เห็นกระแส กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ) แล้วเหนื่อยท้อกับชีวิต และติดที่ไม่มี กระดาษที่เรียกว่า(ปริญญา)

เป็นช่วงที่กระแสข่าวดัง ครูวิภา ได้รับผลกระทบจากการค้ำประกัน กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ) ผมนี่น้ำตาไหลเลย ประการแรกสงสารครูวิภา ประการที่สองสงสารตัวเอง ในขณะที่ผมศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ หรือ ปวช. ทางบ้านผมประสบปัญหาทางด้านการเงินอย่างมาก ซึ่งผมก็ได้ยื่นเรื่องกู้ยืม กยศ. (ยื่นกู้ตอนปี2) ในขณะที่ยื่นผมอ่านจากเกณฑ์การพิจารณาค่อนข้างมั่นใจว่าคุณสมบัติครบไม่ว่าจะเป็นผลการเรียน ปรากฏว่าไม่ผ่าน ซึ่งผมก็แปลกใจมากที่สุดในสามโลกว่าด้วยเหตุผลใดจึงไม่ผ่าน ซึ่งสอบถามจากอาจารย์ที่ดูแลส่วนนี้ ก็แจ้งว่ากรรมการได้ตัดสินตามเกณฑ์คุณสมบัติค่ะ ราตรีสวัสดิ์ ในขณะที่เพื่อนคนอื่นๆ ที่ทางบ้านสถานะทางการเงินคล่องกว่า บางรายแอบพ่อแม่กู้โดยที่ไม่บอก แล้วกู้ผ่านก็จะได้มีเงินใช้จ่ายฟุ้งเฟ้อมากขึ้น บ้างก็เอาไปซื้อโทรศัพท์มือถือใหม่ บ้างก็ไปใช้จ่ายของแต่งตัวไร้สาระ ผมนี่สิมีความตั้งใจกระหายที่จะเรียนและจะช่วยแบ่งเบาภาระพ่อแม่แต่ไม่ได้รับโอกาสนั้น พ่อแม่เลยบอกว่าช่างมันเถอะจะพยายามช่วยให้จบ ปวช. นะนอกจากนั้นก็ต้องช่วยเหลือตัวเองแล้ว พอจบ ปวช. ผมอยากเรียนต่อมากๆครับ แต่ทางบ้านส่งไม่ไหวแล้ว พ่อแม่บอกทำงานแล้วเรียนเองนะลูก ผมเองพ่อแม่อาจจะจบแค่ ป.4 เป็นแม่บ้านให้ครอบครัวคุณหมอ ผมเห็นลูกๆท่าน จบ ป.โทจากเมืองนอกหมด และเก่งภาษา ผมจึงซึมซับการรักภาษาอังกฤษมาแต่เด็ก เลยอยากเรียนด้านนี้ ผมเลยลองไปสอบ มรภ.พระนคร อังกฤษสื่อสารธุรกิจ รับ 40 คน ผมคือผู้ที่ติด 1 ใน 40 นั้น เลยทำเรื่องกู้ยืม กยศ ผ่าน มรภ.พระนครอีก โชคชะตาก็ไม่เข้าข้างผมเป็นครั้งที่ 2 ผลการกู้ยืมไม่ผ่าน ผมควรจะต้องรู้สึกยังดีคับ สอบติด อังกฤษสื่อสารธุรกิจ มรภ.พระนคร ต่อให้จะไม่ได้ดังเหมือน จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ แต่ผมไปแข่งกับคนที่ลงสอบเข้าสาขานี้เป็นหลายร้อยคนได้ แล้วผมต้องสละสิทธิ์มันรู้สึกน้อยใจในโชคชะตาอย่างสุดจะบรรยายจิงๆครับ

