การหาบ้านแชร์ (Shared House) ในออสเตรเลียจากเว็บไซต์ flatmates.com.au

หลังจากที่ใช้ชีวิตในประเทศออสเตรเลียได้ระยะเวลาหนึ่ง รวมแล้วประมาณเกือบ 7 เดือนแล้วครับ นับตั้งแต่กลางเดือนมกราคมเมื่อต้นปีนี้เอง คือมาเรียนภาษาเพื่อเตรียมตัวเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่นี่ ตามระยะเวลาคอร์สที่เรียน 6 เดือน บวกกับตัวเองก็วัย 20 กลางๆค้อนปลายแล้ว ก็ต้องหาบ้านพักระยะยาวที่ยืดหยุ่น ทำเลดีเดินทางสะดวก ทำงานพาร์ทไทม์กลับดึกได้ไม่รบกวนใคร ด้วยปัจจัยแบบนี้เรื่องการจะหาพักกับครอบครัวโฮสคือตัดทิ้งไปเลยครับ สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการหาบ้านพักด้วยตัวเอง

รู้จักกับเว็บ flatmates นี้ยังไง
เริ่มแรกก่อนหน้านี้ก็งมอยู่แต่กับการหาบ้านแบบที่คนไทยที่มาออสเตรเลียส่วนมากทำกัน คือ ถ้าไม่ผ่านเว็บบอร์ดคนไทยจ๊าๆอย่าง น้าตุ้ยดอตคอม หรือกลุ่มเฟสบุ๊คคนไทย ก็เว็บบอร์ดออสอย่าง กัมทรี ซึ่งก็ลังเลใจอยู่นานมาก เพราะข้อมูลที่บอกค่อนข้างจำกัด รวมถึงจากบทความ เรื่องเล่าต่างๆเกี่ยวกับบ้านแชร์ที่คนไทยไปอยู่ก็ค่อนข้างแออัด อัตคัด เป็นพื้นที่แบ่งฉากกั้นม่านบ้าง ห้องเตียงสองชั้นบ้าง ก็ทำเอาคิดไม่ตกอยู่นานครับ จนด้วยความที่ค้นหาผ่านกูเกิ้ลบ่อยติดๆกันมากๆ ระบบมันก็แนะนำเว็บนี้ขึ้นมาให้รู้จักครับ

เว็บนี้มีข้อดียังไง
Flatmates จะมีฟิลเตอร์คัดกรองการค้นหา ทั้งเรตราคาค่าเช่า รูปแบบข้องที่พักทั้งห้องเดี่ยวหรือห้องแชร์รวม ทำเลที่ตั้งว่าอยู่เขตไหนของเมือง มีเฟอร์นิเจอร์ให้หรือเป็นห้องเปล่าๆ คล้ายๆกับตอนเลือกจองโรงแรมในบุ๊คกิ้งดอตคอมเลยครับ มีรูปภาพ(เดี๋ยวจะเล่ารายละเอียดนี้ในข้อถัดไป)และข้อมูลที่เราอยากทราบอย่าง จำนวนห้องนอนที่ปล่อยเช่าสูงสุด จำนวนห้องน้ำ และจำนวนผู้เช่า ซึ่งเราพอจะลองหารกับจำนวนห้องนอนแล้วตกเป้นจำนวนคนเฉลี่ยต่อห้องได้คร่าวๆครับ พร้อมกับบอกว่าค่าห้องคิดรวมบิลค่าน้ำค่าไฟและไวฟายด้วยไหม ตั้งมัดจำไว้เท่าไหร่ มีกฎของบ้านอะไรบ้าง เป็นต้น

แล้วข้อเสียละ
ใน Flatmates เอง เรายังจะพอประสบพบเจอบ้านที่เข้าข่าย กัมทรี กับ น้าตุ้ย อยู่บ้างเหมือนกันครับ ประเภทเตียงซ้อน ห้องกั้นม่าน รวมถึงบ้านที่สภาพไม่ตรงปก คือ ไม่เหมือนกับในรูป หรือไม่สะอาดเรียบร้อยเหมือนในรูป อยู่จำนวนนึงละครับ

