“จะทนไม่ไหวแล้ว พอแล้ววว เมื่อไรจะเช้า…”
ในหัวผมจำได้แค่นั้น ประโยคซ้ำๆที่วนเวียนอยู่ 3 ชั่วโมง บนยอดภูเขาไฟที่สูงที่สุดของญี่ปุ่น
ผมมีแค่ลองจอนแขนยาวกับเสื้อกันฝน 1 ตัว
ขอบคุณอะไรก็ตาม ที่ทำให้รอดจากจุดนั้นมาได้และทำสิ่งที่ตั้งใจได้สำเร็จ
รีวิวนี้ผมขอยกให้เป็นกระทู้การพาตัวเองไปเหนื่อยและอันตรายที่สุดในชีวิต มีหลายอย่างเกิดขึ้นระหว่างทริปนี้ ทั้งสิ่งที่อธิบายไม่ได้ บทเรียนจากความประมาทของตัวเอง ความสวยงามสุดจะบรรยาย กับการพิชิตภูเขาไฟฟูจิ
ข้อมูล ณ วันที่เขียน( 7 Aug 2018) ยังพอมีเวลาก่อนที่จะปิดให้ปีนในต้นเดือนกันยายน หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับนักผจญภัยมือใหม่หรือใครก็ตามที่อยากตามรอยไม่มากก็น้อย จะพยายามลงรายละเอียดให้ได้มากที่สุด ภาพถ่ายทั้งหมดมาจากไอโฟน ช่วงที่แสงน้อยอาจมีเบลอไปบ้างต้องขออภัยครับ
รายละเอียดของทริปนี้และค่าใช้จ่าย 18 – 23 Jul 2018 ( 5 คืน 5 วัน )
18 Jul : BKK-NRT 00.30-08.30 ANA Flight NH808 B787-9
19-20 Jul : Mt.Fuji Summit (Yoshida Trail) *ไม่พักบนเขา
21 Jul : HND-HKD 12.35-13.55 ANA Flight NH555 A321
22 Jul : Hakodate
23 Jul : HKD-NRT 11.15-12.50 Vanilla Flight 954 A321 / NRT-BKK 17.30-21.40 ANA Flight NH807 B787-9
ค่าตั๋วเครื่องบิน ANA ไป-กลับญี่ปุ่น ชั้นประหยัด ราคา 17,217 THB
ค่าตั๋วเครื่องบิน ANA Haneda(HND) ไป Hakodate(HKD) ราคา 10,000 JPY
ค่าตั๋วเครื่องบิน Vanilla Air Hakodate(HKD) ไป Narita(NRT) ราคา 9,960 JPY
ค่าที่พักแคปซูล Tokyo Ginza BAY HOTEL 3 คืน ราคา 9,528 JPY
ค่าที่พัก Smile Hotel Hakodate 2 คืน ราคา 16,000 JPY
ค่ารถบัสไป-กลับฟูจิชั้น5 ราคา 5,400 JPY
แลกเงินไป 50,000 JPY(เรท 0.30)
เบ็ดเสร็จค่าใช้จ่ายสำหรับทริปนี้ประมาณ 50,000 บาท(ไม่รวมค่าอุปกรณ์ปีนเขา ซื้อจากไทย)
18 Jul 18 : Bangkok – Tokyo(NRT)
สำหรับการเดินทางครั้งนี้ผมมีเวลาเตรียมตัวค่อนข้างนาน จังหวะเปิดไปเจอโปรของANAช่วงต้นปี ไป-กลับโตเกียวถูกสุด 16,715 บาท ส่วนตัวไม่เคยบินANAมาก่อน ด้วยราคา ณ ตอนนั้น+สายการบินอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ก็ทำให้ตัดสินใจไม่ยาก
*จองผ่าน HIS ราคายังไม่รวมค่าธรรมเนียมตัดบัตรอีก 502 บาท
*เคาน์เตอร์ANA สนามบินสุวรรณภูมิอยู่ ROW L
Gate C9 เครื่องมารอเรียบร้อย ปัจจุบันเส้นทางบินมาไทยของANAจะใช้เครื่อง B787 ทั้งหมด ยกเว้นโค้ดแชร์ร่วมกับ TG ที่อาจใช้เครื่องรุ่นอื่น สามารถเข้าไปดูในเว็ปของANA