ดูจากผลการเรียนผมแล้ว  มันไม่มีส่วนที่จะชี้ให้เห็นเลยหรอคับว่าผมก็คือคนที่มุ่งมั่นและตั้งใจที่จะเรียน




ผมก็พับเก็บความผิดหวัง ความเศร้า ความเสียใจลงในกระเป๋าฝากธนาคาร ลุกขึ้นมาสร้างแรงผลักดันให้ตัวเอง เริ่มหางานทำด้วยวุฒิการศึกษา ปวช. แต่ผมเองยังค่อนข้างโชคดี ถึงจะเป็นเด็กบ้านๆ แต่ก็พอสะสมความรู้ภาษาอังกฤษมาเรื่อยๆ ไม่เคยหยุดที่จะเรียนรู้ เลยคิดว่าเราต้องสร้างจุดขายของตัวเอง ผมก็ตัดสินใจลองไปสอบ TOEIC ดู ณ.ตอนนั้น ก่อนไปสอบผมไม่เคยไปลงเรียนคอร์ส toeic ไม่ได้อ่านหนังสือไปสอบเลย แม้แต่ตัวเดียว ตอนนั้นได้ยินว่าคนที่จะสมัครเป็น แอร์ เป็น สจ๊วต เค้าต้องได้คะแนน 600 ผมคิดว่า 300-400 นี่ก็คงสวยหรูสำหรับเด็กจบ ปวช.พอกะเทินอย่างผมแล้วหล่ะ


ผมเริ่มเดินสายหางานไปเรื่อยๆ สั่งสมประสบการณ์ในการทำงาน จนผมรู้สึกว่า ผมหน่ะได้ปริญญามา 1 ใบ (ปริญญาชีวิตจริง) จนวันที่คนจบ ปวช.อย่างผมได้เงินเดือน 15,000 บาท ผมรู้สึกอยากเรียนต่อแต่ข้อบกพร่องของผมที่รู้ตัวเองชัดเจนคือ ทำ 2 อย่างในเวลาเดียวกันไม่ค่อยดี แต่ก็ลองลงเรียน รามฯ มนุษย์อังกฤษ อาศัยอ่านหนังสือเองและไปสอบ อุปสรรค์ก็คือการลาไปสอบที่นายจ้างไม่อนุมัติบ้าง เพื่อนร่วมงานไม่ช่วยเหลือสนับสนุนให้แลกวันหยุดบ้าง ซึ่งผมก็พับโครงการไว้ก่อน ทำงานต่อไปเรื่อยๆ ด้วยความที่ผมเป็นคนรักงานบริการและชอบท่องเที่ยว ผมเลยอยากผันตัวเองเข้าสู่ธุรกิจท่องเที่ยว ผมฝากประวัติไว้ใน เว็บ สมัครงานที่นึง มีบริษัทนึงได้โทรเข้ามาเรียกผมไปสัมภาษณ์ หลังจากสัมภาษณ์เค้ามีความต้องการที่ีจะได้ผมร่วมงาน คราวนี้ในส่วนการตกลงเงินเดือน เค้าถามที่บริษัทเก่าได้เงินเดือนเท่าไร ผมตอบ 15,000 บาทครับ พี่คงให้ไม่ได้หรอกนะน้อง วุฒิการศึกษาน้องแค่ ปวช. พี่ให้ได้แค่ 13,000 บาทเต็มที่ ลาดพร้าวไปทำงานสีลม ผมคิดวิเคราะห์อยู่ครู่นึง ส่วนที่หายไป ผมจะถือว่าเป็นค่าเรียน ที่ผมจะได้เรียนรู้ ระบบสำรองที่นั่ง Amadeus และ Abacus ซึ่งถ้าผมไปเรียนเองกับการบินไทยก็หลายบาทเลย ผมก็ตกลงร่วมงานด้วยตำแหน่ง Sales and Reservation ที่นี่เป็นบริษัทขนาดเล็ก มี พนักงานไม่ถึง 10 คน