กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวแรกของผม
ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยทุกท่านด้วยนะครับ
เนื่องจากตัวเองเป็นคนที่ชอบท่องเที่ยว ขีดเขียน และถ่ายรูป
จึงเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ให้กับหลายๆคนที่มีความสนใจคล้ายๆกัน
บวกกับปีนี้อายุครบ 30 ปีบริบูรณ์ จึงอยากจะ Celebrate ให้กับตัวเองด้วยครับ
วันเกิดในแต่ละปี มักเป็นวันที่ไม่ค่อยว่างเสมอ
ต้องมีเรื่องยุ่งๆเข้ามาให้จัดการตลอด . . ปีนี้ก็เช่นกัน
เลยขออนุญาตออกไปทำในสิ่งที่ตัวเองชอบก่อน
ล่วงหน้าซัก 1 วัน
ปีนี้เลือก เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติยอดดอยปุย
จุดหมายคือ จุดชมวิวอันค่อนข้างเร้นลับ ที่ชื่อว่า ดอยหัวหมู
ที่เรียกว่าเร้นลับเพราะว่า เป็นสถานที่ใกล้ๆ ที่สวยงาม
แต่ไม่ค่อยมีคนนิยมไปกันซักเท่าไหร่
เก็บภาพมาให้ชมกันนิดหน่อย ก็ลองมาชมกันครับ
————————
10/08/2018
ภาพถ่ายจาก Canon EOS kiss x 5 + 50 mm f 1.8
แต่งภาพเล็กน้อยด้วย Vsco และ Lightroom ครับ
ผมเริ่มออกเดินทางจากเชียงใหม่ในวันนี้ด้วยเวลาประมาณ 07.00 น.
สายนิดหน่อย เนื่องจากเป็นช่วงหน้าฝน อากาศไม่ร้อนมาก
แสงแดดแค่รำไร และฝนพึ่งตกไปเมื่อคืนวาน
ขับรถเก๋งคันเก่าของคุณตา ไปรับน้องสาวที่ มช
แล้วออกเดินทางมุ่งหน้าขึ้นดอยสุเทพ ขับผ่าน วัดพระธาตุดอยสุเทพ
และ พระตำหนักภูพิงค์ มาเรื่อยๆ ก็มาถึงจุดแรกคือจุดนี้ครับ
จุดชมวิวบ้านม้งดอยปุย
เจอพี่นักปั่นที่เค้าปั่นขึ้นลงทุกวัน บอกมาว่า
“ วันนี้ดีที่มาเจอวิวแบบนี้นะ ปกตินี่มองไม่เห็นไรอ่ะ เมฆบังหมด ฝนตกแทบทุกวัน ”
ก็ถือว่าเป็นโชคดีของเราครับ
วิวบ้านม้ง
ภาพเบลอเล็กน้อย ต้องขออภัย
ทางเข้าเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติฯ
ขับรถขึ้นมาจากทาง จุดชมวิวบ้านม้ง อีกประมาณ 10-15 นาที
*จุดนี้ควรใช้ความระมัดระวัง เพราะเป็นถนนค่อนข้างขรุขระ เป็นหลุมบ่อ
ทางแคบและชัน มีรถสวนตลอดเวลา
เจอกับป้อมร้างของกรมป่าไม้
ก็ง่ายๆครับ จอดรถไว้ข้างทาง เก็บของมีค่าใส่กระเป๋า
*อย่าลืมตรวจล็อกรถให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง แล้วก็เริ่มเดินตรงจุดนี้
แผนที่เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติฯ
ไป-กลับใช้ทางเดียวกัน ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร
และเป็นถนนคอนกรีต ค่อนข้างสะดวก
ระหว่างเดินก็ถ่ายรูปไปด้วย ตามประสาคนไม่เร่งรีบ ลองเลนส์ไปเรื่อยเปื่อย
50 mm นี่พึ่งลองถ่ายจริงๆเป็นครั้งแรก เพราะปกติใช้แต่เลนส์คิทครับ