Seat 25A

ฟ้าเริ่มสว่าง(ประมาณตีห้าบ้านเรา) แอร์ก็จะเอาเมนูมาให้เลือกครับ

แนะนำว่าถ้าในเมนูมีไก่ทอดในซอสน้ำส้มสายชู โปรดเลือกอันอื่นเถอะ555
ถึงนาริตะเทอมินอล 1 เก้าโมงกว่า เพราะดีเลย์จากสุวรรณภูมิเมื่อคืน(เครื่องรอเทคออฟเยอะมากกก)
ตราตรวจคนเข้าเมืองลายใหม่ สวยขึ้น
เลือกเดินทางเข้าเมืองด้วย Keisei Skyliner(One way) + Subway 24-hour ทั้งชุดราคา 2,800 เยน หรือใครสะดวกแบบไหนก็เลือกตามความเหมาะสมได้เลยครับ

ขบวน Skyliner จะมาสิ้นสุดที่สถานี UENO ใช้เวลาประมาณ 40 นาที จากนั้นเราก็นั่งใต้ดินสายสีเหลือง Ginza Line(G16) ไปลงสถานี Shimbashi(G08) แล้วค่อยเดินไปโรงแรมอีกประมาณ 600 เมตร ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีครับ
อีกเหตุผลหนึ่งที่เลือกพักแถวชิมบาชิก็เพราะร้านนี้
"BUTA DAIGAKU"
เป็นร้านข้าวหมูย่างเจ้าดัง เปิดมานาน และอีกหนึ่งความพิเศษคือเมนูข้าวหมูย่างไซส์ใหญ่พิเศษ! ทางร้านจะมีให้เลือกอยู่ 3 ขนาด ปกติ 650 เยน/ใหญ่ 810 เยน/ใหญ่พิเศษ 1,020 เยน
โลเคชั่นร้าน
https://goo.gl/maps/4a7tCmGkHht


กดจ่ายเงินที่ตู้แล้วเอาบัตรไปยื่นพนักงาน ตอนนี้ทางร้านยังไม่มีเมนูภาษาอังกฤษ ก็จิ้มตามภาพเอาครับ


ในร้านไม่มีโต๊ะ มีแต่บาร์


เนื้อหมูติดมันย่างไฟหอมๆ หั่นพอดีคำ ราดซอสหวานๆเค็มๆ ไม่เหนียวสักนิด อร่อยมากกกก แนะนำว่าใครที่ผ่านมาแถวสถานีShimbashi ต้องลอง!

ชามนี้เป็นไซส์ใหญ่พิเศษ ผมมากินที่ร้านขากลับจากปีนฟูจิ หิวโฮกกกก
Tokyo Ginza BAY HOTEL
ส่วนใหญ่ที่พักแบบแคปซูลจะเปิดให้เช็คอินตั้งแต่บ่ายจนถึงเย็น(ที่นี่เปิด 4 โมง) ฝากกระเป๋า ออกไปเดินเล่นอะกิบะแล้วค่อยกลับมาใหม่ สำหรับข้อดีของที่นี่คือราคาไม่แพง สะอาด แยกชายหญิง ติดร้านมินิมาร์ท เดินทางสะดวกเพราะโรงแรมอยู่ระหว่างสถานีShimbashi กับ สถานีHigashi-ginza มีรถไฟใต้ดินผ่าน 3 สาย สายสีเหลือง(G)Ginza Line , สีเทา(H)Hibiya Line , สีชมพู(A)Asakusa Line และ JR Yamanote Line Shimbashi แถมใกล้ตลาดปลาTsukiji จะเดินไปกินSushi Dai(แบบผม) ก็ใช้เวลาแค่ 12 นาที(ประมาณ 1 กิโล) คุ้มสุดๆ ส่วนรายละเอียดที่พักจะรีวิวแยกอีกส่วนนะครับ เสร็จแล้วจะแปะลิงค์ไว้อีกที
โลเคชั่นที่พัก
https://goo.gl/maps/n68uVbU7zGp


หน้าโรงแรมมีออนเซ็นให้แช่เท้าฟรี ไม่ได้จำกัดเฉพาะคนที่เข้าพัก แต่เป็นใครก็ได้(น้ำใจงาม) เดินช้อปผ่านมาเมื่อยๆก็แว้ปลงไปจุ่มได้เลย ใครกลัวเท้าไม่แห้งเขาก็มีตู้กดผ้าขนหนู ราคาประมาณ 300 เยน

19 Jul : 02.00 am : Sushi Dai
เนื่องจากจองรถบัสไว้รอบเที่ยงครึ่ง เวลาน่าจะพอ เลยขออัพเดทเผื่อใครจะมาทานว่า
"ตื่นหกโมงเถอะ" ร้านเปิดตีห้า วันธรรมดาคิวไม่ยาว มาร้านหกโมง รอแค่ครึ่งชม.ก็ได้เข้าครับ

นึกว่าตัวเองบ้าอยู่คนเดียวมาถึงร้านตีสองครึ่ง


หมดคำที่ 12 พร้อมจ่ายค่าเสียหายไป 4,000 เยน เดินออกจากร้านงงๆกับคำถามในหัวว่า..ลิ้นเราไม่ถึง? หรือเพราะว่าเป็นช่วงหน้าร้อน555 ไม่ได้ว่าแย่นะครับ แต่กลับรู้สึกเฉยๆ ไม่ว้าวแบบที่คิด ส่วนเรื่องความสดของปลาอันนี้ยอมใจ ผมกินปลาทูสดๆได้ดดยที่ไม่อ็อคก็โอเคแล้วละ +เชฟน่ารัก เป็นกันเองมากกก
ทานเสร็จเกือบหกโมงเช้าเดินกลับโรงแรม อาบน้ำ เตรียมอุปกรณ์ ฝากกระเป๋า(ที่พักแบบโฮสเทลหรือแคปซูล ถ้าตัวไม่ได้นอนแนะนำให้ฝากกระเป๋าไว้ที่ฟร้อนจะดีกว่าครับ) จากที่พักเราเดินไปขึ้น JR Yamanote Line สถานีShimbashi ไป Shinjuku ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
สถานีรถบัสจะอยู่ชั้น 4 ในตึกNEWoMan ตรงข้ามทางเข้าหลักสถานีJR Shinjuku ใครหาทางออกไม่เจอแนะนำว่าขึ้นด้านบนก่อนแล้วเปิดกูเกิ้ลแมพ

แยกแรกซ้ายมือจากตึกสถานีรถบัส จะมีร้าน McDonald's มีที่ให้นั่งทาน ใครมองหาเสบียงไปปีนฟูจิแต่เบื่ออาหารมินิมารท์บนสถานี เบอร์เกอร์เป็นตัวเลือกโอเคครับ ให้พลังงาน ราคาไม่แพง ชิ้นหนึ่งไม่ถึง 400 เยน
โลเคชั่นร้าน
https://goo.gl/maps/smfTmVzosqL2

สำหรับใครที่ซื้อตั๋วล่วงหน้า ก็ปริ้นใบคอนเฟิร์มมายื่นให้คนขับตอนขึ้นรถได้เลย ปัจจุบันถ้าต้องการจองผ่านเว็ป จะต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อตั๋วทันที ราคาจากสถานีShinjuku ไป Mt.Fuji 5 Station ผู้ใหญ่ 2,700 เยน เด็ก 1,350 เยน ส่วนที่ยอดฮิตอย่าง Lake Kawaguchiko ผู้ใหญ่ราคา 1,750 เยน เด็ก 880 เยน
*ควรถึงจุดขึ้นรถ 10 นาที ก่อนเวลารถออก ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงครึ่ง
ลิงค์จองตั๋ว
https://highway-buses.jp/course/fuji-5th.php