จะเลือกบ้านยังไงดี
1). ค่าเช่า
ก่อนอื่น กำหนดเรตค่าเช่าที่ตัวเองคิดว่าสามารถจ่ายไหวก่อนครับ โดยทั่วไปแนะนำเลือกบ้านที่คิดค่าเช่นรวมบิลกับไวฟายให้แล้ว ไม่งั้นต้องมานั่งวิตกกับค่าไฟค่าน้ำที่อาจจะใช้เกินอีก เรตราคาที่ไม่โหดกับนักเรียนนอกมากนัก *ขออ้างอิงเฉพาะเมืองซิดนีย์ครับ จะประมาณ $180 - $250 AUD ต่อสัปดาห์ ตัวผมเช่าเรตที่ 190-200 **ที่ออสเขาจะคำนวณค่าเช่าบ้านเป็นรายสัปดาห์กันครับ มันเก็บได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่าการคำนวณแบบต่อเดือน ส่วนว่าบ้านไหนจะเก็บค่าเช่ายังไง จะเก็บทุกสัปดาห์ หรือทุกสองสัปดาห์ก็ว่ากันไป

การเก็บค่าเช่าบ้านของที่นี่ส่วนมากจะให้โอนเงินหรือไม่ก็หักตรงกับบัญชีเงินฝากของเราเลย อย่างบ้านที่ผมอยู่จะหักทุกวันจันทร์

2). เงินมัดจำ หรือ ค่า Bond
โดยส่วนใหญ่จะเรียกเงินมัดจำประมาณ 2 เท่าของค่าเช่า คือคิดเป็นค่าเช่า 2 สัปดาห์ไว้เป็นมัดจำ เท่ากับว่าเมื่อเริ่มเช่าและย้ายเข้าก็ต้องจ่ายก้อนแรกไปเท่ากับค่าเช่า 3 สัปดาห์กันเลย ก็ต้องคำนวณกันให้ดีๆครับว่าเราจ่ายไหวแค่ไหน เพราะบางที่ก็เรียก Bond สูงถึง 4 สัปดาห์ก็มีครับ

3). ระยะเวลาเช่าขั้นต่ำ
โดยส่วนมากจะนิยมปล่อยเช่าอย่างน้อยสำหรับ 1 เดือน หรือ 2 เดือนขึ้นไปเป็นอย่างต่ำครับ จะเหมาะกับผู้ที่หาบ้านพักระยะยาวแบบ 3 เดือนขึ้นไปมากกว่า ถ้าพักแบบไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ก็คงต้องไปหาตาม AirBNB แล้วโดนค่าเช่าอีกเรตหนึ่งไป

4). บุคคลที่เราติดต่อ และทำสัญญาด้วย
ใน Flatmates จะมีข้อมูลให้ติดต่อตัวแทนของบ้านนั้นๆครับ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของบ้าน (Landlord) โดยตรงหรือส่งนายหน้า (Agent) มาแทนก็ตาม ข้อสำคัญคือความกระตือรือร้นที่จะปล่อยเช่ากับเรา ด่านแรกของเว็บเองจะแปะป้ายให้คะแนนตัวแทนบ้านเป้นการบอกเราว่าควรติดต่อนัดดูบ้านไหม เป็น Response Rate ใครที่ได้เปอร์เซ็นต่ำๆก็เหมือนแจ้งให้ทราบว่า ติดต่อไปก็เสียเวลา ถูกเมินข้อความ หรือตัแทนคนไหนมีปัญหามากๆก็จะโดนป้าย Banned ก็มี เทียบกับใครที่เปอร์เซ็นสูงๆก็จะตอบเราเร็วมาก อย่างน้อยก็วันถัดไป หรือบางคนก็ส่งข้อความมาเสนอปล่อยห้องให้เรา ซึ่งก็แล้วแต่เราจะเลือกตามปัจจัยที่ตั้งไว้อีกที หากไม่ใช่ไม่ชอบก็ตอบปฏิเสธไป เป็นมารยาท ไม่เสียหายครับ

5). ทำเลที่ตั้ง
หากเราตั้งใจไปเรียน ปักหมุดไว้ที่โรงเรียนของเรายึดเป็นหลักมั่นไว้ก่อนครับ เพราะจะได้ประหยัดค่าเดินทางไปได้เยอะ ค่าโดยสารรถเมล์ หรือรถไฟ นั่งบ่อยๆทุกๆวันก็ไม่ใช่ถูกๆครับ ปัจจัยถัดมาย่านที่บ้านนั้นตั้งอยู่ สงบ ปลอดภัย มากน้อยแค่ไหน มีข่าวเรื่องอาชญากรรมไหม อยู่ใน No Go Zones หรือเปล่า หากเราหาบ้านใกล้โรงเรียนไม่ได้จริงๆ อย่างน้อยก็ใกล้ป้ายรถเมล์หรือสถานีรถไฟเป็นสำคัญ อย่างน้อยระยะเดินเท้าไม่เกิน 5 - 10 นาที เพราะอย่างน้อยถ้าไม่ใช่วันเรียน วันหยุดไปเที่ยวหรือทำงานกะดึก เดินกลับบ้านจะไม่เสี่ยงอันตรายมาก

6). สัดส่วนกับจำนวนผู้พักอาศัย
ในหน้าข้อมูลของบ้านจะบอกยอดผู้เช่าสูงสุดได้ว่าจุได้กี่คน มีทั้งหมดกี่ห้องนอน กี่ห้องน้ำ สัดส่วนที่พอเหมาะคือ
- 1 ห้องน้ำ : 2 ห้องนอน : 4-5 คน
- 2 ห้องน้ำ : 3 ห้องนอน : 5-6 คน *ไม่มีเตียงซ้อน
- 3 ห้องน้ำ : 4+ ห้องนอน : Limit 7 คน
บางแห่งแชร์รวมกัน 6+ คน กับ 1 ห้องน้ำ หรือ 10 คน ต่อ 2 ห้องน้ำ นับว่าอัตคัดมากๆครับ กะสัดส่วนดูให้ดีๆ
บ้านที่ผมอยู่จะเป็น 6 คน 1 ห้องน้ำ แต่เป็น 4 ห้องนอน คือ 2 ห้องเดี่ยว กับ 2 ห้องแชร์สองคน ถือว่าไม่อึดอัดมากครับ

7). การนัดดูบ้าน (Inspection)
หลังจากตกลงเรื่องวันและเวลากับตัวแทนเพื่อนัดดูบ้านแล้ว ที่ออสเตรเลีย ก่อนที่เราจะตกลงปลงใจเช่าบ้าน *จำเป็นที่สุดคือนัดดูสถานที่จริงกับตาตัวเองครับ ไม่ฟังจากคำบอกเล่าของใครใดๆ ตัวแทนจากเว็บไม่ว่าจะเป็นแลนด์ลอร์ดเอง หรือเอเจนต์ ถ้าเขามาตามนัด ก็นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีครับ ส่วนถ้าใครเบี้ยวนัด ขอเลื่อนโน่นนั่นนี่(ที่ไม่ใช่เราเองที่ขอเลือน) ก็เทได้เลยครับ อย่าไปง้อ

8). บ้านตรงหรือไม่ตรงปก
ภาพตัวอย่างที่เราเห็นจากในเว็บ มักจะเป็นภาพตอนที่บ้านยังว่าง สะอาด ยังไม่มีคนเช่าอยู่ครับ กว่า 80% สภาพจริงจะดรอปจากในรูปเยอะมาก ก็ให้คาดหวังความแย่ไว้ก่อนครับทั้งความสะอาด ความพังความครบของอุปกรณ์เครื่องใช้ ห้องครัวห้องนั่งเล่นส่วนกลาง เครื่องครัว เครื่องสักผ้า-เครื่องอบผ้า แนะนำว่าให้เลือกบ้านที่*ใกล้เคียง*กับรูปมากที่สุดครับ อย่างน้อยเขาก็มีความจริงใจกับผู้สนใจเช่าบ้างละ จะมีไม่กี่ที่ที่บ้านจริงกับรูปจะตรงกันเป๊ะๆอย่างบ้านที่ผมเองเลือกเช่า บ้านไม่ได้ใหม่เลิศเลอแต่สภาพเรียบร้อยทุกอย่างใช้งานได้ ก็เซอร์ไพร์เหมือนกันครับ โอกาสน้อยมากๆ

9). กฎระเบียบ
บ้านเช่าหลายๆแห่งจะมีกฎเรื่องการรักษาความสะอาดในพื้นที่ส่วนกลางของบ้านครับ กับเรื่องการห้ามส่งเสียงดังรบกวน ห้ามชวนคนภายนอกมาจัดปาร์ตี้ หรือห้ามพี้ยา(บางบ้านที่ไปดู เจอบ่องกัญญชากลางห้องนั่งเล่นเลย เอเจนต์ที่พาดูบ้านหน้าบูดเลย) เป็นต้น