เข้าสู่ช่วงที่เป็นเป็นป่าสน มีลูกสนหล่นอยู่เกลื่อน กลิ่นหอมมากกก
กลิ่นเหมือนไม้เกี๊ยะที่ชาวบ้านเอาไว้ก่อไฟให้ความรู้สึกอบอุ่นดีครับ
มีดอกไม้ที่ไม่คุ้นตาอยู่มากมาย
หน้าตาแปลกๆ แต่ก็สวยงามในแบบของเค้า
พยายามหาชื่อตามป้ายแล้ว แต่บางต้นก็ไม่มีจริงๆ
#ขอโทดที่หนูไม่ใช่นักพฤกษศาสตร์ นะครับ 555
ถ่ายธรรมชาติ แล้วก็ลองถ่ายคนไปด้วย
ใช้น้องนี่แหละเป็นแบบ และนี่คือ น้องอัน ในอิริยาบทที่เป็นธรรมชาติครับ
หลักกิโลเมตร
ถ้ามาถึงจุดนี้ ก็หมายความว่า เดินผ่านมาได้ 1 กม แล้วครับ
ความสมบูรณ์ของป่าไม้
น้องอัน เป็นคนขี้อาย
พอถึงจุดนี้ด้านหน้า เราจะพบกับทางแยกไปยัง ยอดดอยปุย
ให้เราตรงไปก่อนนะครับ เราจะพบกับ พลับพลาที่ประทับ
ก็จะสิ้นสุดถนนคอนกรีตตรงนี้ เป็นระยะทางโดยรวม 2 กม
จากจุดนี้ เดินตามทางต่อไปอีกไม่ไกลครับ
ใช้เวลาเดินจริงๆคงประมาณ 30-40 นาที
แต่นี่มัวแต่ถ่ายรูปเล่น ก็กว่าจะมาถึงก็เกือบชั่วโมงครับ 555
เพียงแค่อึดใจเดียวเราก็โผล่มาถึงแล้วครับ . . ดอยหัวหมู ที่เราตามหา
น้องอัน ผู้ขาดความมั่นใจ (เหรอ?)
ด้านหลังที่เป็นเนินขึ้นไป แล้วมีต้นสนขึ้นรอบๆ คือจุดที่เรียกกันว่า ดอยหัวหมู
จุดเชื่อมต่อและเส้นแบ่งเขตระหว่างอำเภอเมืองและอำเภอแม่ริมครับ
ก็หยุดถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันตรงนี้ซักหน่อย
ถ่ายรูปเล่นไปซักพักก็มีหมอกลอยเข้ามาทักทายเราจากอีกฟากหนึ่ง
หมอกหนาแน่นจนกลายเป็นหยดน้ำตกลงมาทั่วบริเวณ
หมอกลอยเข้ามาใน ดอยหัวหมู ที่บริเวณโดยรอบเป็นป่าสน
เลยได้ภาพอะไรแบบนี้มา ส่วนตัวชอบมากเลยครับ
ซักพักพอหมอกลอยออกไป . .
ราวกับทุกอย่างเป็นใจ . .
เราเริ่มมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบที่มีหมู่บ้านซุกซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา
วิวสวยสุดๆ จนต้องตะโกนโหวกเหวกออกไปเลยล่ะครับ 555
ภาพสุดท้ายแล้ว
เป็นดอกทรงระฆังคว่ำ ที่คิดว่าสวยที่สุดในบริเวณนี้เลย (ไม่ทราบชื่ออีกเช่นกัน)
แต่แค่ได้มาเห็นอะไรแบบนี้ก็คุ้มค่าที่ได้เดินมาแล้วครับ
ถ้าสนใจก็ลองออกไปตามรอยกันได้นะครับ โดยเฉพาะช่วงฝนตกแบบนี้
บรรยากาศกำลังดีมากๆเลย เตรียมเสื้อกันฝน พกน้ำดื่มติดตัวไปด้วย
*อย่าลืมช่วยกันดูแลรักษาความสะอาด และอย่าทำลายสิ่งแวดล้อมนะครับ
ขอบคุณทุกคน ทุกแรงบันดาลใจที่ทำให้เรารักการเดินทาง
ขอบคุณธรรมชาติที่สร้างสรรค์สิ่งสวยงามให้เราได้ชื่นชม
และขอบคุณตัวเราเองที่พาตัวเองมายืนในจุดที่ยืนอยู่ในทุกวันนี้
สุดท้าย ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ครับ
พบกันใหม่ในทริปต่อไป
สวัสดี.