ทะเลหมอกสวยๆระหว่างทาง
14.40 Mt.Fuji 5 Station Subaru Line
คนเพียบ โดยเฉพาะทัวร์จีน เกาหลี รถบัสทุกสายจะมาจอดที่จุดจำหน่ายตั๋วติดกับร้าน UNJYO-KAKU จะมาจะไปขึ้นลงที่เดียวกัน



มุมเช็คอินยอดนิยม

เอิ่มมม คุณฟูจิไม่มีหมวก สวยแบบแปลกๆ - -'
ไม้ Trekking Pole อุปกรณ์สำคัญสำหรับนักปีนเขามือใหม่ ถ้าใครไม่ได้ปีนเขาประจำแบบที่มีไม้เทรคกิ้งดีๆ พับได้ แล้วกังวลว่าจะเอากลับไทยได้มั๊ย แทบจะทุกทางสายการบินของญี่ปุ่นอนุญาตให้โหลดได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ(Over size) มี 3 ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ชอบแบบไหนก็ตามสะดวก แต่ละร้านราคาต่างกันไม่เท่าไร ผมซื้อของศาลเจ้า Komitake Shrine ราคา 1,200 เยน จะติดสติ๊กเกอร์และปั้มตราประทับจุดเริ่มต้นบนสถานีที่ 5 ให้ด้วย(บางร้านเป็นไม้พลองเปล่าๆ)
บริเวณทางเข้าจะมีเต็นท์จนท.ยืนขอความร่วมมือให้ชำระค่าธรรมเนียมการปีนฟูจิ สำหรับดูแลรักษาอุทยานฯและปรับปรุงเส้นทาง ราคา 1,000 เยน จ่ายเงินแล้วเราก็จะได้คู่มือเล่มสีเหลือง ใบเสร็จรับเงินที่ระลึกระบุวันที่ปีน+เครื่องรางไม้(จนท.ให้ผูกติดไว้ที่ไหล่หรือเป้ God Bless) อีกนัยคือเอาไว้ตรวจสอบว่าเราชำระค่าธรรมเนียมเรียบร้อย
[CR] เมื่อผมออกตามหา “โกไรโกะ” Mt.Fuji Summit 2018
“จะทนไม่ไหวแล้ว พอแล้ววว เมื่อไรจะเช้า…”
ในหัวผมจำได้แค่นั้น ประโยคซ้ำๆที่วนเวียนอยู่ 3 ชั่วโมง บนยอดภูเขาไฟที่สูงที่สุดของญี่ปุ่น
ผมมีแค่ลองจอนแขนยาวกับเสื้อกันฝน 1 ตัว
ขอบคุณอะไรก็ตาม ที่ทำให้รอดจากจุดนั้นมาได้และทำสิ่งที่ตั้งใจได้สำเร็จ
รีวิวนี้ผมขอยกให้เป็นกระทู้การพาตัวเองไปเหนื่อยและอันตรายที่สุดในชีวิต มีหลายอย่างเกิดขึ้นระหว่างทริปนี้ ทั้งสิ่งที่อธิบายไม่ได้ บทเรียนจากความประมาทของตัวเอง ความสวยงามสุดจะบรรยาย กับการพิชิตภูเขาไฟฟูจิ
ข้อมูล ณ วันที่เขียน( 7 Aug 2018) ยังพอมีเวลาก่อนที่จะปิดให้ปีนในต้นเดือนกันยายน หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับนักผจญภัยมือใหม่หรือใครก็ตามที่อยากตามรอยไม่มากก็น้อย จะพยายามลงรายละเอียดให้ได้มากที่สุด ภาพถ่ายทั้งหมดมาจากไอโฟน ช่วงที่แสงน้อยอาจมีเบลอไปบ้างต้องขออภัยครับ
รายละเอียดของทริปนี้และค่าใช้จ่าย 18 – 23 Jul 2018 ( 5 คืน 5 วัน )
18 Jul : BKK-NRT 00.30-08.30 ANA Flight NH808 B787-9
19-20 Jul : Mt.Fuji Summit (Yoshida Trail) *ไม่พักบนเขา
