(แชร์ประสบการณ์) ตะลุยมองโกเลีย 7 วัน ไปกับทุนเยาวชนแลกเปลี่ยนเมืองพี่เมืองน้อง กทม.

* กระทู้นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มี Link นี้เท่านั้นค่ะ
เมื่อวันที่ 22 - 30 ก.ค. 2561 เราได้มีโอกาสเดินทางไปที่ประเทศมองโกเลีย ดินแดนแห่งเจงกิสข่าน เราเริ่มต้นจากการไปสมัครสอบทุนเยาวชนแลกเปลี่ยนเมืองพี่เมืองน้อง กทม.- อูลานบาตอร์ ของ สำนักงานการต่างประเทศกรุงเทพมหานคร ซึ่งทุนแบบนี้มีให้ทุกปีสำหรับเยาวชนที่เรียนอยู่ในกทม. ใครที่สนใจก็ไปติดตามคอยดูเอานะคะว่าจะมีทุนอะไรมาอีกบ้าง สำหรับใครที่คาดหวังลุยหฤโหด แบบลำบากยากแค้นก็ขอบอกว่าไม่มีโอกาสได้ลำบากอะไรขนาดนั้นนะคะ เพราะว่าไปกับทุน ทางเมืองที่นู่นเขาก็มอบแต่สิ่งที่ดี ที่แบบหรูหราให้ ก็ถือว่าเป็นอีกมุมละกันเนอะ

เข้าเรื่องเลยย... *กระทู้ยาวนะค้า*

เราผ่านการสอบ ติดเป็น 1 ใน 10 คนที่ได้ไปทุนนี้ เพื่อนๆทุกคนก็มาจากต่างโรงเรียนกันหมดเลย ช่วงเดือนพฤษภาคม ก็ไปรับการอบรมเรื่องการเดินทางไปมองโกเลีย เตรียมการแสดง แล้วก็เดินทางวันที่ 22 กรกฎาคม เป็นการไปต่างประเทศครั้งแรก และ นั่งเครื่องบินครั้งแรก ฮ่าๆ ทุกอย่างเลยดูน่าตื่นเต้นสุดๆ

เราเดินทางไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิตอนตี 2 ไฟล์ทของเราเดินทางจากกรุงเทพ ไปจอดส่งผู้โดยสารที่ไต้หวันก่อน รอประมาณชั่วโมงนึงก็ขึ้นเครื่องบินต่อมาไปยังเกาหลีใต้เพื่อเปลี่ยนไฟล์ทไปยังมองโกเลีย เดินทางจากไทยไปเกาหลีใต้ก็ประมาณ 5 ชั่วโมง จากเกาหลีใต้ไปมองโกเลียก็อีก 2 ชม.
เราคือผู้หญิงเสื้อเทาตัวเตี้ยๆน่ะค่ะ
ภาพถ่ายลงมาจากเครื่องบินมองเห็นเมืองอูลานบาตอร์

แล้วเราก็มาถึง... สนามบินเจงกิสข่าน ประเทศมองโกเลีย ถึงตอนประมาณตี 1 ที่นู่นกำลังเป็นฤดูร้อน อุณหภูมิก็จะประมาณ 10 กว่าองศาในตอนกลางคืน กลางวันก็ 20 นิดๆ กำลังสบายเลย ใครที่อยากเที่ยวแนะนำช่วงกรกฎา สิงหาเลย แต่ถ้าพ้นช่วงๆนี้ไปจะหนาวแบบวัวตายควายล้ม พอมาถึงก็มีเจ้าหน้าที่ของทางมองโกเลียมารับ ชื่อว่าแครูน (จริงๆ คือออกเสียงยากมาก) แครูนน่ารักมากกก ละก็มีรถบัสมารับเราไปยังโรงแรม
นี่แครูน

โรงแรมที่เราพักชื่อ Chinggis Khan Hotel ก็ดีเหมือนกันนะ แทบจะทุกที่ในมองโกเลียจะเป็นกลิ่นแพะแกะสำหรับเรา

