ในรายการ”คมชัดลึก สุดสัปดาห์ ” ที่ออกอากาศทาง NationTV เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ที่ผ่านมา นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ผู้สื่อข่าวอาวุโส ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการออกมาเคลื่อนไหวของ”นายนคร มาฉิน” ที่ได้ออกมากล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์ สมคบคิดกับแนวร่วมฝ่ายอนุรักษ์นิยม พร้อมทั้ง เครือข่าย นายทุน กลุ่มขุนศึก กลุ่มศักดินาอำมาตย์ เครือข่ายข้าราชการ ฝ่ายตุลาการระดับสูง เพื่อโค้นล้มรัฐบาลทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
โดยนายสนธิญาณกล่าวว่า ในช่วงของสถานการณ์ปี57 ไม่มีโอกาสที่จะเกิดสถานการณ์ที่นายนครกล่าว เพราะตนได้อยู่ในเหตุการณ์ สถานการณ์และวิธี การเคลื่อนตัวในการเมือง ซึ่งวันนี้เนื้อหาของการเมืองไทยเปลี่ยนไปเกือบจะ100% ซึ่งตนได้ทำม๊อบมาตั้งแต่ตอนเป็นนักศึกษา ม๊อบสมัยที่ตนเป็นนักศึกษา หากได้จำนวนถึงแสนคนถือว่าเด็ด มาดูม๊อบพันธมิตรฯระดมคนเพื่อมาขับไล่รัฐบาลทักษิณ ได้แสนสี่คน ถือว่าเป็นจำนวนมาก แต่ไล่รัฐบาลทักษิณได้หรือไม่นั้น ต้องบอกว่าไล่ไม่ได้ ท้ายที่สุดต้องทหารมายึดอำนาจโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน

ต่อมาปี53-54 กลุ่มนปช. เพื่อไทยได้จัดม๊อบมา ได้ประมาณ แสนคนเช่นกัน ขณะที่ม๊อบพันธมิตรค่อยๆเสื่อมถอยลง เสธ.อ้ายพยายามจุดขึ้นมา ได้มาเฉียดแสน ซึ่งก็ดูน่าตื่นเต้น ดูเหมือนเป็นโอกาสที่จะต่อสู้กับเพื่อไทย แต่ท้ายสุดก็ฝ่อไป มาถึงม๊อบกปปส. เป็นม๊อบที่ตนคิดว่าใหญ๋ที่สุดในโลก ที่คนสอง สามล้านคนมาชุมนุม ที่เห็นจริงว่ามาจากคนชั้นกลาง จำนวนหนึ่ง ที่อยู่ในกรุงเทพ กับคนต่างจังหวัดจำนวนหนึ่งที่ไหลเข้ามา
ระดับม๊อบล้านทำอะไรรัฐบาลที่ครองอำนาจอยู่ในขณะนั้นไม่ได้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เฉย ไม่สนใจ สื่อสารมาถึงตอนนี้เพื่อจะให้เห็นว่าม๊อบนั้นไล่รัฐบาลไม่ได้ สิ่งที่จะต้องคิดคืออะไร? ความรู้สึกของคนที่ชุมนุมอยู่ในม๊อบกปปส.นั้น รอให้ทหารมายึดอำนาจ ไม่ใช่ว่าม๊อบไปไหว แต่คนออกมากที่สุด แต่รัฐบาลยังไม่ไป แสดงว่าม๊อบกดดันรัฐบาลไม่ได้
ต่อมานายสนธิญาณกล่าวถึง.. ข้อเท็จจริงที่ไม่เคยถูกเปิดเผย เป็นข้อเท็จจริงที่จะได้รู้จักนายสุเทพ เทือกสุบรรณให้ดีขึ้น รู้จักพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ดีขึ้น และจะได้เข้าใจสถานการณ์การเมืองที่แท้จริงว่าช่วงนั้นเกิดอะไรขึ้น และจะเข้าใจสถานการณ์การเมืองที่แท้จริงว่าช่วงนั้นเกิดอะไรขึ้น ซึ่งจะได้เห็นว่านายนคร มั่ว! ยกตัวอย่างหนึ่งเหตุการณ์

ภายหลังการชุมนุมกปปส. กองทัพโดยพล.อ.ประยุทธ์ พยายามอย่างยิ่ง ที่จะทำให้สถานการณ์ไปได้ด้วยดี อยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ซึ่งตนถึงบอกว่าคนที่มาด่าคนอื่นว่าเป็นเผด็จการ แต่พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนที่มีจิตใจเป็นประชาธิปไตยสูงกว่าคนออกมาสร้างวาทกรรมเหล่านั้น โดยพยายามประสานแล้วไม่สำเร็จ
วันหนึ่งขณะที่มีการชุมนุมของกลุ่มกปปส. เพื่อขับไล่รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ กองทัพ ได้ส่งคนไปรับ แกนนำกปปส.จากเวทีศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ประกอบไปด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายถาวร เสนเนียม และเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ และตน รวมทั้งหมด 4 คน นั่งรถทหารเดินทางมายังกรมทหารราบที่ 1
เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ได้แยกออกเป็น2 ห้อง ห้องแรกพานายสุเทพไป ซึ่งในดังกล่าวประกอบไปด้วย นายสุเทพ , พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และคาดว่าน่าจะมีผู้บัญชาการเหล่าทัพอื่นๆ รวมไปถึงผู้บัญชาการทหารสูงสุด
ส่วนอีกห้องหนึ่ง ประกอบไปด้วย ทหารระดับแม่ทัพ ทหารฝ่ายเสนาธิการ และระดับปฏิบัติการ ได้เชิญตน ,นายถาวร และนายเอกนัฏ พูดคุยแลกเปลี่ยนสถานการณ์
เมื่อคุยเสร็จทหารก็ได้พาทั้ง4คนกลับมาส่งที่ม๊อบ โดยนายสนธิญาณกล่าวว่า นายสุเทพได้เล่าให้ฟังว่า “ไม่สำเร็จ” โดยกองทัพอยากให้บ้านเมืองไปต่อ ไม่อยากยึดอำนาจ เป็นการเชิญมาคุยเพื่อหาทางออก โดยที่กองทัพไม่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยว โดยนายสนธิญาณกล่าวว่า ทางด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ รัฐบาลขณะนั้น ไม่เอาอย่างเดียว ต้องเป็นประชาธิปไตย และต้องการเดินหน้ากฎหมายนิรโทษกรรม
การที่ตนนำเรื่องนี้มาเปิดเผยให้ฟัง เพราะต้องการจะสื่อสารว่า หากเขาจะคบคิดแล้วจะเรียกมาพูดคุยกันทำไม ?? ซึ่งนี้เป็นข้อเท็จจริง การพูดคุยที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องลับ และถูกนำมาเปิดเผยภายหลัง ซึ่งตนก็ไม่อยู่ในเหตุการณ์จริง และเห็นเจตนาว่าสิ่งที่กองทัพและทหารพยายามจะทำเพราะอยากให้บ้านเมืองไปต่อ ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็คิดเพียงอย่างเดียวว่าจะนำตัวนายทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศก่อน
เมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วใครจะไปคบคิดกับใคร??
เรียบเรียงโดย : วิลาสินี แววคุ้ม
มีคลิป
http://www.tpolitic.com/contents/af/4921%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3
ลูกจ๊อกหน้าเหลี่ยมเงิบ สนธิญาณฟันธง"นคร"มั่ว! เผยความลับครั้งถูกเชิญเข้าค่ายทหาร "บิ๊กตู่"มีจิตใจเป็นประชาธิปไตยสูง!
โดยนายสนธิญาณกล่าวว่า ในช่วงของสถานการณ์ปี57 ไม่มีโอกาสที่จะเกิดสถานการณ์ที่นายนครกล่าว เพราะตนได้อยู่ในเหตุการณ์ สถานการณ์และวิธี การเคลื่อนตัวในการเมือง ซึ่งวันนี้เนื้อหาของการเมืองไทยเปลี่ยนไปเกือบจะ100% ซึ่งตนได้ทำม๊อบมาตั้งแต่ตอนเป็นนักศึกษา ม๊อบสมัยที่ตนเป็นนักศึกษา หากได้จำนวนถึงแสนคนถือว่าเด็ด มาดูม๊อบพันธมิตรฯระดมคนเพื่อมาขับไล่รัฐบาลทักษิณ ได้แสนสี่คน ถือว่าเป็นจำนวนมาก แต่ไล่รัฐบาลทักษิณได้หรือไม่นั้น ต้องบอกว่าไล่ไม่ได้ ท้ายที่สุดต้องทหารมายึดอำนาจโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน
ต่อมาปี53-54 กลุ่มนปช. เพื่อไทยได้จัดม๊อบมา ได้ประมาณ แสนคนเช่นกัน ขณะที่ม๊อบพันธมิตรค่อยๆเสื่อมถอยลง เสธ.อ้ายพยายามจุดขึ้นมา ได้มาเฉียดแสน ซึ่งก็ดูน่าตื่นเต้น ดูเหมือนเป็นโอกาสที่จะต่อสู้กับเพื่อไทย แต่ท้ายสุดก็ฝ่อไป มาถึงม๊อบกปปส. เป็นม๊อบที่ตนคิดว่าใหญ๋ที่สุดในโลก ที่คนสอง สามล้านคนมาชุมนุม ที่เห็นจริงว่ามาจากคนชั้นกลาง จำนวนหนึ่ง ที่อยู่ในกรุงเทพ กับคนต่างจังหวัดจำนวนหนึ่งที่ไหลเข้ามา
