ความรู้สึกของตัวเอง down โคตร (เรื่องเรียน)

ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคนที่อ่านจนจบนะคะ


ตะก่อนเราเป็นเด็กขี้เกียจค่ะ แบบขี้เกียจมากๆการบ้านไม่ทำ ไม่เข้าร่วมกิจกรรม ตอนสอบก็ไม่อ่านหนังสือค่ะ
แต่ตอนม.ต้น อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองค่ะ ซึ่งพยายามอย่างหนักมากเพราะตัวเองไม่มีความรับผิดชอบเลย
เราพยายามอย่างหนักขึ้นมาเรื่อยๆเพราะคนที่บ้านจะคอยบอกเราว่าทำคะแนนให้ดีๆนะ มีคสามรับผิดชอบหน่อย
แล้วมีวันนึงที่เราตัดสินใจว่าเราจะเอาโควต้าเข้าม.ปลายค่ะ เราจึงบอกที่บ้าน
แต่ที่บ้านเขาบอกว่า คนแบบเราไม่มีทางทำได้หรอก เจ็บนะคะตอนเราฟังคำนี้
เราเลยทำทุกอย่างเพื่อลบคำสบประมาทค่ะ แต่สุดท้ายผลลัพธ์มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดไว้
เสียใจมากค่ะที่เราพยายามเต็มที่ ทำคะแนนสูงมาตลอดแต่ผิดพลาดเพราะว่าเราในตอนแรกไม่ทุ่มเทพอ
เราร้องไห้ไป 4 วันเต็มๆค่ะคนที่บ้านก็บอกจะร้องไห้ทำไม ไม่ได้ก็เอาใหม่ เราก็โอเครไม่เป็นไรค่ะ พอขึ้นม.ปลายมาเราลองนั่งทบทวนตัวเองดูว่าเราจะไม่กลับไปเป็นแบบเหมือนก่อนเด็ดขาดเด็กที่ขี้เกียจ ไร้ความรับผิดชอบ ตั้งแต่นั้นมาเราก็พยายามรักษามาตราฐานของตัวเองไว้ค่ะ



ขึ้นม.ปลายมาเลยเป็นคนที่มีความผิดชอบสูงมาก เราไม่ใช่เด็กฉลาดค่ะ เราจึงต้องขยันกว่าคนอื่น
เราเป็นสภานักเรียน เป็นคนคุมและนำกิจกรรมต่างๆภายในห้อง เพื่อนๆเรียกเราว่าเซเว่นเคลื่อนที่ค่ะเพราะมีทุกอย่าง พวกอุปกรณืการเรียนเรามีครบทุกอย่าง รวมทั้งเราเป็นคนที่คอยทำการบ้านแล้วส่งให้เพื่อนดูเป็นตัวอย่างด้วยค่ะ ถ้าวันไหนที่เราไม่เตือนเพื่อนให้ทำ ก็จะลืมกันค่ะสุดท้ายก็ต้องมาโดนด่ากันทั้งห้อง เราเป็นคนที่ถ้าทำงานไม่ได้ดีดั่งใจก็จะฉีกแล้วทำใหม่ เพื่อนบอกว่าเราเรียนหนักมากเพราะเราเรียนวันปกติจัน-ศุกเลิกเรียนเราก็ไปเรียนต่อเพื่อติวเข้ามหาลัยแบบนี้ทุกวัน เสาอาทิตย์เราก็ไปเรียนตั้งแต่ 10-1 ทุ่มแบบนี้ตลอด กลับบ้านก็ต้องทำงาน บางทีก็ทำต้องทำจนโต้รุ่งก็มี พยายามหาเวลาพักผ่อนให้ตัวเองแล้ว แต่มันไม่ได้เลยค่ะ รู้สึกว่าถ้าเราไม่พักแล้วมันจะเครียด คิดมาก นอนไม่หลับ แล้วถ้าทำคะแนนไม่ดีก็จะรู้สึกแย่ค่ะแต่ก็พยายามปล่อยวางแต่ถ้าที่บ้านรู้เขาก็จะบอกกับเราว่าแบบ เอ้อเนี่ยเป็นเพราะความขี้เกียจของเราที่ไม่ตั้งใจอ่านหนังสือ ไม่มีหรอกค่ะกำลังใจจากเขา บ้านเราไม่ค่อยให้กำลังใจกันค่ะ ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตัวเอง จะุยกันก็แค่ตอนกินข้าวค่ะ บางทีกินข้าวก็ยังคุยเรื่องมหาัลยเรื่องงานก็มีค่ะ
เราเล็งมหาลัยที่กทม.ไว้ 3 ที่ ที่บ้านก็ถามเราว่าแบบได้ดูได้ศึกษาอะไรรึยัง เราก็บอกเขาไปว่าดูอะไรหมดแล้ว เดี๋ยวจะเริ่มอ่าหนังสือแล้ว เขาก็บอกประมาณว่าดีมาก บางครั้งเขาก็ขอเราดูงานผลงานจากที่เราไปติวนะคะ เขาก็ชื่นชมค่ะ มันก็น่าดีใจนะคะแต่พอชมเสร็จเขาก็จะบอกประมาณว่า เนี่ยเราเก่งมากเลย คนอย่างเราติดอยู่แล้ว ไม่มีทางที่เราจะไม่ติดหรอก ถ้าตั้งใจแล้วรักษาคะแนนไว้ได้แบบนี้ไปเรื่อยๆ มันก็ไม่ยากสำหรับเราหรอก