ตามหลักแล้วบริษัทจะต้องส่งผมไปอบรมเรื่องระบบสำรองที่นั่ง แต่นายจ้างบอกว่าไม่ต้องไปหรอกง่ายๆ ให้พวกที่อยู่เก่านี่หล่ะสอนได้ ผมก็ไม่ซีเรียสนะคับ แต่ผมเป็นคนใคร่รู้ใคร่เรียนชอบรู้อะไรที่มันลึกและกระจ่างในส่วนที่เราจะต้องนำมาใช้ ผู้ถ่ายทอดมี 2 แบบ แบบแรกกั๊กความรู้ แบบที่สองรู้ไม่จริง รู้แบบรู้แค่นี้อ่ะเค้าสอนมาว่ามันต้องทำแบบนี้ผมก็ทำแบบนี้ เรามาใหม่ก็ลำบากที่จะก้าวต่อจิงๆคับ ระบบสำรองที่นั่งถ้าเราเกิดจองตั๋วให้ลูกค้าบริหารจัดการบุคกิ้งไม่ดี ปล่อยโดนตัดมีเรื่องกับลูกค้าแน่ ในเมื่อนายไม่ส่งไปเรียน เพื่อนร่วมลมหายใจในที่ทำงานไม่ถ่ายทอด ตำรามี สมองเรามี ผมจึงตัดสินใจเอากลับมาอ่านที่บ้านเอง จนเริ่มมีความรู้มากขึ้น(บางเรื่องมากกว่า ผู้ที่อยู่มาก่อนซะอีก เพราะผมไม่คิดจะรู้แค่ที่เค้าสอนมา) ในขณะเดียวกันคนที่นี่ก็ตักตวงผลประโยชน์จากความสามารถด้านภาษาของผม ชนิดเป็นเก้าอี้ดนตรีทีเดียว คุณนัทครับเชิญโต๊ะผมหน่อย ผมจะเขียนเมล์ไป บริชติชแอร์เวย์ ที่อังกฤษเรื่องตั๋วลูกค้า ช่วยเขียนให้ผมหน่อยครับเดี๋ยวผมบอกภาษาไทยให้ ผมแอบตกใจก่อนหน้านี้เค้าทำงานกันยังไง ส่งเมล์ไปต่างประเทศแบบไหนผมอยู่ถึงต้องให้ช่วยทุกครั้ง และทุกคน ซักพักโต๊ะต่อไปคุณนัทค่ะช่วยหน่อย ผมไม่เคยปฏิเสธนะครับยินดี จนในที่สุดคนที่มีความรู้ด้านธุรกิจท่องเที่ยวและตั๋วเครื่องบินที่มาจากศูนย์ เริ่มได้แก้ปัญหาให้ผู้ที่อยู่มาก่อนบ่อยขึ้นๆ และเป็นเคสใหญ่ชนิดที่ถ้าแก้ไม่ได้ คนเหล่านั้นคงโดนนายเชือดแน่ๆ 2 เคส ผมเป็นคนที่ทำแล้วแล้วคิดอยู่อย่างนึง ผมจะทำงานให้คุ้มกับเงินเดือนที่เค้าจ้าง จะไม่ยอมให้ใครเอ่ยปากได้ว่าคนอย่างผมทำงานไม่คุ้มกับเงินที่เค้าจ่ายให้ ผมเสนอไอเดียใหม่ๆในการเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ให้นาย ไอเดียผ่านนายเห็นด้วย เพื่อนร่วมงานไม่เห็นด้วยเพราะขี้เกียจทำโปรแกรม ผมก็เลยโซโล่คนเดียว พอมันเสร็จออกมาเป็นรูปธรรม แล้วผมเอาไปขายได้มีค่าคอมฯ ดาหน้ากันมาขอให้ช่วยอธิบายจะเอาไปขายบ้าง สรุปตำแหน่งผม Sales and Reservation พ่วงมาด้วย Operation เลย งานผมล้นมือมากกว่าใครๆ กลับบ้านหลังเค้าเพื่อน