เรื่องมันยาวนิดนึงนะครับ แต่อยากอ่านให้จบ แล้วจะรู้ว่า มันคือกาตัดสินใจที่พลาดอย่างมาก และมันคือบทเรียนราคาแพง!!!
เรื่องมีอยู่ว่า…
ผมพึ่งลาออกงานได้ เดือนกว่าแล้ว ทำงานที่นิคมแห่งหนึ่งในภาคเหนือ พึ่งเลิกกับแฟนไปช่วงก่อนสงกราน 5 วัน มีปัญหากับทางบ้านแฟนเพราะอึดอัดที่จะอยู่บ้านเค้า แต่แฟนผมนิสัยดีคนนึงนะ ถึงบางทีเค้าจะเอาแต่ใจบ้าง แต่บางอย่างเค้าก็ดีในเรื่องการหาเงิน ผมยอมรับได้ ที่ผมอยู่บ้านเค้า เพราะแฟนผมนี่แหละ สุดท้ายผมเลยออกมาจากบ้านเค้าโดยแฟนผมรู้คนเดียว คนอื่นไม่รู้ เพราะผมรู้ว่าคนที่บ้านเค้าเป็นอย่างไร ผมคิดว่าจะบอกไปตรงๆ ว่าเราไม่โอเคกับคนในบ้าน เราจะต้องเจออะไรบางอย่างที่ไม่ดีแน่นอน ตอนนั้นเที่ยงคืน ผมนัดน้องผมที่ไม่ได้เจอกันนาน 5 ปี เพราะหนีออกจากบ้านมา (เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง) มารับผมกลับบ้านที่เชียงใหม่ พอถึงบ้านปุ๊บ ตอนนั้น เป็นเวลาตี 2 ทุกคนที่อยู่ในบ้าน มีแม่ที่ลงกับน้องสาว (น้องที่ไปรับเป็นน้องชาย) ผมก็บอกไปว่าพรุ่งนี้ค่อยคุยกัน ตอนนั้นผมสับสนไปหมด ว่าจะทำอะไรต่อดี คืนนั้นไม่ได้หลับเลย พอเช้ามาปุ๊บ ก็มานั่งคุยกับพ่อแม่ ขอโทษขอโพยที่หนีออกจากบ้านมาโดยไม่บอกพ่อแม่ พ่อแม่ผมก็ให้อภัยผมนะ ก็ดูสภาพบ้าน แย่กว่าเดิมอีก ดีกว่าตอนที่ผมจากมา (พ่อทำงานคนเดียว แม่มีอาการทางจิต) ผมรู้สึกผิดมากๆ ที่ผมคิดน้อยไป เรียนก็ไม่จบมหาลัย อีกปีเดียวจะจบแล้ว (มี “ช้าง” เป็นสัญลักษณ์) มีวุฒิแค่ ม.6 เอง คิดแล้วอนาจตัวเองแท้
ตอนนี้ ก็ลาออกจากงานได้เดือนกว่า รอไปอบรมงานที่ กทม. ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงมั้ง ผมก็ไม่เคอยไปด้วยนะซิ เป็นคนกรุงเพทแท้ๆ แต่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย (โตได้ 2 ขวบ มาเชียงใหม่เลย) ผมรู้สึกว่าชีวิตมันลำบากจัง ผมไม่เคยลำบากมาก่อน ทั้งหนี้สิ้น เงินที่มีก็หมดลงไปเรื่อยๆ ก็พยายามประหยัดสุดๆ สภาพจิตใจที่ตกต่ำ ไม่รู้จะจัดการกับชีวิตยังไงดี
ส่วนเรื่องที่ผมบอกว่า “เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง”