[CR] ตามรอย “ ดอยหัวหมู ” อู้หู ตัวมันใหญ่
กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวแรกของผม
ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยทุกท่านด้วยนะครับ
เนื่องจากตัวเองเป็นคนที่ชอบท่องเที่ยว ขีดเขียน และถ่ายรูป
จึงเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ให้กับหลายๆคนที่มีความสนใจคล้ายๆกัน
บวกกับปีนี้อายุครบ 30 ปีบริบูรณ์ จึงอยากจะ Celebrate ให้กับตัวเองด้วยครับ
วันเกิดในแต่ละปี มักเป็นวันที่ไม่ค่อยว่างเสมอ
ต้องมีเรื่องยุ่งๆเข้ามาให้จัดการตลอด . . ปีนี้ก็เช่นกัน
เลยขออนุญาตออกไปทำในสิ่งที่ตัวเองชอบก่อน
ล่วงหน้าซัก 1 วัน
ปีนี้เลือก เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติยอดดอยปุย
จุดหมายคือ จุดชมวิวอันค่อนข้างเร้นลับ ที่ชื่อว่า ดอยหัวหมู
ที่เรียกว่าเร้นลับเพราะว่า เป็นสถานที่ใกล้ๆ ที่สวยงาม
แต่ไม่ค่อยมีคนนิยมไปกันซักเท่าไหร่
เก็บภาพมาให้ชมกันนิดหน่อย ก็ลองมาชมกันครับ
————————
10/08/2018
ภาพถ่ายจาก Canon EOS kiss x 5 + 50 mm f 1.8
แต่งภาพเล็กน้อยด้วย Vsco และ Lightroom ครับ
ผมเริ่มออกเดินทางจากเชียงใหม่ในวันนี้ด้วยเวลาประมาณ 07.00 น.
สายนิดหน่อย เนื่องจากเป็นช่วงหน้าฝน อากาศไม่ร้อนมาก
แสงแดดแค่รำไร และฝนพึ่งตกไปเมื่อคืนวาน
ขับรถเก๋งคันเก่าของคุณตา ไปรับน้องสาวที่ มช
แล้วออกเดินทางมุ่งหน้าขึ้นดอยสุเทพ ขับผ่าน วัดพระธาตุดอยสุเทพ
และ พระตำหนักภูพิงค์ มาเรื่อยๆ ก็มาถึงจุดแรกคือจุดนี้ครับ
จุดชมวิวบ้านม้งดอยปุย
เจอพี่นักปั่นที่เค้าปั่นขึ้นลงทุกวัน บอกมาว่า
“ วันนี้ดีที่มาเจอวิวแบบนี้นะ ปกตินี่มองไม่เห็นไรอ่ะ เมฆบังหมด ฝนตกแทบทุกวัน ”
ก็ถือว่าเป็นโชคดีของเราครับ
วิวบ้านม้ง
ภาพเบลอเล็กน้อย ต้องขออภัย
ทางเข้าเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติฯ
ขับรถขึ้นมาจากทาง จุดชมวิวบ้านม้ง อีกประมาณ 10-15 นาที
*จุดนี้ควรใช้ความระมัดระวัง เพราะเป็นถนนค่อนข้างขรุขระ เป็นหลุมบ่อ
ทางแคบและชัน มีรถสวนตลอดเวลา
เจอกับป้อมร้างของกรมป่าไม้
ก็ง่ายๆครับ จอดรถไว้ข้างทาง เก็บของมีค่าใส่กระเป๋า
*อย่าลืมตรวจล็อกรถให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง แล้วก็เริ่มเดินตรงจุดนี้
แผนที่เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติฯ
ไป-กลับใช้ทางเดียวกัน ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร
และเป็นถนนคอนกรีต ค่อนข้างสะดวก
ระหว่างเดินก็ถ่ายรูปไปด้วย ตามประสาคนไม่เร่งรีบ ลองเลนส์ไปเรื่อยเปื่อย
50 mm นี่พึ่งลองถ่ายจริงๆเป็นครั้งแรก เพราะปกติใช้แต่เลนส์คิทครับ
