ผมกับภรรยาอายุห่างกัน 5 ปี คบกันก่อนแต่ง 7 ปี ตอนนี้แต่งงานมาแล้ว 12 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน หญิงชาย อายุ 10 และ 8 ปี เมื่อ 7 ปีก่อนผมเสียแม่เพราะเป็นโรคร้าย ตั้งแต่นั้นมาภรรยาผมก็เริ่มเปลี่ยนไป ไม่ยอมให้มีอะไรด้วยง่ายๆ บ่ายเบี่ยงตลอด จนเดี๋ยวนี้ผมเลยต้องแยกห้องกันอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน เราแบ่งค่าใช้จ่ายกันชัดเจน คนละกระเป๋า ค่าใช้จ่ายลูกผมออกเองทุกอย่างตั้งแต่เกิด ส่วนเค้าจะเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน บางอย่างผมก็รับผิดชอบซื้อมาเช่นผงซักฟอก น้ำยารีดผ้า ของกินของใช้บางอย่าง สิ่งที่เปลี่ยนไปคือเค้าเริ่มติดหวย รู้สึกเหมือนว่าผมเป็นคนอื่นสำหรับเขาไปแล้ว เค้าจะเล่นหวยหุ้น หวยออนไล์ หนี้สินเริ่มมากขึ้น โดนฟ้องบัตรเครดิตจนตอนนี้ติดเครดิตบรูโร ต้องเอารถยนต์ไปเข้าไฟแนนซ์ ผมก็ต้องผ่อนให้ ผมทำประกันให้ลูก เค้าก็หลอกให้ผมทำหนังสือมอบฉันทะให้แล้วก็เอาไปยื่นกู้เงินประกันที่ผมทำ โกธรมากแต่ก็ไม่อยากให้ครอบครัวมีปัญหา หลายครั้งที่เค้าเอาเงินในกระปุกออมสินลูกไปใช้ ปกติแล้วก็ไม่ทานข้าวร่วมกับผม อยู่ในบ้านหลังเดียวกันมา 10 กว่าปี แทบไม่เคยทานข้าวร่วมกันเลย เค้าจะทานกับพ่อแม่เค้าที่อาศัยอยู่ด้วยกัน ไม่ค่อยได้พูดคุยกัน เจอหน้าก็เฉยซึ่งอาจเป็นเพราะผมเองที่ไม่อยากคุยด้วย เพราะว่ามีหลายครั้งที่มาทำเป็นพูดดีด้วยเพื่อมาหลอกเอาเงินกับผม แล้วพอถึงเวลาก็ทำเหินห่างเพื่อจะได้ต้องคืนเงิน จริงๆ ผมก็เข้าใจว่าสามีภรรยากันแบ่งเบาภาระกันได้ แต่ที่ไม่อยากให้เพราะรู้ว่าเค้าจะเอาไปเล่นหวย ภาระผมก็หนักเพราะค่าใช้จ่ายเรื่องเรียนของลูกก็สูง ผมยอมสละตำแหน่งหน้าที่การงานไม่ยอมย้ายไปอยู่ไกลๆ ก็เพราะอยากอยู่กับลูก ไม่อยากให้เค้ารู้สึกขาด และอีกอย่างก็คือ ผมคิดว่าภรรยาผมคงดูแลลูกไม่ได้ เวลาเล่นหวยทีเค้าก็จะนั่งอยู่หน้าคอมฯ ไม่สนใจลูก พอเราเดินไปใกล้ๆ ก็รีบปิดอะไรบางอย่างให้เหลือแต่หวย ไม่รู้แอบคุยกับใครอยู่หรือป่าว มีหลายครั้งที่คิดว่าความอดทนเริ่มถึงที่สุด แต่สุดท้ายก็ต้องเฉยเพราะไม่อยากให้ลูกมีปัญหา แต่ลูกเค้าก็ดูออกนะครับ ลยต้องพยายามประคับประคองให้ผ่านไป ถ้าเค้าโตแล้วไปเรียนที่อื่นหรือเข้ามหาลัย ถึงตอนนั้นผมก็คงต้องแยกไปอยู่ที่อื่น น่าจะสบายใจกว่านี้
ทนก็เพื่อลูก