไม่เป็นปัญหาบ้างครับ เพราะตอนนี้ปัญหาที่พบจากการมีโสเภณีคือ STD (Sexual Transmitted Diseases) หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมไปถึงการกดขี่จากเอเย่นต์ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือมีการบังคับให้ทำโดยที่เจ้าตัวไม่เต็มใจ ทำให้ตัวโสเภณีมีความยากลำบากในการใช้ชีวิต ขัดกับวัฒนธรรมของไทย หรืออาจจะมีกรณีอื่นๆที่ผมนึกไม่ถึง
ทีนี้ในกรณีของ STD แน่ชัดแล้วว่า จำเป็นต้องตรวจคัดกรองโรคของโสเภณีและต้องมีการป้องกันทุกครั้ง เพื่อลดโรคติดต่อที่จะเกิดขึ้นไม่ให้เกิดการแพร่กระจายของโรค กรณีของการถูกเอเย่นต์เอาเปรียบก็อยากให้จัดตั้งองค์กรหรือหน่วยงานจะเอกชนหรือรัฐบาลก็ได้ให้มันถูกต้องตามกฎหมายเข้ามากำกับดูแลให้เป็นระเบียบและยุติธรรม หรือก็คือทำใจยอมรับสภาพความเป็นจริงพลิกวิกฤตเป็นโอกาสเลย อาจจะจัดตั้งโรงเรียนสอนโสเภณีเหมือนอย่างที่สเปนก็ได้ เพื่อให้คนที่สนใจรวยทางลัดเข้ามาทำอย่างเป็นกิจลักษณะ ต้องผ่านการอบรมมีใบประกอบวิชาชีพอะไรก่อนถึงจะมีสิทธิทำงานด้านนี้ ถ้าไม่มีใบประกอบก็แปลว่าเถื่อนอาจจะไม่ปลอดภัยแค่นั้นเอง ร้านก็อาจจะมีป้ายรับรองว่าผ่านการขึ้นทะเบียนแล้ว แล้วก็มีการสุ่มตรวจสอบมาตรฐานเป็นระยะ (. . . อย่างกับร้านยาเลยแฮะ) ทีนี้จะได้จัดการกับการค้สประเวณีในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี หรือบังคับคนไม่เต็มใจมาค้าประเวณีได้เสียที มีระบบที่ถูกต้อง ก็จงมาเข้าระบบ ใครไม่เข้าระบบ จะถือว่าส่อแววเจตนาไม่ดีหรือทำผิดข้อบังคับของกฎหมาย ประมาณนั้น ส่วนกรณีขัดกับวัฒนธรรมไทย เอาตรงๆผมกลับคิดว่า วัฒนธรรมนั้นไม่ควรจะเป็นตามที่สำนักราชบัณฑิตยสภาให้นิยามไว้ มันควรเป็นเพียงแค่ ลักษณะ สภาวะปกติหรือพฤติกรรม การปฏิบัติ ที่พบได้ในสังคมหรือชุมชนนั้นๆ เพราะถ้าแปลวัฒนธรรมเป็นภาษาอังกฤษ ก็คือ Culture ซึ่งมันก็คือแค่นั้น มันแปลว่าความประพฤติที่เป็นปกติของพื้นที่หรือสังคมนั้น และตอนนี้โสเภณีก็อยู่กับเรามายาวนานมากจนแทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์ไทยที่ถูกปกปิดไปแล้วด้วยซ้ำ นิยามคำว่า วัฒนธรรม ของไทยนั้น มันเป็นคำที่มีความหมายไม่เป็นกลาง พยายามจะดึงเอาเพียงข้อดีขึ้นยกยอ และกลบปัญหาลงไป ไม่กล้าเผชิญกับปัญหาที่มี มันจึงเป็นปัญหาคาราคาซังแก้ไม่ได้เสียที ผมว่าล้มเลิกระบบการคิดถึงคำว่าวัฒนธรรมแบบเดิมๆ แล้วเดินไปในเส้นทางของคนไทยสมัยใหม่ที่ไม่เหลือเค้าโครงเดิมก็ไม่ได้ผิดอะไร การเจอปัญหา แล้วก็หาทางออกซึ่งจะดีที่สุดหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่มันมีการแก้ไข ก็คือมีการวิวัฒนาการ จะเชิงบวกหรือลบก็ไม่ทราบ แต่เราไม่ย่ำอยู่กับที่ ในเมื่อมันเสียอยู่แล้ว คุณจะไม่ลองเปลี่ยนมันเหรอ เปลี่ยนไปแล้วเสีย มันก็แค่เหมือนเดิม ถ้าเปลี่ยนแล้วโอเค มันก็คือดี มันไม่มีขาดทุน มีแค่เท่าทุนกับกำไร ทำไมเราถึงเลือกที่จะเพิกเฉยต่อปัญหาเหล่านี้ทั้งๆที่น่าจะลองหาทางออกสักทาง ลองผิดลองถูกดูก็ได้ ไม่ดีก็แก้ใหม่ เราไม่ได้มีโอกาสแค่หนเดียว ไม่ใช่ว่าพลาดแล้วประเทศไทยจะต้องล่มสลายนี่
แล้วเพื่อนๆล่ะ มีความเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้
ถ้าข้อมูลตรงไหรผิดพลาดก็ขออภัย และฝากผู้รู้ช่วยแก้ไขด้วย
ถ้าความคิดเห็นใดมันไปขัดใจใครเข้า ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ แค่คิดว่าปัญหานี้มันคาราคาซัง และคับข้องในจิตใจ อยากจะลองเสนอทางออกดูนะครับ ผมไม่คิดว่าโสเภณีจะเป็นอาชีพที่ก่อปัญหาอะไรด้วย เพราะเอาจริงๆถามว่า ถ้าเราทำให้ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมกำกับดูแลได้ มันจะทำให้ใครเดือดร้อนไหมครับ ผมว่าไม่ และมันก็จะเหมือนงานบริการทั่วไป เหมือนตัดผม ล้างเล็บ อะไรพวกนั้นเลย เอาจริงๆแล้วผมรู้สึกว่ามันไม่ต่างกันเท่าไหร่ มีอุปสงค์ก็ต้องมีอุปทาน ตราบใดที่ยังมีคนซื้อมันก็ไม่แปลกที่จะมีคนขาย ในเมื่อเราต้องไปขายลับๆในมุมมืด เกิดปัญหามากมาย ทำไม่เราไม่ทำในที่โจ่งแจ้งจะได้ตรวจสอบง่ายมีปัญหาอะไรจะได้แก้ง่ายๆล่ะครับ