21 Jul : HND-HKD 12.35-13.55 ANA Flight NH555 A321
22 Jul : Hakodate
23 Jul : HKD-NRT 11.15-12.50 Vanilla Flight 954 A321 / NRT-BKK 17.30-21.40 ANA Flight NH807 B787-9
ค่าตั๋วเครื่องบิน ANA ไป-กลับญี่ปุ่น ชั้นประหยัด ราคา 17,217 THB
ค่าตั๋วเครื่องบิน ANA Haneda(HND) ไป Hakodate(HKD) ราคา 10,000 JPY
ค่าตั๋วเครื่องบิน Vanilla Air Hakodate(HKD) ไป Narita(NRT) ราคา 9,960 JPY
ค่าที่พักแคปซูล Tokyo Ginza BAY HOTEL 3 คืน ราคา 9,528 JPY
ค่าที่พัก Smile Hotel Hakodate 2 คืน ราคา 16,000 JPY
ค่ารถบัสไป-กลับฟูจิชั้น5 ราคา 5,400 JPY
แลกเงินไป 50,000 JPY(เรท 0.30)
เบ็ดเสร็จค่าใช้จ่ายสำหรับทริปนี้ประมาณ 50,000 บาท(ไม่รวมค่าอุปกรณ์ปีนเขา ซื้อจากไทย)
18 Jul 18 : Bangkok – Tokyo(NRT)
สำหรับการเดินทางครั้งนี้ผมมีเวลาเตรียมตัวค่อนข้างนาน จังหวะเปิดไปเจอโปรของANAช่วงต้นปี ไป-กลับโตเกียวถูกสุด 16,715 บาท ส่วนตัวไม่เคยบินANAมาก่อน ด้วยราคา ณ ตอนนั้น+สายการบินอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ก็ทำให้ตัดสินใจไม่ยาก
*จองผ่าน HIS ราคายังไม่รวมค่าธรรมเนียมตัดบัตรอีก 502 บาท
*เคาน์เตอร์ANA สนามบินสุวรรณภูมิอยู่ ROW L
Gate C9 เครื่องมารอเรียบร้อย ปัจจุบันเส้นทางบินมาไทยของANAจะใช้เครื่อง B787 ทั้งหมด ยกเว้นโค้ดแชร์ร่วมกับ TG ที่อาจใช้เครื่องรุ่นอื่น สามารถเข้าไปดูในเว็ปของANA
Seat 25A
ฟ้าเริ่มสว่าง(ประมาณตีห้าบ้านเรา) แอร์ก็จะเอาเมนูมาให้เลือกครับ
แนะนำว่าถ้าในเมนูมีไก่ทอดในซอสน้ำส้มสายชู โปรดเลือกอันอื่นเถอะ555
ถึงนาริตะเทอมินอล 1 เก้าโมงกว่า เพราะดีเลย์จากสุวรรณภูมิเมื่อคืน(เครื่องรอเทคออฟเยอะมากกก)
ตราตรวจคนเข้าเมืองลายใหม่ สวยขึ้น
เลือกเดินทางเข้าเมืองด้วย Keisei Skyliner(One way) + Subway 24-hour ทั้งชุดราคา 2,800 เยน หรือใครสะดวกแบบไหนก็เลือกตามความเหมาะสมได้เลยครับ
ขบวน Skyliner จะมาสิ้นสุดที่สถานี UENO ใช้เวลาประมาณ 40 นาที จากนั้นเราก็นั่งใต้ดินสายสีเหลือง Ginza Line(G16) ไปลงสถานี Shimbashi(G08) แล้วค่อยเดินไปโรงแรมอีกประมาณ 600 เมตร ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีครับ
อีกเหตุผลหนึ่งที่เลือกพักแถวชิมบาชิก็เพราะร้านนี้ "BUTA DAIGAKU"
เป็นร้านข้าวหมูย่างเจ้าดัง เปิดมานาน และอีกหนึ่งความพิเศษคือเมนูข้าวหมูย่างไซส์ใหญ่พิเศษ! ทางร้านจะมีให้เลือกอยู่ 3 ขนาด ปกติ 650 เยน/ใหญ่ 810 เยน/ใหญ่พิเศษ 1,020 เยน