มันเหมือนจะเป็นคำชมและการให้กำลังใจนะคะ แต่ทำไมเรากลับไม่รู้สึกแบบนั้นเลย เหมือนเขาคาดหวังกับเรามากเกินไป แต่เราก็ไม่อยากให้เขาผิดหวัง เราก็เลยตั้งใจๆและก็เริ่มมีกิจกรรมของโรงเรียนมาให้ทำ ก็ต้องมาจัดตารางเวลาอะไรใหม่หมด ต้องขาดเรียนของที่เรียนพิเศษทำให้เราเครียดมากค่ะเพราะเรากลัวทำพอร์ทไม่ทัน แล้วก็จะเริ่มโดนด่าค่ะที่บ้านก็จะเริ่มด่าว่าทำไมไม่ไปเรียนอย่างนั้นอย่างนี้ เราเลือกที่จะเงียบค่ะขอไม่เถียง เราเก็บไว้ๆๆ พยายามปรับตัวเองให้ทุกอย่างดีขึ้น รู้สึกเครียดมากขึ้นทุกวันแต่ไม่รู้ว่ามันจะสะสมได้มากขนาดนี้ ยิ่งช่วงใกล้สอบเราจะไปอ่าหนังสือนอกบ้านค่ะ คนที่บ้านก็จะบ่นว่าทำไมไม่อ่านที่นี่ ไปอ่านทำไมด้านนอก เราก็บอกว่าอยากเปลี่ยนบรรยากาศ แล้วเขาก็เริ่มโทรตามทุกๆ ชั่วโมงค่ะ แทบจะไม่มีสมาธิอ่าหนังสือเลย มันไม่ต่างอะไรจาการอ่านที่บ้านเลย เราจึงทะเลาะกันใหญ่โตเลยค่ะ เราทนไม่ไหวเราระเบิดหมดทุกอย่าง เราไม่คุยกับเขา เขาก็ไม่คุยกับเรา ต่างคนต่างทำงาน เราเครียดเราก็นอนร้องไห้คนเดียวเงียบๆเพราะถ้าร้องไห้หรืออ่อนแอให้เขาเห็นก็โดนด่าค่ะ บ้านเราสอนให้เราเป็นคนเข้มแข็งเจออะไรก็ต้องอดทน สนใจแค่ตัวเองเท่านั้น ไม่ต้องแคร์ใครนอนสอนแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ แล้วพอเราสนใจแต่ตัวเองก็เกิดการทะเลาะกันขึ้นคนที่บ้านก็ด่าเรานะคะว่าทำไมเราใจดำอย่างนี้ บางทีก็ด่าเราว่าแบบเออด่าไปก็ไม่รู้สึกหรอก มุงมันหน้าด้าน(ที่บ้านทะเลาะกันจะทะเลาะกันรุนแรงค่ะ ทั้งด่ากันทั้งขึ้นกูค่ะ) ยิ่งพ่อเรายิ่งด่าแรงค่ะ ตะก่อนร้องไห้นะคะพอได้ยิน แต่ยิ่งร้องยิ่งโดนด่ายิ่งโดนตีค่ะ แต่ตอนนี้ไม่รู้สึกอะไรเลยค่ะ มันสะสมมาเรื่อยๆค่ะจนตอนนี้นอนไม่หลับ มีกัดเล็บบ้าง เหม่อลอย ฝันร้าย หัวใจเต้นแรงเร็วและเจ็บค่ะ หายใจไม่ค่อยออก หน้ามืด



เคยมีคนบอกเรานะคะทำไมไม่คุยหรือปรึกษาเพื่อน เรารู้สึกว่ามันไม่ช่วยอะไรเราเลยค่ะ ตัวเพื่อนเราแต่ละคนยังเอาตัวเองกันไม่รอดเลย เขาเป็นอะไรเขาก็มาปรึกษาเรากันตลอด เราให้คำปรึกษาเขาตลอดนะคะ จนเพื่อนบางคนบอกแบบเอ้อมาปรึกษาเราสิ เราให้คำปรึกษาได้ดีไรงี้ แต่พอเวลาเราไปขอคำปรีกษาเขาไม่ค่อยได้อะไรค่ะ กลับรู้สึกว่ามันแย่ลงด้วยว้ำ เลยคิดว่าเก็บไว้กับตัวเองเงี้ยแหละดีสุดแล้ว กับพ่อแม่ก็ไม่พูดค่ะเก็บไว้ เพราะเรารู้สึกว่าบ้านไม่ใช่ที่ปลอดภัยสำหรับเรา


จนตอนนี้ก็ยังรู้สึกแบบนี้ค่ะ รู้สึก down แต่เราไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้านะคะ5555
(เคยทำแบบทดสอบสุขภาพจิตของโรงพยาบาลค่ะ เราเป็นโรคเครียดขั้นรุนแรงแต่ยังไม่มีใครรู้นะคะ)
1.อยากทำให้ตัวเองเนี่ยหายจากความรู้สึกแบบนี้ เราจะทำยังไงดีคะ
2.คิดว่าถ้าบอกกับที่บ้านมันจะดีขึ้นไมคะ
3.ควรไปปรึกษาจิตแพทย์เรื่องความเครียดดีไมคะ
4.เราเครียด คิดมากหรือกดดันตัวเองมากเกินไปรึเปล่า
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่