ระดับม๊อบล้านทำอะไรรัฐบาลที่ครองอำนาจอยู่ในขณะนั้นไม่ได้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เฉย ไม่สนใจ สื่อสารมาถึงตอนนี้เพื่อจะให้เห็นว่าม๊อบนั้นไล่รัฐบาลไม่ได้ สิ่งที่จะต้องคิดคืออะไร? ความรู้สึกของคนที่ชุมนุมอยู่ในม๊อบกปปส.นั้น รอให้ทหารมายึดอำนาจ ไม่ใช่ว่าม๊อบไปไหว แต่คนออกมากที่สุด แต่รัฐบาลยังไม่ไป แสดงว่าม๊อบกดดันรัฐบาลไม่ได้
ต่อมานายสนธิญาณกล่าวถึง.. ข้อเท็จจริงที่ไม่เคยถูกเปิดเผย เป็นข้อเท็จจริงที่จะได้รู้จักนายสุเทพ เทือกสุบรรณให้ดีขึ้น รู้จักพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ดีขึ้น และจะได้เข้าใจสถานการณ์การเมืองที่แท้จริงว่าช่วงนั้นเกิดอะไรขึ้น และจะเข้าใจสถานการณ์การเมืองที่แท้จริงว่าช่วงนั้นเกิดอะไรขึ้น ซึ่งจะได้เห็นว่านายนคร มั่ว! ยกตัวอย่างหนึ่งเหตุการณ์
ภายหลังการชุมนุมกปปส. กองทัพโดยพล.อ.ประยุทธ์ พยายามอย่างยิ่ง ที่จะทำให้สถานการณ์ไปได้ด้วยดี อยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ซึ่งตนถึงบอกว่าคนที่มาด่าคนอื่นว่าเป็นเผด็จการ แต่พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนที่มีจิตใจเป็นประชาธิปไตยสูงกว่าคนออกมาสร้างวาทกรรมเหล่านั้น โดยพยายามประสานแล้วไม่สำเร็จ
วันหนึ่งขณะที่มีการชุมนุมของกลุ่มกปปส. เพื่อขับไล่รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ กองทัพ ได้ส่งคนไปรับ แกนนำกปปส.จากเวทีศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ประกอบไปด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายถาวร เสนเนียม และเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ และตน รวมทั้งหมด 4 คน นั่งรถทหารเดินทางมายังกรมทหารราบที่ 1
เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ได้แยกออกเป็น2 ห้อง ห้องแรกพานายสุเทพไป ซึ่งในดังกล่าวประกอบไปด้วย นายสุเทพ , พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และคาดว่าน่าจะมีผู้บัญชาการเหล่าทัพอื่นๆ รวมไปถึงผู้บัญชาการทหารสูงสุด
ส่วนอีกห้องหนึ่ง ประกอบไปด้วย ทหารระดับแม่ทัพ ทหารฝ่ายเสนาธิการ และระดับปฏิบัติการ ได้เชิญตน ,นายถาวร และนายเอกนัฏ พูดคุยแลกเปลี่ยนสถานการณ์
เมื่อคุยเสร็จทหารก็ได้พาทั้ง4คนกลับมาส่งที่ม๊อบ โดยนายสนธิญาณกล่าวว่า นายสุเทพได้เล่าให้ฟังว่า “ไม่สำเร็จ” โดยกองทัพอยากให้บ้านเมืองไปต่อ ไม่อยากยึดอำนาจ เป็นการเชิญมาคุยเพื่อหาทางออก โดยที่กองทัพไม่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยว โดยนายสนธิญาณกล่าวว่า ทางด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ รัฐบาลขณะนั้น ไม่เอาอย่างเดียว ต้องเป็นประชาธิปไตย และต้องการเดินหน้ากฎหมายนิรโทษกรรม
การที่ตนนำเรื่องนี้มาเปิดเผยให้ฟัง เพราะต้องการจะสื่อสารว่า หากเขาจะคบคิดแล้วจะเรียกมาพูดคุยกันทำไม ?? ซึ่งนี้เป็นข้อเท็จจริง การพูดคุยที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องลับ และถูกนำมาเปิดเผยภายหลัง ซึ่งตนก็ไม่อยู่ในเหตุการณ์จริง และเห็นเจตนาว่าสิ่งที่กองทัพและทหารพยายามจะทำเพราะอยากให้บ้านเมืองไปต่อ ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็คิดเพียงอย่างเดียวว่าจะนำตัวนายทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศก่อน
เมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วใครจะไปคบคิดกับใคร??
เรียบเรียงโดย : วิลาสินี แววคุ้ม
มีคลิป http://www.tpolitic.com/contents/af/4921%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3