คือยังงี้ ก่อนที่ผมจะหนีออกจากบ้าน ผมก็เรียนตามปกติ น้องชายผมเรียนจบแค่ ม.6 ก็ไปใช้ชีวิตแล้ว น้องสาวกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยม พ่อผมก็ทำงาน พร้อมหนี้สิ้น แม่ผมก็ป่วยทางจิตประปราย เคยได้รับการเข้ารักษาโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเชียงไหม่แถวสวนบวกหาด ด้วยที่ชีวิตผมถูกสอนให้อยู่ในกรอบ มีบางทีก็อึดอัดบ้างกับสิ่งที่พ่อผมแสดงออกมากับแม่ผม เช่น ว่าให้แม่มั้ง มีใช้กำลังบ้างกับแม่แต่ไม่ถึงขั้นลงไม้ลงมือมั้ง เป็นต้น ด้วยความที่ผมเป็นลูกคนโต ผมก็อยากเข้าไปห้ามบ้างแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะกลัวพ่อว่า (ทุกคนกลัวพ่อกันหมด) จนมันสะสมขึ้นเรื่อยๆ จนมาพีคอยู่ 2 เรื่อง คือเรื่องที่พ่อผมแอบไปคุยกับผู้หญิง (น้องชายผมเป็นคนบอกและมารู้ตอนกลับมาว่าไม่ใช่) กับ เรื่องความงี่เง่าของน้องๆ ที่ไม่รู้จักคำว่า “หน้าที่รับผิดชอบ” (เพราะผมเจอบ่อยมาก) ด้วยความที่ผมเป็นเด็กติส เลยไม่ได้ปรึกษาใคร บังเอิญช่วงนั้นผมคบแฟนได้ 5-6 เดือนแล้ว ด้วยความที่แฟนผมเป็นห่วงผม เลยแนะนำว่า ให้ย้ายมาอยู่บ้านเค้า (ซึ่งมันก็คือหนีออกจากบ้านนั่นแหละ) จังหวะนั้น ผมเชื่อแฟนผม ผมไม่อยากอยู่บ้านหลังนี้ต่อไปอีกแล้ว คือแบบ ไม่สนใจอะไรซักอย่างแล้ว คนที่บ้านอยากทำอะไรทำเลย พร้อมทิ้งการเรียนที่ไม่ได้ดรอปเรีบนไว้ หนีออกมาเลย โดยทิ้งจดหมายความในใจไว้ แล้วแฟนผมชวนมาทำนิคมแห่งหนึ่งในลำพูน ใช้วุฒิ ม.6 ในการสมัคร ก็ไปทำงานกับแฟน แฟนผมก็เรียนไม่จบเหมือนกัน คือสอบก็ได้ใบแล้ว แต่ไม่ไปเอา ผมก็ทำงานที่นี่โดยไม่ได้ติดต่อกลับไปที่บ้านเลย เพราะผมรู้สึก “โกรธ” อยู่ ณ ตอนนั้น เค้าก็มีติอต่อมาบ้างนะ แต่ผมบล็อคเฟส บล็อคเบอร์ทุกอย่าง คือจะไม่มีวันกลับไปอีก มีกระทั้ง ส่งตำรวจมาที่บ้านแฟนผม เพราะจดหมายที่เขียนส่งไปถึงตำรวจ ให้ตามกลับบ้าน แต่ผมก็ไม่สนใจใยดี
ลืมบอกไป!!! ก่อนที่ผมจะไปอยู่บ้านแฟน ผมมาอยู่หอก่อน จนแฟนผมไปคุยกับคนที่บ้านผมเลยได้เข้าไปอยู่ ปรากฎว่า ไม่ใช่อย่างที่เราคิด เค้ามีสังคมที่แตกต่างจากผมโดยสิ้นเชิง (สังคมแบบชาวบ้าน ส่วนผมไม่ใช่) แต่บ้านเค้าพอมีตังค์อยู่ ขั้นรวยเลยแหละ อยู่สุขสบาย แม่เค้าก็ทำข้าวให้กิน พี่ชายเค้าบางที ก็ไม่ค่อยฟังใคร ว่าเค้าไม่ได้ เค้าจะโกรธเอา เลยทำอะไรไม่ได้ แต่ที่ผมยังอยู่ ผมอดทน เพราะแฟน โดนใช้ทำนู้นนี่นั่น แสดงออกทางความคิดเห็นก็หาว่าผมผิด คือทำอะไรนอกเหนือจากเค้าคือผิดหมด ผมรู้สึกอึดอัดอีกแล้ว แต่ก็ต้องอยู่ “ทน” ไปเรื่อยๆ เพื่อแฟนผม จนมาวันนึง (ก่อนที่ผมจะเลิกกับแฟนผม) ผมเล่าให้แฟนฟังว่า ไม่ไหวแล้วนะ จะไม่อยู่แล้ว จะไปอยู่หอ (ช่วงนั้นแฟนผมไปทำงานอย่างอื่นแทน แล้วเค้าอยู่หอเพื่อน นานๆจะกลับมาที) แฟนผมก็บอกให้อดทนหน่อยนะ แต่ผมก็ยังยืนยันคำเดิมว่าจะไปอยู่หอ แฟนผมก็ไม่รู้ทำไง ก็เลยยอม แต่เราก็คุยกันด้วยเหตุผลนะ ตอนนั้นมีหนี้รถ บัตรเครดิต 2 ใบ ผมก็ไม่สนใจ คือผมอยากจะไปแล้วไง เพราะผมทนไม่ได้ จนบ้างครั้งแฟนผมก็คร่ำครวญ ไม่อยากให้ไป บางทีก็อยากให้ไป ผมเลยตัดสินใจ แอบเก็บของเตรียมหนีออกจากบ้านเค้า โดยนัดน้องชายผมมารับ พร้อมกับเพื่อนอีกคนให้มาขับรถยนตร์ (มอไซค์คัน รถยนตร์คัน) ตอนเที่ยงคืน แต่!!! แผนดันแตก ผมเผลอไปบอกชื่อน้องผมให้แฟนผมรู้ทางแชท แฟนผมจับได้ ผมเลยตื่นตระหนก ทำตัวไม่ถูก จนแฟนผมเข้าบ้านมาตอนเที่ยงคืน แฟนผมถามผมว่า เทอปิดบังอะไรรึป่าว มีอะไรคุยกันได้นะ (ก่อนหน้านั้นที่จะย้ายไปอยู่หอ ผมเตรียมเก็บของเรียบร้อย แต่คนที่บ้านไม่รู้) จนผมทนไม่ไหว ก็เลยยื่นจดหมายที่จะเตรียมชิ่งหนีให้แฟนอ่าน แฟนผมก็นิ่ง อ่านด้วยความใจเย็น เค้าก็พยักหน้า ผมก็แบบไม่มีใจให้เค้าแล้ว ก็สับสนปนเปไปหมด น้องผมก็มารอที่หน้าบ้าน พร้อมกับถยอยเก็บของที่ผมเตรียมไว้ แฟนผมขอรถยนตร์ไว้ (ตอนแรกกะจะเอาไปด้วย) ผมกลับใจอ่อน ตอนนั้นคือสับสนหมด ก็ตอบเค้าไปว่า ตามใจ (ทั้งที่เป็นชื่อผมและผมก็จะเอาไปขายใช้หนี้ด้วย แต่เงินดาวน์ดันเป็นของพี่ชายแฟนเค้าอีก) ผมก็ได้แต่มอไซค์กลับมา ผมก็ยังไปทำงานอยู่ถึงสิ้นเดือนมิถุนาแล้วลาออกมา ตอนนี้ก็ยังเป็นเพื่อกันอยู่ เพราะมีหนี้ที่ต้องใช้ร่วมกัน
มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะบ่นว่า ทำไมยาวจังเลย!!! ขอทนอ่านหน่อยนะครับและขอบขอบคุณที่ทนอ่านมาถึงตรงนี้ได้ มันเป็นเรื่องของคนๆนึง ที่ตัดสินใจ “พลาด” พลาดอย่างไม่ให้อภัย อาจจะมองว่าชีวิตพังเพราะ “ผู้หญิง” จะมองอย่างงั้นมันก็มองได้ แต่สำหรับตัวผม ผมพลาดเพราะตัวผมเองมากกว่า ผมมันงี่เง่า คิดไม่เยอะ คิดน้อยเกินไป เรียนก็ไม่จบ พ่อแม่ก็แก่ขึ้น ลำบากชีวิตเค้าอีก น้องผมก็ไม่ค่อยโอเคกับผมเท่าไหร่ หนี้ก็มีทั้งตัวผมและของพ่อผมเอง (หนี้บ้านที่ผ่อนไม่หมด) ตอนนี้อยู่บ้านเช่า รอขายบ้านได้ ก็จะได้เงินมาส่วนนึง มาปิดบ้านหลังนี้ และช่วยในเรื่องของค่าเช่าบ้าน ค่าใช้จ่ายต่างๆด้วย ผมก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าต่อจากนี้ไปจะมีชีวิตอย่างไร ผมก็จะพยายามทำให้ตัวเองมีชีวิตที่ดีขึ้นทั้งพ่อแม่และน้องของผม ถึงยังมองไม่เห็นทางออก ผมก็จะพยายาม แต่ก็ไม่รู้จะทำได้ถึงแค่ไหน (เคยคิดฆ่าตัวตายเป็นร้อยรอบ) ถือว่าเป็นบทเรียนที่ราคาแพง และ แพงมาก!!!!!!!
