เราเพิ่งเรียนจบไม่นานค่ะ คบกับแฟนมาได้ 2 ปีแล้ว แฟนอายุมากกว่า 2 ปี ค่ะ
ขอท้าวความเดิมก่อนแล้วกันค่ะ
ด้วยความที่บ้านเราฐานะธรรมดามาก เพราะแม่ทำงานเลี้ยงเราคนเดียวมาตั้งแต่เด็ก เลยมักถูกญาติหรือป้าข้างบ้าน ข่ม + ดูถูกตลอดมา ไม่ว่าจะเรื่องทำงานพาร์ทไทม์ เรียนมหาลัยเอกชน ที่เน้นการฝึกงาน คนเหล่านั้นก็ว่าแม่ ว่าจะมีปัญญาส่งหรอ จะเรียนจบหรอ พอเรามีแฟน เค้าก็พูดให้แม่ไม่สบายใจอีกว่า เดี๋ยวก็ท้องก่อนเรียนจบบ้าง ท้องก่อนแต่งบ้าง ซึ่งตัวเราเองทำงานอยู่กรุงเทพ เลยไม่ได้แคร์เท่าไร แต่แม่มักจะมาเล่าให้ฟัง เราเองก็ไม่สบายใจ
เราจึงพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเราจะไม่ทำให้แม่ผิดหวัง ปัจจุบันเราเรียนจบแล้ว ทำงานมาเกือบปี เงินเดือนประมาณ 3 หมื่น ทำให้แม่ได้ยืดอกภูมิใจในตัวเรา ไม่มีใครมาดูถูกเราอีกแล้ว
ด้วยความที่เราเหลือแม่แค่คนเดียว แล้วแม่ก็อายุมากแล้ว เราเห็นว่าแม่ชอบอะไร เราซื้อให้ เราพาไปกินของอร่อยๆ เราเป็นห่วงเค้าเสมอ แล้วเราก็เริ่มมาความคิดที่จะซื้อบ้าน เพื่อให้แม่มาอยู่ด้วย เราก็ปรึกษาแฟน แฟนก็ไม่ได้ขัดอะไร ซึ่งก่อนหน้านี้ แม่ขอให้เราหมั้นแล้วก็แต่ง ซึ่งเราไม่พร้อม ก็มีโต้เถียงกัน เราใช้เหตุผลคุยตลอด จนแม่ยอมให้แค่หมั้นไว้ หลังจากนั้นผ่านไป 2 เดือนแม่ก็มาขอให้แต่ง ทั้งๆที่เคยคุยกันแล้วว่าเราอยากเก็บเงินก่อน เราไม่สามารถทั้งแต่งงาน ทั้งซื้อบ้านได้พร้อมๆกัน ซึ่งตอนนี้เราเพิ่งเริ่มเก็บเงิน เริ่มวางแผนชีวิต เราไม่อยากเป็นเจ้าสาวที่มีแต่ตัว กำลังใจเดียวของเรากลับกดดันให้เราต้องมี ต้องทำ โดยที่เราเหนื่อยและเครียดมากๆ เราไม่สามารถบอกแม่ตรงๆได้ เพราะเค้าคือแม่ของเรา เราเลยคิดว่าถ้าเราโสดไปเลย แม่จะได้เลิกคิดเรื่องพวกนี้ เราจะได้ทำในสิ่งที่เราต้องการ แฟนเราก็จะไม่ต้องมาลำบากกับเรา ซึ่งทุกอย่างเราคุยกับแฟน เราวางแผนด้วยกันตลอด เค้าไม่เคยมีปัญหา ไม่เคยไม่พอใจ มีแต่แนะนำ ช่วยกันคิด แต่มันไม่จบสิ้นสักที เราเหนื่อยที่จะต้องเป็นคนกลาง พูดเหตุผลไป แม่ก็หาว่าเข้าข้างแฟน เราว่าทางออกคือการเลิกกับแฟน เค้าจะได้ไม่ต้องมีเราเป็นภาระ เราจะได้ไม่ต้องทะเลาะกับแม่ เราเลิกกับแฟนได้ แต่เราเลิกกับแม่ไม่ได้
เพราะฉะนั้นเราเลือกแบบนี้ดีที่สุดแล้วใช่ไหมคะ