วันที่ 23 กรกฎาคม 2561
วันนี้ทางเมืองอูลานบาตอร์ ก็พาเราไปยัง Bogd Khaan Palace Museam เป็นพิพิทธภัณฑ์ราชวังมองโกเลีย ข้างในห้ามถ่ายรูป ผู้บรรยายก็จะพาเราไปดูงานวาดบ้าง งานปั้นบ้าง เป็นเกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนาของมองโกเลีย หลังจากนั้นก็พาเราไปเดินเล่นช็อปปิ้งที่ห้าง ละก็ไปกินเหมือนเป็นชาบูเนื้อแกะ แพะ ร้านหรูมาก แต่อาหารแอบแปลกจากรสนิยมบ้านเรา คือกลิ่นแกะแรงมาก เหมือนเรานั่งดมแกะตัวเป็นๆเลยอ่ะ แต่ยังดีที่เราพอรับได้ ก็อร่อยบ้าง ไม่อร่อยบ้าง แต่ถือว่าเป็นบุญปากละนะ หลังจากนั้นก็กลับโรงแรม ฟ้ายังไม่มืด เราก็เลยพากันเดินเล่นรอบๆโรงแรม ดูเมือง ที่นี่พระอาทิตย์ตกตอน 2 ทุ่มครึ่ง เลยมีเวลาเดินเยอะมาก ที่นี่คนเมาเยอะมาก เราเดินผ่านใครก็แทบจะมีกลิ่นเหล้าทุกคน
ราชวัง
ตอนออกไปเดินเล่น

วันที่ 24 กรกฎาคม 2561
วันนี้เราก็เข้าเยี่ยมคารวะ ที่ ศาลาว่าการเมืองอูลานบาตอร์ พบกับผู้ว่า แล้วก็พาไปที่จัตุรัสซุกบาตาร์ ไปเดินเล่นถ่ายรูปได้สักพัก ก็เรียกขึ้นรถไปรับประทานอาหารกลางวันส่วนใหญ่ก็เนื้อแกะเหมือนเดิม ปนๆกับอาหารยุโรปทั่วไป จากนั้นก็เดินทางไปยังศูนย์ศิลปะเพื่อเด็ก ไปชม แล้วก็มีเวิร์คชอป ให้ลองเขียนอักษรมองโกเลียด้วยพู่กันแบบจีนเป็นชื่อเราเอง เป็นที่ระลึกให้เราเอากลับบ้านได้ ขลังมาก เราชอบมาก ไม่ทันไรก็เดินทางต่อไปยัง Zaisan Hill เป็นภูเขา ที่บนยอดมีอนุสาวรีย์ที่โซเวียตสร้างให้กับมองโกเลีย วิวข้างบนสวยมาก ตั้งแต่มาเรารู้สึกว่าท้องฟ้าที่มองโกเลียกว้างใหญ่มาก มองทางไหนก็เป็นภูเขาเขียวตัดกับท้องฟ้า เหมือนภาพวาดเลย ไปรับประทานมื้อค่ำต่อสำหรับเรา ของหวานที่นี่อร่อยมากกกก ไม่ว่าจะเค้กหรืออะไรมันแบบ หอมมาก เนยสดมาก

วันที่ 25 กรกฎาคม 2561
วันนี้เราต้องออกไปนอนเกอร์ ที่อุทยาน Terelj ระหว่างทางก็ไปแวะที่รูปปั้นเจงกิสข่านกลางทุ่งหญ้า เดินทางต่อไปยังแคมป์ ถึงแล้วก็จัดการวางของในเกอร์ ซึ่งนอนได้ 4 คน ข้างในมีเตาฟืนไว้ให้ความร้อน จากนั้นก็ทานอาหาร แล้วก็ฟรีไทม์ มีกิจกรรมหลายอย่างให้เล่น วอลเล่ย์บอล ฟุตบอล ปิงปอง แต่เราขี้เกียจขยับตัว เลยเดินๆ ขึ้นเขาไปอีกหน่อย แล้วก็ทิ้งตัว มองวิว สูดอากาศ ฟินมากกก แล้วแครูนก็เรียกให้พวกเราไปทำกิจกรรมรีดนมจามรี ลองชิม อาโร ก็คือนมจามรีมาทำเป็นก้อนๆ เป็นอาหารท้องถิ่น ส่วนตัวไม่ค่อยชอบเลย (แต่ก็พยายามกินจนหมดนะ) มันแบบ เหมือนยาคูลท์บูดเลยอ่ะ ละก็ต้องไปลองขี่ม้า ที่ชอบคือได้ลองขี้ม้าในที่ๆวิวแบบนี้ เป็นโอกาสที่หาได้ยากมาก ตอนกลางคืนจัดเป็นกิจกรรมรอบกองไฟ ไทยแลนด์ก็เตรียมการแสดงรอบกองไฟเป็นรำวง กิ่งก้านใบ แล้วก็เบบี้ชาร์ค ทุกคนเฮฮาสนุกสนานมาก มีเล่นเกมร่วมกัน จนถึงดึกๆ ก็แยกย้ายกันกลับเข้าเกอร์พักผ่อน ตอนดึกๆ ก็มีคนมาเติมฟืนให้ อากาศเย็นๆ ไม่ถึงขั้นหนาว