จะทำอย่างไรกับชีวิตดี ตอนนี้ตัดสินใจผิดพลาดกับเรื่องลาออก !!!!!
เรื่องมีอยู่ว่า…
ผมพึ่งลาออกงานได้ เดือนกว่าแล้ว ทำงานที่นิคมแห่งหนึ่งในภาคเหนือ พึ่งเลิกกับแฟนไปช่วงก่อนสงกราน 5 วัน มีปัญหากับทางบ้านแฟนเพราะอึดอัดที่จะอยู่บ้านเค้า แต่แฟนผมนิสัยดีคนนึงนะ ถึงบางทีเค้าจะเอาแต่ใจบ้าง แต่บางอย่างเค้าก็ดีในเรื่องการหาเงิน ผมยอมรับได้ ที่ผมอยู่บ้านเค้า เพราะแฟนผมนี่แหละ สุดท้ายผมเลยออกมาจากบ้านเค้าโดยแฟนผมรู้คนเดียว คนอื่นไม่รู้ เพราะผมรู้ว่าคนที่บ้านเค้าเป็นอย่างไร ผมคิดว่าจะบอกไปตรงๆ ว่าเราไม่โอเคกับคนในบ้าน เราจะต้องเจออะไรบางอย่างที่ไม่ดีแน่นอน ตอนนั้นเที่ยงคืน ผมนัดน้องผมที่ไม่ได้เจอกันนาน 5 ปี เพราะหนีออกจากบ้านมา (เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง) มารับผมกลับบ้านที่เชียงใหม่ พอถึงบ้านปุ๊บ ตอนนั้น เป็นเวลาตี 2 ทุกคนที่อยู่ในบ้าน มีแม่ที่ลงกับน้องสาว (น้องที่ไปรับเป็นน้องชาย) ผมก็บอกไปว่าพรุ่งนี้ค่อยคุยกัน ตอนนั้นผมสับสนไปหมด ว่าจะทำอะไรต่อดี คืนนั้นไม่ได้หลับเลย พอเช้ามาปุ๊บ ก็มานั่งคุยกับพ่อแม่ ขอโทษขอโพยที่หนีออกจากบ้านมาโดยไม่บอกพ่อแม่ พ่อแม่ผมก็ให้อภัยผมนะ ก็ดูสภาพบ้าน แย่กว่าเดิมอีก ดีกว่าตอนที่ผมจากมา (พ่อทำงานคนเดียว แม่มีอาการทางจิต) ผมรู้สึกผิดมากๆ ที่ผมคิดน้อยไป เรียนก็ไม่จบมหาลัย อีกปีเดียวจะจบแล้ว (มี “ช้าง” เป็นสัญลักษณ์) มีวุฒิแค่ ม.6 เอง คิดแล้วอนาจตัวเองแท้
ตอนนี้ ก็ลาออกจากงานได้เดือนกว่า รอไปอบรมงานที่ กทม. ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงมั้ง ผมก็ไม่เคอยไปด้วยนะซิ เป็นคนกรุงเพทแท้ๆ แต่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย (โตได้ 2 ขวบ มาเชียงใหม่เลย) ผมรู้สึกว่าชีวิตมันลำบากจัง ผมไม่เคยลำบากมาก่อน ทั้งหนี้สิ้น เงินที่มีก็หมดลงไปเรื่อยๆ ก็พยายามประหยัดสุดๆ สภาพจิตใจที่ตกต่ำ ไม่รู้จะจัดการกับชีวิตยังไงดี
ส่วนเรื่องที่ผมบอกว่า “เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง”
คือยังงี้ ก่อนที่ผมจะหนีออกจากบ้าน ผมก็เรียนตามปกติ น้องชายผมเรียนจบแค่ ม.6 ก็ไปใช้ชีวิตแล้ว น้องสาวกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยม พ่อผมก็ทำงาน พร้อมหนี้สิ้น แม่ผมก็ป่วยทางจิตประปราย เคยได้รับการเข้ารักษาโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเชียงไหม่แถวสวนบวกหาด