เนื่องจากดิฉันได้สูญเสียสุนัขที่รักของคุณแม่ ที่พวกเราในครอบครัวซื้อให้ท่านเป็นของของขวัญวันแม่ เมื่อหลายปีก่อน (17 ปีที่แล้ว เท่ากับอายุของน้องหมาที่จากไปค่ะ) สุนัขก่อนหน้าที่จะเสียชีวิต มีอาการผิดปกติเมื่อต้นเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา เท่าที่ได้หาข้อมูล คิดว่าสุนัขเริ่มเข้าสู่สภาวะความจำเสื่อม ซึ่งก่อนหน้านี้ มีบ้างแต่นะคะ แต่เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงในการคิด การเดินของเค้าในชีวิตประจำวัน ที่ช้าและคิดนานขึ้นค่ะ ผ่านมาจากวันนั้น 1 อาทิตย์ ไม่ทานข้าว แต่ยังทานอาหาร ทานนม ทานน้ำ ซึ่งเป็นแบบนี้มาได้3-4วัน ร่างกายผอมลงอย่างมาก และได้พาน้องหมาให้น้ำเกลือทุกวันค่ะ (มีช่วงอาทิตย์นึง ที่ให้น้ำเกลือ และหยุดไป 2-3 วัน เพราะทานอาหารได้มากขึ้นกว่าเดิม มีแรงมากขึ้นค่ะ) ผ่านช่วงวันนี้ไป ก็ให้น้ำเกลือทุกวัน จนกระทั่งช่วงที่หยุดยาว วันเข้าพรรษาที่หยุดหลายวัน น้องไม่ได้ให้น้ำเกลือเพราะคุณหมอเดินทางไปต่างจังหวัด และน้องหมาเองก็ทานได้ตามปกติ มีแรงเดินตลอดแต่ต้องคอยพยุงตัวเค้าลุกนะคะ จนคุณหมอกลับมาจากต่างจังหวัด ได้ให้น้ำเกลือเหมือนที่ผ่าน เพราะในวันที่คุณหมอเดินทางกลับ เค้าไม่มีแรง แต่ก็ยังทานและเดินได้อยู่ค่ะ จนมาเมื่อ วันที่ 3 ส.ค. ที่ผ่านมา คุณแม่สังเกตเห็นว่าน้องหมาหายใจถี่ขึ้นกว่าปกติ ดิฉันจึงบอกให้คุณแม่พาน้องหมาไปหาหมอที่อื่น ที่ไม่ใช่คุณหมอที่ให้น้ำเกลือน้องทุกวัน (เพราะคลินิคเปิดตอนเย็น) ช่วงเวลาที่กำลังเตรียมตัวอยู่ คุณหมอกลับมาเร็วค่ะ เลยพาน้องำปให้น้ำเกลือ แต่คุณหมอบอกว่า ให้พาน้องไปให้น้ำเกลือที่อื่น เนื่องจากที่นั้นไม่มีอุปกรณ์ในการให้น้ำเกลือเข้าเส้นเลือด หลังจากนั้นดิฉันและคุณหมา พาน้องหมาไปหาหมออีกที่หนึ่งค่ะ เมื่อไปถึงคุณหมอฟังหัวใจน้อง และบอกว่าน้องมีอาการหัวใจรั่ว และเมื่อวัดไข้ คุณหมอบอกว่าอุณหภูมิต่ำ (ใช่ค่ะ ดิฉันได้ยินคำนี้ รู้แล้วว่าน้องคงอยู่ได้ไม่นาน แต่คุณหมอท่านก็เกริ่นมานะคะว่า น้องอายุมากแล้ว ก็เป็นไปตามอายุขัย จะให้แอดมิท(ซึ่งคุณหมอบอกว่าน้องอายุมาก