โลเคชั่นร้าน https://goo.gl/maps/4a7tCmGkHht
กดจ่ายเงินที่ตู้แล้วเอาบัตรไปยื่นพนักงาน ตอนนี้ทางร้านยังไม่มีเมนูภาษาอังกฤษ ก็จิ้มตามภาพเอาครับ
ในร้านไม่มีโต๊ะ มีแต่บาร์
เนื้อหมูติดมันย่างไฟหอมๆ หั่นพอดีคำ ราดซอสหวานๆเค็มๆ ไม่เหนียวสักนิด อร่อยมากกกก แนะนำว่าใครที่ผ่านมาแถวสถานีShimbashi ต้องลอง!
ชามนี้เป็นไซส์ใหญ่พิเศษ ผมมากินที่ร้านขากลับจากปีนฟูจิ หิวโฮกกกก
Tokyo Ginza BAY HOTEL
ส่วนใหญ่ที่พักแบบแคปซูลจะเปิดให้เช็คอินตั้งแต่บ่ายจนถึงเย็น(ที่นี่เปิด 4 โมง) ฝากกระเป๋า ออกไปเดินเล่นอะกิบะแล้วค่อยกลับมาใหม่ สำหรับข้อดีของที่นี่คือราคาไม่แพง สะอาด แยกชายหญิง ติดร้านมินิมาร์ท เดินทางสะดวกเพราะโรงแรมอยู่ระหว่างสถานีShimbashi กับ สถานีHigashi-ginza มีรถไฟใต้ดินผ่าน 3 สาย สายสีเหลือง(G)Ginza Line , สีเทา(H)Hibiya Line , สีชมพู(A)Asakusa Line และ JR Yamanote Line Shimbashi แถมใกล้ตลาดปลาTsukiji จะเดินไปกินSushi Dai(แบบผม) ก็ใช้เวลาแค่ 12 นาที(ประมาณ 1 กิโล) คุ้มสุดๆ ส่วนรายละเอียดที่พักจะรีวิวแยกอีกส่วนนะครับ เสร็จแล้วจะแปะลิงค์ไว้อีกที
โลเคชั่นที่พัก https://goo.gl/maps/n68uVbU7zGp
หน้าโรงแรมมีออนเซ็นให้แช่เท้าฟรี ไม่ได้จำกัดเฉพาะคนที่เข้าพัก แต่เป็นใครก็ได้(น้ำใจงาม) เดินช้อปผ่านมาเมื่อยๆก็แว้ปลงไปจุ่มได้เลย ใครกลัวเท้าไม่แห้งเขาก็มีตู้กดผ้าขนหนู ราคาประมาณ 300 เยน
19 Jul : 02.00 am : Sushi Dai
เนื่องจากจองรถบัสไว้รอบเที่ยงครึ่ง เวลาน่าจะพอ เลยขออัพเดทเผื่อใครจะมาทานว่า "ตื่นหกโมงเถอะ" ร้านเปิดตีห้า วันธรรมดาคิวไม่ยาว มาร้านหกโมง รอแค่ครึ่งชม.ก็ได้เข้าครับ
นึกว่าตัวเองบ้าอยู่คนเดียวมาถึงร้านตีสองครึ่ง
หมดคำที่ 12 พร้อมจ่ายค่าเสียหายไป 4,000 เยน เดินออกจากร้านงงๆกับคำถามในหัวว่า..ลิ้นเราไม่ถึง? หรือเพราะว่าเป็นช่วงหน้าร้อน555 ไม่ได้ว่าแย่นะครับ แต่กลับรู้สึกเฉยๆ ไม่ว้าวแบบที่คิด ส่วนเรื่องความสดของปลาอันนี้ยอมใจ ผมกินปลาทูสดๆได้ดดยที่ไม่อ็อคก็โอเคแล้วละ +เชฟน่ารัก เป็นกันเองมากกก
ทานเสร็จเกือบหกโมงเช้าเดินกลับโรงแรม อาบน้ำ เตรียมอุปกรณ์ ฝากกระเป๋า(ที่พักแบบโฮสเทลหรือแคปซูล ถ้าตัวไม่ได้นอนแนะนำให้ฝากกระเป๋าไว้ที่ฟร้อนจะดีกว่าครับ) จากที่พักเราเดินไปขึ้น JR Yamanote Line สถานีShimbashi ไป Shinjuku ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