ด้วยที่ชีวิตผมถูกสอนให้อยู่ในกรอบ มีบางทีก็อึดอัดบ้างกับสิ่งที่พ่อผมแสดงออกมากับแม่ผม เช่น ว่าให้แม่มั้ง มีใช้กำลังบ้างกับแม่แต่ไม่ถึงขั้นลงไม้ลงมือมั้ง เป็นต้น ด้วยความที่ผมเป็นลูกคนโต ผมก็อยากเข้าไปห้ามบ้างแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะกลัวพ่อว่า (ทุกคนกลัวพ่อกันหมด) จนมันสะสมขึ้นเรื่อยๆ จนมาพีคอยู่ 2 เรื่อง คือเรื่องที่พ่อผมแอบไปคุยกับผู้หญิง (น้องชายผมเป็นคนบอกและมารู้ตอนกลับมาว่าไม่ใช่) กับ เรื่องความงี่เง่าของน้องๆ ที่ไม่รู้จักคำว่า “หน้าที่รับผิดชอบ” (เพราะผมเจอบ่อยมาก) ด้วยความที่ผมเป็นเด็กติส เลยไม่ได้ปรึกษาใคร บังเอิญช่วงนั้นผมคบแฟนได้ 5-6 เดือนแล้ว ด้วยความที่แฟนผมเป็นห่วงผม เลยแนะนำว่า ให้ย้ายมาอยู่บ้านเค้า (ซึ่งมันก็คือหนีออกจากบ้านนั่นแหละ) จังหวะนั้น ผมเชื่อแฟนผม ผมไม่อยากอยู่บ้านหลังนี้ต่อไปอีกแล้ว คือแบบ ไม่สนใจอะไรซักอย่างแล้ว คนที่บ้านอยากทำอะไรทำเลย พร้อมทิ้งการเรียนที่ไม่ได้ดรอปเรีบนไว้ หนีออกมาเลย โดยทิ้งจดหมายความในใจไว้ แล้วแฟนผมชวนมาทำนิคมแห่งหนึ่งในลำพูน ใช้วุฒิ ม.6 ในการสมัคร ก็ไปทำงานกับแฟน แฟนผมก็เรียนไม่จบเหมือนกัน คือสอบก็ได้ใบแล้ว แต่ไม่ไปเอา ผมก็ทำงานที่นี่โดยไม่ได้ติดต่อกลับไปที่บ้านเลย เพราะผมรู้สึก “โกรธ” อยู่ ณ ตอนนั้น เค้าก็มีติอต่อมาบ้างนะ แต่ผมบล็อคเฟส บล็อคเบอร์ทุกอย่าง คือจะไม่มีวันกลับไปอีก มีกระทั้ง ส่งตำรวจมาที่บ้านแฟนผม เพราะจดหมายที่เขียนส่งไปถึงตำรวจ ให้ตามกลับบ้าน แต่ผมก็ไม่สนใจใยดี
ลืมบอกไป!!! ก่อนที่ผมจะไปอยู่บ้านแฟน ผมมาอยู่หอก่อน จนแฟนผมไปคุยกับคนที่บ้านผมเลยได้เข้าไปอยู่ ปรากฎว่า ไม่ใช่อย่างที่เราคิด เค้ามีสังคมที่แตกต่างจากผมโดยสิ้นเชิง (สังคมแบบชาวบ้าน ส่วนผมไม่ใช่) แต่บ้านเค้าพอมีตังค์อยู่ ขั้นรวยเลยแหละ อยู่สุขสบาย แม่เค้าก็ทำข้าวให้กิน พี่ชายเค้าบางที ก็ไม่ค่อยฟังใคร ว่าเค้าไม่ได้ เค้าจะโกรธเอา เลยทำอะไรไม่ได้ แต่ที่ผมยังอยู่ ผมอดทน เพราะแฟน โดนใช้ทำนู้นนี่นั่น แสดงออกทางความคิดเห็นก็หาว่าผมผิด คือทำอะไรนอกเหนือจากเค้าคือผิดหมด ผมรู้สึกอึดอัดอีกแล้ว แต่ก็ต้องอยู่ “ทน” ไปเรื่อยๆ เพื่อแฟนผม จนมาวันนึง (ก่อนที่ผมจะเลิกกับแฟนผม) ผมเล่าให้แฟนฟังว่า ไม่ไหวแล้วนะ จะไม่อยู่แล้ว จะไปอยู่หอ (ช่วงนั้นแฟนผมไปทำงานอย่างอื่นแทน แล้วเค้าอยู่หอเพื่อน นานๆจะกลับมาที) แฟนผมก็บอกให้อดทนหน่อยนะ แต่ผมก็ยังยืนยันคำเดิมว่าจะไปอยู่หอ แฟนผมก็ไม่รู้ทำไง ก็เลยยอม แต่เราก็คุยกันด้วยเหตุผลนะ ตอนนั้นมีหนี้รถ บัตรเครดิต 2 ใบ ผมก็ไม่สนใจ คือผมอยากจะไปแล้วไง เพราะผมทนไม่ได้ จนบ้างครั้งแฟนผมก็คร่ำครวญ ไม่อยากให้ไป บางทีก็อยากให้ไป ผมเลยตัดสินใจ แอบเก็บของเตรียมหนีออกจากบ้านเค้า โดยนัดน้องชายผมมารับ พร้อมกับเพื่อนอีกคนให้มาขับรถยนตร์ (มอไซค์คัน รถยนตร์คัน) ตอนเที่ยงคืน แต่!!! แผนดันแตก ผมเผลอไปบอกชื่อน้องผมให้แฟนผมรู้ทางแชท แฟนผมจับได้ ผมเลยตื่นตระหนก ทำตัวไม่ถูก จนแฟนผมเข้าบ้านมาตอนเที่ยงคืน แฟนผมถามผมว่า เทอปิดบังอะไรรึป่าว มีอะไรคุยกันได้นะ (ก่อนหน้านั้นที่จะย้ายไปอยู่หอ ผมเตรียมเก็บของเรียบร้อย แต่คนที่บ้านไม่รู้) จนผมทนไม่ไหว ก็เลยยื่นจดหมายที่จะเตรียมชิ่งหนีให้แฟนอ่าน แฟนผมก็นิ่ง อ่านด้วยความใจเย็น เค้าก็พยักหน้า ผมก็แบบไม่มีใจให้เค้าแล้ว ก็สับสนปนเปไปหมด น้องผมก็มารอที่หน้าบ้าน พร้อมกับถยอยเก็บของที่ผมเตรียมไว้ แฟนผมขอรถยนตร์ไว้ (ตอนแรกกะจะเอาไปด้วย) ผมกลับใจอ่อน ตอนนั้นคือสับสนหมด ก็ตอบเค้าไปว่า ตามใจ (ทั้งที่เป็นชื่อผมและผมก็จะเอาไปขายใช้หนี้ด้วย แต่เงินดาวน์ดันเป็นของพี่ชายแฟนเค้าอีก) ผมก็ได้แต่มอไซค์กลับมา ผมก็ยังไปทำงานอยู่ถึงสิ้นเดือนมิถุนาแล้วลาออกมา ตอนนี้ก็ยังเป็นเพื่อกันอยู่ เพราะมีหนี้ที่ต้องใช้ร่วมกัน
มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะบ่นว่า ทำไมยาวจังเลย!!! ขอทนอ่านหน่อยนะครับและขอบขอบคุณที่ทนอ่านมาถึงตรงนี้ได้ มันเป็นเรื่องของคนๆนึง ที่ตัดสินใจ “พลาด” พลาดอย่างไม่ให้อภัย อาจจะมองว่าชีวิตพังเพราะ “ผู้หญิง” จะมองอย่างงั้นมันก็มองได้ แต่สำหรับตัวผม ผมพลาดเพราะตัวผมเองมากกว่า ผมมันงี่เง่า คิดไม่เยอะ คิดน้อยเกินไป เรียนก็ไม่จบ พ่อแม่ก็แก่ขึ้น ลำบากชีวิตเค้าอีก น้องผมก็ไม่ค่อยโอเคกับผมเท่าไหร่ หนี้ก็มีทั้งตัวผมและของพ่อผมเอง (หนี้บ้านที่ผ่อนไม่หมด) ตอนนี้อยู่บ้านเช่า รอขายบ้านได้ ก็จะได้เงินมาส่วนนึง มาปิดบ้านหลังนี้ และช่วยในเรื่องของค่าเช่าบ้าน ค่าใช้จ่ายต่างๆด้วย ผมก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าต่อจากนี้ไปจะมีชีวิตอย่างไร ผมก็จะพยายามทำให้ตัวเองมีชีวิตที่ดีขึ้นทั้งพ่อแม่และน้องของผม ถึงยังมองไม่เห็นทางออก ผมก็จะพยายาม แต่ก็ไม่รู้จะทำได้ถึงแค่ไหน (เคยคิดฆ่าตัวตายเป็นร้อยรอบ) ถือว่าเป็นบทเรียนที่ราคาแพง และ แพงมาก!!!!!!!