10). การเซ็นสัญญาเช่า
แลนด์ลอร์ด หรือ เอเจนต์ ที่ซื่อสัตย์จริงใจ การทำสัญญากับเราก็จะทำทั้ง 2 ฉบับต่อหน้าเราเพื่อเป็นการยืนยันข้อมูลบนเอกสารว่าทั้งฉบับผู้เช่าและให้เช่า มีข้อมูลที่ตรงกันชัดเจน ทั้งยอดเงินมัดจำ ค่าเช่า ระยะเวลาเช่า วันย้ายออก กฎระเบียบของบ้าน รวมถึงให้เราถ่ายรูปสภาพห้องก่อนย้ายเข้าด้วย เพื่อบันทึกเป็นหลักฐานว่าเราไม่ได้ทำเฟอร์นิเจอร์ต่างๆเสียหาย หรือเป็นสภาพนี้ตั้งแต่แรกแล้ว

11). เพื่อนร่วมบ้าน (Housemate)
ช่วงที่นัดชมบ้าน ก็ถามแลนด์ลอร์ดหรือเอเจนต์ด้วยว่า ผู้อยู่อาศัยเป็นคนกลุ่มไหน เป็นนักเรียนหรือทำงาน เชื้อชาติอะไร เพศอะไร มีกี่คน เพื่อที่เราพอจะสามารถคาดเดาบุคลิกขั้นต้นของเพื่อนร่วมบ้านได้อย่างคร่าวๆ รวมถึงกิจวัตรของแต่ละคนด้วยว่าจะตื่น จะนอนกี่โมง จะใช้ห้องน้ำตอนไหน เป็นต้น ครับ

***การย้ายออก
โดยธรรมเนียมแล้ว ถ้าเราจะย้ายออกเพื่อย้ายบ้านหรือกลับไทย เราควรจะแจ้งผู้ดูแลบ้าน/เอเจนต์/แลนด์ลอร์ด อย่างน้อย 2 สัปดาห์ หรือ ระยะเวลาตามที่สัญญาเช่าระบุ เพื่อที่เขาจะได้เตรียมคืนเงินมัดจำและเลิกการหักค่าเช่า หรือการที่แลนด์ลอร์ดขอให้เราย้ายออก ก็จะต้องมีใบแจ้งล้วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ตามกฎหมายของที่นี่ แล้วเราก็จะต้องเก็บกวาดห้องให้เขาด้วยให้สภาพเหมือนตอนที่เราย้ายเขาเพื่อยืนยันความเรียบร้อยและสภาพของเครื่องใช้ต่างๆในห้องยังครบสมบูรณ์

ก็จวนเวลาจะต้องกลับบ้านเกิดเมืองไทยแล้วซิครับ พออยู่จนชินก็เริ่มไม่อยากย้ายไปไหน แต่ด้วยวีซ่ามีเวลาจำกัดเราก็ต้องกลับครับ แล้วแลนด์ลอร์ดจะปิดบ้านที่เช่าอยู่ปรับปรุงครั้งใหญ่ด้วย ไม่รู้ว่าหากมีโอกาสมาที่นี่อีกจะเจอบ้านสภาพดีๆ ทำเลเหมาะๆ ในเรตเท่านี้อีกไหม

***เพิ่มเติมครับ เว็บนี้เราต้องสมัครสมาชิกไว้ด้วย เพื่อที่การติดต่อตัวแทนบ้านในขั้นแรกทำได้ง่ายและสะดวกขึ้น รวมถึงระบุข้อมูลพื้นฐานอย่าง เรตค่าเช่าที่เราจ่ายไหว ทำเลย่านที่เราหาบ้าน เพื่อให้ตัวแทนทราบและเสนอปล่อยเช่าบ้านกับเราได้ตรงตามความต้องการมากขึ้นครับ

ปล. 2 ช่วงที่เดินทางไปถึงออสเตรเลีย 2 สัปดาห์แรก หาพักโรงแรม หรือโฮสเทล หรือพักกับครอบครัวโฮสก่อนก็ได้ครับ เพราะการนัดดูบ้านแต่ละแห่งต้องใช้เวลา และเราต้องนัดไปดูกับตาตัวเองจริงๆ ไม่ควรเออออจากเว็บไซต์เท่านั้นครับ รวมถึงเป็นการเผื่อเวลาให้เราจัดเตรียมเอาสารจำเป็นต่างๆ เช่น การเปิดบัญชีธนาคาร เป็นต้น ด้วยครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่