บทเรียนของคนเคยคลั่งทักษิณจำยันชาติหน้า

อ้าวเหล่าแกนนำทั้งหลาย มวลชนที่คุณหลอกเอ๊ย!!บอกให้เค้ามาสู้กำลังเดือดร้อนอย่างหนัก ร่างกายพิการทำงานไม่ได้ ถูกเลิกจ้าง ถูกยึดที่ดิน เดือดร้อนหนัก นายใหญ่และบรรดาแกนนำ นปช.จะไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือเค้าหน่อยหรือครับ หรือเป็น คนเสื้อแดงเทียมอีกรึเปล่า คดีนี้ศาลยกคำร้องฝ่ายโจทก์นะครับ รายละเอียดอ่านตรงที่ปักธงไว้.....

👇👇
<<<<ศาลสั่งยึดทรัพย์เหยื่อกระสุนปี 52 ขายทอดตลาดชดใช้แทนกองทัพ>>>>

   คารม พลพรกลาง ทนายความของ ไสว ทองอ้ม ชาวสุรินทร์ ผู้ถูกยิงในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองของกลุ่ม นปช.เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2552 ได้เปิดเผยว่า เวลา 10.30 น.ของวันที่ 10 สิงหาคม 2561 ตนและลูกความจะเดินทางไปที่ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาลเพื่อทำเรื่องขอให้ทางรัฐบาลให้ความช่วยเหลือในการงดเว้นการจ่ายค่าฤชาธรรมเรียมและค่าทนายความเป็นเงิน 212,114 บาท ที่ศาลฎีกา (แพ่ง) มีคำสั่งให้โจทก์คือนายไสว ทองอ้ม ซึ่งเป็นลูกความของตนต้องชดใช้แทนกองบัญชาการกองทัพไทย และ กองทัพบก

เหตุเกิดจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงในวันที่ 13 เมษายน 2552 นายไสว ทองอ้ม และนายสนอง พานทอง ได้ถูกยิงด้วยกระสุนปืนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากนั้นนายไสวและนายสนองจึงได้ฟ้องแพ่งเอาผิดเรียกค่าชดเชยจาก สำนักนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. กองบัญชาการกองทัพไทย และ กองทัพบก

ไสว ถูกยิงที่ต้นแขนซ้าย ไม่สามารถใช้แขนซ้ายประกอบภารกิจตามปกติได้อีก จึงถูกเลิกจ้างและขาดรายได้ ขอเรียกค่าเสียหายจากการเสียโอกาสในการประกอบการงานได้โดยสิ้นเชิงเป็นเวลา 20 ปี รวมแล้วเป็นเงิน 2,857,538 บาท ส่วนสนอง ถูกยิงบริเวณขาขวาไม่สามารถใช้ขาขวาประกอบภารกิจตามปกติได้เป็นเหตุให้ถูกเลิกจ้างและขาดรายได้ ขอเรียกค่าเสียหายจากการขาดโอกาสในการประกอบการงานได้โดยสิ้นเชิงเป็นเวลา 25 ปี รวมแล้วเป็นเงิน 2,245,205  รวมทั้งสองรายเป็นเงิน 5,102,743 บาท ศาลแพ่งมีคำพิพากษาออกมาเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.2554 ให้โจทก์ชนะคดี และจำเลยที่ 2 กับจำเลยที่ 5 ต้องชำระเงินให้กับโจทก์ โดยชำระให้รายละ 1,200,000 บาท และ 1,000,000 บาทตามลำดับ รวมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี

🚩🚩แต่ต่อมาในชั้นอุทธรณ์ ศาลได้มีคำวินิจฉัยยกคำร้องของฝ่ายโจทก์ โดยให้ความเห็นว่า #อาวุธประจำกายของทหารในพื้นที่เกิดเหตุไม่ได้มีปืนพกสั้นที่ใช้กระสุนความเร็วต่ำขนาด 9 มม.ที่ยิงใส่โจทก์ และเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ และมีคำสั่งให้โจทก์จ่ายค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความจำเลย (ซึ่งก็คืออัยการ) เป็นเงิน 212,114 บาท และมีคำสั่งแต่งตั้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการยึดอายัดทรัพย์โจทก์และทำการขายทอดตลาด เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2560

ไสว ทองอ้ม เหยื่อกระสุนปี 52 กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตอนนี้ทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ได้ทำการอายัดบัญชีของตนซึ่งมีเงินอยู่ในบัญชีเพียงแค่ 4,479 บาท และเจ้าพนักงานบังคับคดีที่สุรินทร์ยังได้ยึดที่นาของตนจำนวน 8 ไร่ ราคาประเมิน 460,980 บาท เพื่อทำการขายทอดตลาด

ไสวกล่าวว่าทุกวันนี้นี้ตัวเองก็เหมือนคนพิการ แขนข้างที่โดนยิงมีอาการขัดและชา และยังมีเศษกระสุนฝังอยู่ข้างใน เคลื่อนไหวไม่สะดวกและไม่สามารถทำงานหนักได้ ที่ดินก็มีเพียงนาที่ทำอยู่พอให้มีข้าวกินและมีรายได้บ้าง หากถูกยึดไปก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตต่อไปได้อย่างไร

https://prachatai.com/journal/2018/08/78217?utm_source=dlvr.it&utm_medium=twitter





หน้าเหลี่ยมว่ายังไงบ้าง เคยช่วยเหลือมวลชนที่เคยถูกหลอกใช้บ้างไหม เสียงปืนแตกนัดแรกไหนบอกจะกลับไทยไปมุดหัวหลบอยู่ดูไบแล้วปล่อยมวลชนต้องลำบากสู้คดีตามลำพังมาเกือบสิบปี แกนนำแดงหละไอ้คนไหนที่ยุยงให้ถือน้ำมันคนละขวด ไปรวมตัวกันที่ศาลากลาง เผาไปเลยครับพี่น้องผมรับผิดชอบเอง รวยกันสะดือปลิ้น แล้วใครกันหนาที่ต้องมาติดคุกโดนยึดทรัพย์สิ้นเนื้อประดาตัวรับกรรมกันหมด ใช้หัวคิดให้เป็นว่าใครที่มันหลอกใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือ อย่าให้คนชั่วมันมาหลอกใช้อีกเลย ขนาดตัวน้องสาวที่บอกจะตาคาสนามประชาธิปไตยยังเผ่นหนีให้ลูกน้องติดคุกสี่สิบปีตามลำพัง ไม่ไหวจะเคลียร์กับคนพรรคนี้  พูดมากเจ็บคอ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่