วันที่ 26 กรกฎาคม 2561
ตื่นเช้ามาทานอาหารเช้า ได้ลองเนื้อแกะท้องถิ่น ก็ยังคงกลิ่นแรงเหมือนเดิม ฮ่าๆ ละเขาก็พาเราไปดู Turtle rock เป็นหินรูปเต่า สวยมาก ละเราก็เดินทางกลับโรงแรม พักผ่อนสักพัก ก็ออกมาไปดูหนังที่ห้าง ซึ่งหนังที่ให้เราดูคือ Incredible 2 ถึงเราจะสงสัยว่าให้เราดูทำไม แต่ก็ดูๆไป สนุกดีเหมือนกัน อาหารแทบทุกมือก็จะคงคอนเซ็ปท์บุฟเฟ่ต์ กินจนพุงกางทุกวัน ถึงอาหารหลายอย่างจะเป็นกลิ่นแกะ แต่ด้วยความโลภ มาทั้งที ไม่กินก็เสียเที่ยว เลยอิ่มแปล้ทุกรอบ

วันที่ 27 กรกฎาคม 2061
วันนี้ทางเมืองพาเราไปที่โรงงาน APU ซึ่งเป็นโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์นมต่างๆ ถือเป็นโรงงานหลักๆของมองโกเลีย พาเข้าไปดูนวัตกรรมการผลิต จากนั้นก็เดินทางไปที่ Nairamdal International Children’s Camp เป็นแคมป์เยวชน มาเพื่อแสดงการแสดงที่เราเตรียมจากที่ไทยมา ซึ่งก็คืออ คุ้กกี้เสี่ยงทาย Ver.ดัดแปลงท่าเต้นเป็นท่ารำ แล้วก็ชมการแสดงของชาวมองโกเลีย เหมือนจะเป็นการแข่งขันการแสดงอะไรพอดีนี่แหละ ทุกคนเลยจัดเต็มมากกก คุ้มมาก ดูไป 30 กว่าโชว์ ดูตาแฉะ ที่คุ้มสุดคือได้ดูการเล่นซอหัวม้าที่โด่งดังของมองโกเลียนี่แหละ เพลินๆดี เกือบหลับบ้างเพราะมันเยอะมากจริงๆ วันนั้นจำได้ว่าอากาศหนาวมาก ฝนก็ตกปอยๆ น่าจะ 10 องศานิดๆนะตอนนั้น ตอนเย็นเราก็แวบไปซุปเปอร์มาเก็ตข้างๆโรงแรม ของขายเยอะดีเหมือนโลตัสบ้านเรา ส่วนใหญ่ก็แบรนด์เนมทั่วไป นำเข้าจากเกาหลีเยอะมากก เยอะจริงๆ คือไปนี่ซื้อของฝากเกาหลีมาฝากเพื่อนได้เลย หลายๆคนที่นู่นก็พูดเกาหลีได้