แถมยังต้องมาคอยนั่งแก้งานให้คนเก่าๆเดิมๆ ที่สำคัญสิ่งที่ผมรู้สึกรับไม่ได้คือ ผมถูกโจรกรรมเรื่องส่วนบุคคล คือเงินเดือน ซึ่งเป็นความลับเฉพาะ มีการเอ่ยปากขึ้นมาว่าคุณนัทเข้ามาเนี่ยะได้เงินเดือนมากกว่าตอนผมเข้ามาอีกนะ ผมก็จบมากกว่า จบปริญญา ผมไม่อยากต่อล้อต่อเถียงหรอกคับ ไม่ได้ประโยชน์ ถ้าคนจะมีสมองก็ควรจะคิดว่า จบปริญญามา แต่ก็มาพึ่งพาคนจบ ปวช.อย่างผมทั้งนั้น แก้งานก็ไอ้คนนี้หล่ะที่แก้ให้ จบ ปริญญา แต่ไม่มีปัญญามันก็กระดาษใบนึง คอยจ้องจะเหน็บแนมเวลาเงินเดือนออกน่าเบื่อครับ คราวนี้เจ้านายจะให้ผมออกไปเป็นเซล์ลหาลูกค้ารายใหม่ๆข้างนอกอีก ผมว่าผมเริ่มไม่ไหวที่จะรับกับการถูกเอาเปรียบของที่นี่อีกต่อไป ผมเลยตัดพ้อกับเพื่อนที่คิดว่าสนิทที่สุดคนนึงว่า เบื่อละอยากหาที่ใหม่ ปรากฏว่าเรื่องคงไปถึงหูนายแล้วแลดูแกจะเสียดายตัวเิงนตัวทองอย่างผมขึ้นมา ใจดีขึ้นเงินเดือนให้เฉยเลย จาก 13000บาท เป็น 15000 บาท แถมค่าน้ำมันให้อีก 1000 บาท ผมนี่น้ำตาจะไหลเลยจริงๆคับ ผมทำกำไรให้บริษัทตั้งเท่าไร เมกกะโปรเจ็คของเจ้านายที่ฟุ้งว่าดี ก็เกือบจะพังไม่เป็นท่าก็ได้ผมนี่หล่ะ กูสถานะการณ์ถอนทุนคืนมาให้ทำให้เจ็บตัวน้อยลง ถ้าจะเห็นคุณค่าผมควรจะขึ้นเงินเดือนให้ผมนานละ พอเรื่องขึ้นเงินเดือนถูกปล่อย ผมก็กลายเป็นอีกาในฝูงนางฟ้าอีก เหน็บกัดทั้งวันมันแย่นะครับเสียสุขภาพจิต ผมตัดสินใจหาสมัครงานใหม่ไปเรื่อยๆ และบอกตัวเองว่าถ้าคิดจะก้าวต่อ ผมจะต้องไปให้ได้ดีกว่าเดิมปรากฏว่าได้ที่นึงที่โดนใจ ผู้บริหารถามอยากได้เงินเดือนเท่าไร ผมไม่ได้ตอบแต่ยื่นสลิปเงินเดือนล่าสุดให้เค้าดู ก็ประมาณ 16000 เค้าบอกให้เพิ่มอีก 2 พันรับได้ไหม 18000บาท ผมไม่ต่อรองซักคำครับตกลง แต่ก็บอกว่าขอเวลาลาออกก่อนนะคับ ซึ่งท่านก็ยินดีรอ ถึงเวลา good bye

พอย้ายมาที่ใหม่ ด้วยสไตล์ของคนที่รักงานบริการ และชอบช่วยเหลือ ทำให้ลูกค้าติดผมมากๆ ต้องบอกว่าที่นี่นายทำธุรกิจ 2 อย่าง
1.ขายตั๋วเครื่องบิน และทัวร์ (ซึ่งมีผมกับนาย 2 คนทั้งบริษัททีทำระบบสำรองที่นั่งได้)
2.ธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตรา (Exchange)