สถานีรถบัสจะอยู่ชั้น 4 ในตึกNEWoMan ตรงข้ามทางเข้าหลักสถานีJR Shinjuku ใครหาทางออกไม่เจอแนะนำว่าขึ้นด้านบนก่อนแล้วเปิดกูเกิ้ลแมพ
แยกแรกซ้ายมือจากตึกสถานีรถบัส จะมีร้าน McDonald's มีที่ให้นั่งทาน ใครมองหาเสบียงไปปีนฟูจิแต่เบื่ออาหารมินิมารท์บนสถานี เบอร์เกอร์เป็นตัวเลือกโอเคครับ ให้พลังงาน ราคาไม่แพง ชิ้นหนึ่งไม่ถึง 400 เยน
โลเคชั่นร้าน https://goo.gl/maps/smfTmVzosqL2
สำหรับใครที่ซื้อตั๋วล่วงหน้า ก็ปริ้นใบคอนเฟิร์มมายื่นให้คนขับตอนขึ้นรถได้เลย ปัจจุบันถ้าต้องการจองผ่านเว็ป จะต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อตั๋วทันที ราคาจากสถานีShinjuku ไป Mt.Fuji 5 Station ผู้ใหญ่ 2,700 เยน เด็ก 1,350 เยน ส่วนที่ยอดฮิตอย่าง Lake Kawaguchiko ผู้ใหญ่ราคา 1,750 เยน เด็ก 880 เยน
*ควรถึงจุดขึ้นรถ 10 นาที ก่อนเวลารถออก ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงครึ่ง
ลิงค์จองตั๋ว https://highway-buses.jp/course/fuji-5th.php
ทะเลหมอกสวยๆระหว่างทาง
14.40 Mt.Fuji 5 Station Subaru Line
คนเพียบ โดยเฉพาะทัวร์จีน เกาหลี รถบัสทุกสายจะมาจอดที่จุดจำหน่ายตั๋วติดกับร้าน UNJYO-KAKU จะมาจะไปขึ้นลงที่เดียวกัน
มุมเช็คอินยอดนิยม
เอิ่มมม คุณฟูจิไม่มีหมวก สวยแบบแปลกๆ - -'
ไม้ Trekking Pole อุปกรณ์สำคัญสำหรับนักปีนเขามือใหม่ ถ้าใครไม่ได้ปีนเขาประจำแบบที่มีไม้เทรคกิ้งดีๆ พับได้ แล้วกังวลว่าจะเอากลับไทยได้มั๊ย แทบจะทุกทางสายการบินของญี่ปุ่นอนุญาตให้โหลดได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ(Over size) มี 3 ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ชอบแบบไหนก็ตามสะดวก แต่ละร้านราคาต่างกันไม่เท่าไร ผมซื้อของศาลเจ้า Komitake Shrine ราคา 1,200 เยน จะติดสติ๊กเกอร์และปั้มตราประทับจุดเริ่มต้นบนสถานีที่ 5 ให้ด้วย(บางร้านเป็นไม้พลองเปล่าๆ)
บริเวณทางเข้าจะมีเต็นท์จนท.ยืนขอความร่วมมือให้ชำระค่าธรรมเนียมการปีนฟูจิ สำหรับดูแลรักษาอุทยานฯและปรับปรุงเส้นทาง ราคา 1,000 เยน จ่ายเงินแล้วเราก็จะได้คู่มือเล่มสีเหลือง ใบเสร็จรับเงินที่ระลึกระบุวันที่ปีน+เครื่องรางไม้(จนท.ให้ผูกติดไว้ที่ไหล่หรือเป้ God Bless) อีกนัยคือเอาไว้ตรวจสอบว่าเราชำระค่าธรรมเนียมเรียบร้อย
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้