วันที่ 28 กรกฎาคม 2561
วันนี้เดินทางไปยังสวนสาธารณะ National Garden Park ไปรดน้ำต้นไม้ ฝนตกด้วยวันนี้ ตกทั้งวันเลย อากาศก็เลยเย็นมากขึ้น จากนั้นก็มีโชว์เป็นเทศกาล Nadam เล็กๆให้เราดู ซึ่งมีมวยปล้ำ ยิงธนู แล้วก็เล่น anklebone เป็นเกมพื้นเมือง ที่นี่ผู้ชายทุกคนต้องเล่นมวยปล้ำเป็น ทุคนต้องยิงธนู ขี่ม้าได้ เท่ๆดีนะ จากนั้นก็ไปลองทำอาหารมองโกเลีย อย่าเรียกว่าลองเลย เราไปยืนมอง แตะบ้าง เน้นกิน ฮ่าๆ กลัวทำแล้ววัฒนธรรมเขาเสื่อมเสีย รับประทานอาหารเสร็จก็ไป Intelligence Museam เป็นพิพิทธภัณฑ์จัดแสดง puzzles ต่างๆ ที่แบบแปลกๆ น่าสนใจ แล้วเราก็ไปดูคอนเสิร์ตดนตรีพื้นเมืองมองโกเลีย ฟังแล้วก็ยิ่งใหญ่ เหมือนเราขี่ม้ายิงธนูอยู่กลางทุ่งหญ้าเลย เพลินมาก

วันที่ 29 กรกฎาคม 2561
ไปที่วัดกานดาน แต่ข้างในไม่ให้ถ่ายรูป มีพระมาบรรยายและนำเยี่ยมชม  แล้วก็ไปพิพิฑภัณฑ์ประวัติศาสตร์ ดีมากกก ผู้บรรยาย บรรยายได้ดีมาก เราติดใจมากเลย หลังจากนั้นก็พาเราไปห้างแล้วก็เป็นฟรีไทม์ยาวๆ ตอนเย็นก็เป็นดินเนอร์อำลาที่โรงแรม ซึ้งมาก ที่ผ่านๆมาสนุกมาก เพื่อนชาวจีนเป็นคนดีกันมากๆ ทุกคนมีน้ำใจแล้วก็เฟรนด์ลี่มากกก เราประทับใจมากเลย เพื่อนชาวเกาหลีก็น่ารักดี ทำให้เราผูกพันธ์กับทั้งทริปนี้เลย รวมถึงพี่ๆมองโกเลียที่มาดูแลเรา

วันที่ 30 กรกฎาคม 2561
วันนี้เราก็เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม อากาศหนาวมาก มีควันออกปากด้วย เพื่อนชาวจีนกับเกาหลีมาส่งตอนเช้า เพราะเขาไปไฟล์ทบ่ายๆกัน อบอุ่นมาก ความรักทุกคนแต่เสียดายไม่ได้มีโอกาสได้อยู่กับเด็กมองโกเลียมากเท่าไหร่ จากนั้นเดินทางกลับประเทศไทย ตรงนี้ไม่มีไรมากเพราะเราเหนื่อยมาก ฮ่าๆ

ส่วนเรื่องของของฝาก เราซื้อพวกของที่ระลึกตามสถานที่ท่องเที่ยวที่เขาพาเราไป ส่วนใหญ่ไม่เสื้อผ้าขนแกะก็ของที่ระลึกทั่วไป ก็มีพวกที่ติดตู้เย็น พวงกุญแจทั่วๆไป

เราแลกเงินเป็นดอลล่าร์มาครึ่งนึง วอนมาครึ่งนึง ไว้สำหรับใช้จ่ายที่สนามบินเกาหลีใต้ระหว่างรอเปลี่ยนเครื่อง (สรุปเงินวอนหมดไปกับของกินที่สนามบิน) พอไปถึงมองโกเลียก็แลกดอลล่าร์เป็น ทุกริก ค่าเงินมองโกเลีย อัตราประมาณ 73 ทุกริก เท่ากับ 1 บาทไทย แต่ค่าครองชีพที่นู่นก็พอๆกับไทย

ที่มองโกเลียคือข้างทางไม่มีขายของเลย แต่เราว่าเรื่องของตึกราบ้านช่องดูเหมือนยังไม่ได้รับการบำรุง ห้างยังไม่เจริญมาก ยิ่งเรื่องเกษตรกรรมนี่ ปลูกอะไรไม่ได้ ด้วยอากาศและภูมิประเทศด้วย แต่ตอนนี้กำลังเดินหน้าพัฒนากันอย่างเต็มที่  ภายในตัวเมืองก็ไม่ได้เจริญอะไรขนาดนั้น แต่ไม่ได้ลำบาก แถบชานเมืองก็จะเป็นแถบภูเขาทุ่งหญ้า เลี้ยงปศุสัตว์ต่างๆ ขอบคุณทุกคนที่อ่านกันนะคะ พาพันขอบคุณ






แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่