ซึ่งเท่ากับผมไม่มีเพื่อนร่วมสายงานโดยตรง แต่ก็จะนั่งทำงานร่วมกับส่วน Exchange ซึ่งผมก็เป็นที่รักใคร่เอ็นดูของคนที่นี่ เพราะผมเป็นคนมีน้ำใจชอบช่วยเหลือ แต่ก็มีเหตุพลักผันจากที่พวกเค้าเอ็นดู กลายมาเป็นศัตรูกัน เพราะผมถูกโจรกรรมความลับเรื่องเงินเดือนอีก ผมจบแค่ ปวช. เด็กกว่า มาทีหลัง ได้เงินเดือน 18000บาท คนจบ ปริญญาตรี เอกฝรั่งเศสด้วยนะ แต่ได้น้อยกว่าผม เลวร้ายไปกว่านั้น เข้ามาได้ 6 เดือนนายขึ้นเงินเดือนให้ผมอีก 1000บาท เป็น 19000 อยู่มาอีก 1 ปี ขึ้นอีก 1000 สรุปอยู่ปีครึ่งขึ้นเงินเดือน 2 ครั้ง พวกนางทำมา 10 กว่าปี ไม่ค่อยได้ขึ้น คราวนี้ก็มาดราม่าคับหาเรื่องเลวร้ายที่สุดครับ จบปริญา เอกฝรั่งเศสมา ผมเห็นลูกค้ามาแลกเงินชาวฝรั่งเศส Bon jour ใส่ แล้วก็รัวมาเป็นประโยค ได้แต่ยิ้มพยักหน้าพูดไม่ได้ ลูกค้าต่างชาติที่มาแลกเงินก็ผมทั้งนั้นหล่ะคับ ที่สื่อสารจัดการเวลาลูกค้ามีปัญหา กระทั่งการบ้านลูกภาษาอังกฤษ ประถม ยังขอให้ผมช่วยสอน ในที่สุดผมก็ไม่สามารถทนคนพาลได้ครับ ยกธงจริงๆ ขนาดเจ้านายยังเห็นใจ


ผมท้อแท้ในชีวิตมากๆครับทุกวันนี้ เหนื่อยใจ เป็นคนที่ขาดโอกาสแต่ก็พยายามที่จะเติมเต็ม ก็มีอุปสรรค์ตลอด พอคว้ามาได้ก็ต้องเจอภัยของคำว่ากระดาษ ผมคิดนะ ไอ้ กยศ ที่ให้อิพวก ปลวกมอด ไม่สำเนียกที่จะเรียนจริง ถ้ามาอยู่ในมือผมป่านฉะนี้มันคงจะเกิดประโยชน์ได้มากกว่า ทำให้ผมได้ใช้ต่อยอดให้ชีวิตมั่นคง แถมคนอย่างครูวิภาก็ไม่ต้องมาเดือดร้อน จิงๆส่วนตัวผมนะคับไม่ได้สนใจกระดาษเลยจริงๆคับ แต่เข้าใจว่ามันก็คือกฏกติกา เวลาทำงานมันก็ขึ้นอยู่กับ skill ส่วนบุคคล คนมีกระดาษตั้งมากมาย แต่ทำงานไม่เป็น  ทุกวันนี้ผมอยากได้กระดาษใบนั้นมา เวลาผมโดนขโมยดูเงินเดือน ผมจะได้พูดกับพวกมันว่า กุก็จบปริญญาเท่านั่นหล่ะ แต่โง่กว่า เลยได้เงินเดือนน้อยกว่า เพราะไม่มีปัญญา นายเลยไม่ขึ้นเงินเดือนน แล้วก็จะเอากระดาษใบที่อ้างกันนักกันหนา แปะไว้ที่หน้าเลย

ผมขอลาไปผูกคอตายใต้ต้นมะเขือก่อนคับ ปล.ฝากถึงผู้ปกครองทุกท่านมีบุตรหลาน ดันเรื่องภาษาเยอะๆนะครับ เพราะภาษาถึงทำให้คนที่ไม่มีใบปริญญาอย่างผม รอดมาจนถึงทุกวันนี้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่