เข้าสู่ช่วงที่เป็นเป็นป่าสน มีลูกสนหล่นอยู่เกลื่อน กลิ่นหอมมากกก
กลิ่นเหมือนไม้เกี๊ยะที่ชาวบ้านเอาไว้ก่อไฟให้ความรู้สึกอบอุ่นดีครับ
มีดอกไม้ที่ไม่คุ้นตาอยู่มากมาย
หน้าตาแปลกๆ แต่ก็สวยงามในแบบของเค้า
พยายามหาชื่อตามป้ายแล้ว แต่บางต้นก็ไม่มีจริงๆ
#ขอโทดที่หนูไม่ใช่นักพฤกษศาสตร์ นะครับ 555
ถ่ายธรรมชาติ แล้วก็ลองถ่ายคนไปด้วย
ใช้น้องนี่แหละเป็นแบบ และนี่คือ น้องอัน ในอิริยาบทที่เป็นธรรมชาติครับ
หลักกิโลเมตร
ถ้ามาถึงจุดนี้ ก็หมายความว่า เดินผ่านมาได้ 1 กม แล้วครับ
ความสมบูรณ์ของป่าไม้
น้องอัน เป็นคนขี้อาย
พอถึงจุดนี้ด้านหน้า เราจะพบกับทางแยกไปยัง ยอดดอยปุย
ให้เราตรงไปก่อนนะครับ เราจะพบกับ พลับพลาที่ประทับ
ก็จะสิ้นสุดถนนคอนกรีตตรงนี้ เป็นระยะทางโดยรวม 2 กม
จากจุดนี้ เดินตามทางต่อไปอีกไม่ไกลครับ
ใช้เวลาเดินจริงๆคงประมาณ 30-40 นาที
แต่นี่มัวแต่ถ่ายรูปเล่น ก็กว่าจะมาถึงก็เกือบชั่วโมงครับ 555
เพียงแค่อึดใจเดียวเราก็โผล่มาถึงแล้วครับ . . ดอยหัวหมู ที่เราตามหา
น้องอัน ผู้ขาดความมั่นใจ (เหรอ?)
ด้านหลังที่เป็นเนินขึ้นไป แล้วมีต้นสนขึ้นรอบๆ คือจุดที่เรียกกันว่า ดอยหัวหมู
จุดเชื่อมต่อและเส้นแบ่งเขตระหว่างอำเภอเมืองและอำเภอแม่ริมครับ
ก็หยุดถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันตรงนี้ซักหน่อย
ถ่ายรูปเล่นไปซักพักก็มีหมอกลอยเข้ามาทักทายเราจากอีกฟากหนึ่ง
หมอกหนาแน่นจนกลายเป็นหยดน้ำตกลงมาทั่วบริเวณ
หมอกลอยเข้ามาใน ดอยหัวหมู ที่บริเวณโดยรอบเป็นป่าสน
เลยได้ภาพอะไรแบบนี้มา ส่วนตัวชอบมากเลยครับ
ซักพักพอหมอกลอยออกไป . .
ราวกับทุกอย่างเป็นใจ . .
เราเริ่มมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบที่มีหมู่บ้านซุกซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา
วิวสวยสุดๆ จนต้องตะโกนโหวกเหวกออกไปเลยล่ะครับ 555
ภาพสุดท้ายแล้ว
เป็นดอกทรงระฆังคว่ำ ที่คิดว่าสวยที่สุดในบริเวณนี้เลย (ไม่ทราบชื่ออีกเช่นกัน)
แต่แค่ได้มาเห็นอะไรแบบนี้ก็คุ้มค่าที่ได้เดินมาแล้วครับ
ถ้าสนใจก็ลองออกไปตามรอยกันได้นะครับ โดยเฉพาะช่วงฝนตกแบบนี้
บรรยากาศกำลังดีมากๆเลย เตรียมเสื้อกันฝน พกน้ำดื่มติดตัวไปด้วย
*อย่าลืมช่วยกันดูแลรักษาความสะอาด และอย่าทำลายสิ่งแวดล้อมนะครับ
ขอบคุณทุกคน ทุกแรงบันดาลใจที่ทำให้เรารักการเดินทาง
ขอบคุณธรรมชาติที่สร้างสรรค์สิ่งสวยงามให้เราได้ชื่นชม
และขอบคุณตัวเราเองที่พาตัวเองมายืนในจุดที่ยืนอยู่ในทุกวันนี้
สุดท้าย ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ครับ
พบกันใหม่ในทริปต่อไป
สวัสดี.
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น