หากให้อยู่ที่นี่กลัวว่าจะไม่ทันได้ดูใจน้อง)หรือจะให้ ตรวจเลือด ผลทุกอย่างออกมาก็ไม่ดีไปหมด และหมอให้พาน้องกลับบ้าน ซึ่งคุณหมอได้ให้น้ำเกลือ ฉีดยาบำรุงสมอง และยาบำรุงให้ค่ะ หลังจากกลับบ้านสักพัก ดิฉันสังเกตเห็นว่า ลิ้นของน้องหมามีสีแดงดีขึ้นกว่าตอนที่ก่อนจะให้น้ำเกลือค่ะ และพยายามป้อนอาหารกระป๋องทางสลิง เพื่อหวังว่าน้องหมาจะมีแรงมากขึ้น ซึ่งก็ต้องออกแกมบังคับค่ะ แต่ป้อนๆไป เค้าก็ทานนะคะ ประมาณ 4-5 สลิง ได้ หลังจากที่ทานไปประมาณ ชม.นึง อยู่น้องหมาก็ไม่มีแรงแล้วเค้าก็ค่อยๆนอนค่ะ นอนๆอยู่สักพัก เค้าก็ร้องโวยวาย (ตอนนั้น ดิฉันคิดว่าเป็นเพราะอาการไม่ดี ร่างกายกำลังปรับสภาพหรือรับไม่ทัน ที่จากสุนัขที่เดินได้ ต้องเป็นสุนัขติดที่นอน ก็ได้แต่นอนปลอบเค้าไป พูดคุยกับเค้าว่า ไม่เป็นไรนะ พี่กับแม่ของหนู ทุกคนในบ้านจะดูแลหนู ไม่ทิ้งหนูไปไหน ) ก็พูดคุยกับเค้า ปลอบเค้าไปแบบนี้สักพักค่ะ จนเวลาผ่านมา คุณแม่จะประคองน้องทานน้ำ แต่น้องไม่รับอะไรแล้ว ดิฉันจึงต้องเข้มแข็ง ไม่ร้องไห้ บอกว่าน้องคงไม่ไหวแล้ว และเราทุกคน อยู่กับเค้า พูดคุยกับเค้า มีบ้างนะคะที่เค้าเห่า (ซึ่งดิฉันไม่รู้ว่า ที่เค้าเห่า เพราะพูดคุยกับเรา หรือเพราะเค้าเจ็บปวด) และน้องก็จากไปอย่างสงบค่ะ คุณแม่ถามดิฉันขึ้นมาคำหนึ่ง ว่า เราพาน้องไป(พาน้องไปตายหรือป่าว) เป็นคำถามที่ดิฉันอึ้งไปชั่วขณะ และได้แต่ตำหนิตัวเองในใจ แต่ดิฉันก็ต้องบอกคุณแม่ไปว่า ไม่ใช่หรอกแม่ เราพาน้องไปเพราะน้องไม่สบาย ไม่มีแรง เราพาไปเพราะให้น้องได้น้ำเกลือ เพื่อที่น้องจะได้มีแรง ทานอาหารได้ เหมือนทุกทีที่เราพาน้องไป และอีกอย่างหนึ่งคุณหมอคงทราบว่าน้องไม่ไหว เลยฉีดยาให้น้องเพื่อบรรเทาความเจ็บ และให้น้องจากไปอย่างไม่ทรมานมาก ซึ่งไม่ว่าจะอย่างไร เรารักและหวังดีกับน้องหมา ดิฉันทำถูกหรือป่าวคะ ส่วนตัวดิฉันและครอบครัวไม่เคยได้จากน้องหมาด้วยการหมดอายุขัย น้องหมาตัวอื่นเสียไปด้วยโรค เลยไม่ทราบว่า อาการต่างๆเหล่านี้ เป็นโรคชรา หรือดิฉันควรทำอย่างไร เมื่อน้องหมาถึงเวลาและจากไปเพราะอายุมาก (เป็นโรคชรา)
ขอความเห็น และคำแนะนำในการดูแลสุนัขที่อายุมาก