ไม่อยากเป็นภาระของแฟน ควรเลิกกับแฟนดีไหมคะ
ขอท้าวความเดิมก่อนแล้วกันค่ะ
ด้วยความที่บ้านเราฐานะธรรมดามาก เพราะแม่ทำงานเลี้ยงเราคนเดียวมาตั้งแต่เด็ก เลยมักถูกญาติหรือป้าข้างบ้าน ข่ม + ดูถูกตลอดมา ไม่ว่าจะเรื่องทำงานพาร์ทไทม์ เรียนมหาลัยเอกชน ที่เน้นการฝึกงาน คนเหล่านั้นก็ว่าแม่ ว่าจะมีปัญญาส่งหรอ จะเรียนจบหรอ พอเรามีแฟน เค้าก็พูดให้แม่ไม่สบายใจอีกว่า เดี๋ยวก็ท้องก่อนเรียนจบบ้าง ท้องก่อนแต่งบ้าง ซึ่งตัวเราเองทำงานอยู่กรุงเทพ เลยไม่ได้แคร์เท่าไร แต่แม่มักจะมาเล่าให้ฟัง เราเองก็ไม่สบายใจ
เราจึงพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเราจะไม่ทำให้แม่ผิดหวัง ปัจจุบันเราเรียนจบแล้ว ทำงานมาเกือบปี เงินเดือนประมาณ 3 หมื่น ทำให้แม่ได้ยืดอกภูมิใจในตัวเรา ไม่มีใครมาดูถูกเราอีกแล้ว
ด้วยความที่เราเหลือแม่แค่คนเดียว แล้วแม่ก็อายุมากแล้ว เราเห็นว่าแม่ชอบอะไร เราซื้อให้ เราพาไปกินของอร่อยๆ เราเป็นห่วงเค้าเสมอ แล้วเราก็เริ่มมาความคิดที่จะซื้อบ้าน เพื่อให้แม่มาอยู่ด้วย เราก็ปรึกษาแฟน แฟนก็ไม่ได้ขัดอะไร ซึ่งก่อนหน้านี้ แม่ขอให้เราหมั้นแล้วก็แต่ง ซึ่งเราไม่พร้อม ก็มีโต้เถียงกัน เราใช้เหตุผลคุยตลอด จนแม่ยอมให้แค่หมั้นไว้ หลังจากนั้นผ่านไป 2 เดือนแม่ก็มาขอให้แต่ง ทั้งๆที่เคยคุยกันแล้วว่าเราอยากเก็บเงินก่อน เราไม่สามารถทั้งแต่งงาน ทั้งซื้อบ้านได้พร้อมๆกัน ซึ่งตอนนี้เราเพิ่งเริ่มเก็บเงิน เริ่มวางแผนชีวิต เราไม่อยากเป็นเจ้าสาวที่มีแต่ตัว กำลังใจเดียวของเรากลับกดดันให้เราต้องมี ต้องทำ โดยที่เราเหนื่อยและเครียดมากๆ เราไม่สามารถบอกแม่ตรงๆได้ เพราะเค้าคือแม่ของเรา เราเลยคิดว่าถ้าเราโสดไปเลย แม่จะได้เลิกคิดเรื่องพวกนี้ เราจะได้ทำในสิ่งที่เราต้องการ แฟนเราก็จะไม่ต้องมาลำบากกับเรา ซึ่งทุกอย่างเราคุยกับแฟน เราวางแผนด้วยกันตลอด เค้าไม่เคยมีปัญหา ไม่เคยไม่พอใจ มีแต่แนะนำ ช่วยกันคิด แต่มันไม่จบสิ้นสักที เราเหนื่อยที่จะต้องเป็นคนกลาง พูดเหตุผลไป แม่ก็หาว่าเข้าข้างแฟน เราว่าทางออกคือการเลิกกับแฟน เค้าจะได้ไม่ต้องมีเราเป็นภาระ เราจะได้ไม่ต้องทะเลาะกับแม่ เราเลิกกับแฟนได้ แต่เราเลิกกับแม่ไม่ได้
เพราะฉะนั้นเราเลือกแบบนี้ดีที่สุดแล้วใช่ไหมคะ