จากกระทู้นี้
https://m.pantip.com/topic/37923874?
ตอนนั้นยังไม่มีล้อคอินเป็นของตัวเอง แต่ตอนนี้มีแล้วจ้า เราจะลงให้อ่านใหม่ เคื่องดราม่าในชีวิตจริง
เผื่อใครขี้เกียจกดลิ้งค์แว้บไปแว้บมา
มีโอกาสได้เข้าไปสัมภาษณ์งานที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านที่มีเหตุการณ์ระเบิดบ่อยๆ ส่วนที่เราไปสัมภาษณ์เป็นตำแหน่งที่ทำอยู่ back office ของแบรนด์สินค้าญี่ปุ่นแบรนด์หนึ่ง (ที่ปากกาขายดีมาก) การสัมภาษณ์ดำเนินไปปกติไม่ได้มีอะไรพิเศษมากมาย จนมาถึงช่วงท้ายของการสัมภาษณ์.....
ผู้สัมภาษณ์ :น้องสะดวกมาเริ่มงานวันไหนคะ
เรา : สามารถเริ่มงานได้ทันทีค่ะ แต่ถ้าจะเอาที่สะดวกจริงๆอยากเริ่มวันที่ 1 สิงหาค่ะ (วันที่สัมภาษณ์เป็่วงกลางเดือน กรกฎาคมค่ะ การเริ่มงานวันที่ 1 สิงหา จะได้มีเวลาจัดการเรื่องเอกสารให้เรียบร้อยและเคลียร์อะไรหลายๆอย่างด้วย)
ผู้สัมภาษณ์ :พี่ว่าพี่ให้หนูเริ่มงานวันที่ 1 สิงหาเลยดีกว่าค่ะ เพราะส่วนใหญ่ก็เริ่มงานกันวันแรกของเดือนเนอะ
เรา : ได้ค่ะ (พี่ว่าไงหนูก็ว่างั้นค่ะ)
ผู้สัมภาษณ์ :งั้นตกลงหนูมาเรื่มงานวันที่ 1 สิงหา ส่วนเรื่องเอกสารที่ต้องขอเพิ่มเดี๋ยวพี่ให้ recruit เป็นคนจัดการติดต่อหนูไปแล้วกันนะคะ
เรา :ค่ะ
หลังจากนั้นก็พูดคุยและร่ำลากันอีกนิดหน่อยจึงได้รู้ว่า หลังจากวันที่สัมภาษณ์นี้ ผู้สัมภาษณ์จะต้องบินไปเทรนงานที่ญี่ปุ่นเป็นเวลาหลายวัน ซึ่งเราก็ไม่ทราบว่าเวลาที่แน่ชัดว่ากี่วัน ก่อนออกมาจากออฟฟิศก็ไหว้ทุกคนด้วยความนอบน้อม เดินออกมาด้วยอารมณ์ที่แบบว่า เอออจะได้ทำงานแล้วววจ้าาา
และหลังจากนั้นเราก็นั่งรอนอนรอ recruit ของบริษัทติดต่อมา (ช่วงเวลาที่รอนั้น มีบริษัท 2 ที่โทรมาเพื่อเรียกเราไปสัมภาษณ์แต่เราก็ต้องปฏิเสธไปอะนะค่ะ) นั่งเช็ค email ทุกวัน ผ่านไป 1 วัน.......3 วัน......จนกระทั่ง 1 อาทิตย์ และกลายเป็นอาทิตย์กว่า ซึ่ง ณ ขณะนั้นย่างเข้าปลายเดือนมาทุกทีๆ เราก็เริ่มนั่งไม่ติด คิดแต่ว่าทำไมไม่มีใครติดต่อมาซะทีว้า แต่ก็พยายามคิดในแง่ดีว่า ก็เขาบอกว่าเขาเทรนงานที่ญี่ปุ่นนี่เนอะ อาจจะยังไม่กลับก็ได้ (โลกสวยไม่หยุดหย่อน) แต่เราพยายามติดต่อเขาไปตลอดนะคะ แต่แบบว่าอยู่ดีๆก็หายไลน์ไม่ตอบ โทรไปก็ไม่รับ (เอาจริงๆคือโทรไม่ติดเลย..... หมายเลขนี้ยังไม่เปิดให้บริการค่ะ.....)
จากประสบการณ์ที่เคยทำงานมาสองที่ เรารู้สึกว่านี่มันผิดปกติไปซักหน่อย จึงพยายามติดต่อไปในเบอร์อื่นๆที่ไปหามาได้ (เรามีเพื่อนทำงานอยู่ในนั้นค่ะ) พอหาช่องทางติดต่อได้แล้ว ณ ตอนนั้นร้อนใจเลยไม่รอเช้าวันใหม่ค่ะ (ตอนนั้นเป็นคืนวัที่ 26 กรกฎาคมค่ะ) ไลน์ไปทิ้งไว้เพราะไม่รู้ว่าเขาสะดวกรับโทรศัพท์ไหม ตอนนั้นเวลาประมานสามทุ่มกว่าเกือบสี่ทุ่ม และโชคดีที่เขายังไม่นอน ตอบกลับมาในเวลาประมาณเที่ยงคืน.....
เรา : สวัสดีค่ะคุณ.... หนู....นะคะ ที่บอกว่าจะให้ recruit ติดต่อมาเรื่องเอกสารที่จะต้องขอเพิ่มอะค่ะ เป็นวันไหนหรอคะ หนูไลน์มาถามไว้เพราะไม่แน่ใจว่า คุณ...ว่างเวลาไหนค่ะ
ผู้สัมภาษณ์ :ขอโทษนะคะ น้อง..... พอดีติดเทรนงานที่ญี่ปุ่นนานเลย พี่อยากได้หนูมาร่วมงานนะคะ แต่บัดดี้เขาสัมภาษณ์อีกคนแล้วเขาโอเคค่ะ จ้องขอโทษที่ไม่ได้แจ้งไปนะคะ
เรา : ค่ะ (สตั้นไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง พร้อมน้ำตาที่ค่อยๆไหล)
เรา : คราวหลังรบกวนคุณช่วยพูดให้ชัดเจนและแจ้งเราให้เร็วกว่านี้นะคะ เพราะเราปฎิเสธงานไปสองที่ เพราะเราเข้าใจผิดว่าจะได้ร่วมงานกับคุณค่ะ
ผู้สัมภาษณ์ : จริงๆก็จะแจ้งแล้วนะคะแต่พอดี พี่....บอกว่าอย่าพึ่งบอกเพราะเสนองานอีกที่ให้ก่อน แบบนี้คงไม่ต้องแล้วหละค่ะ จะได้บอกพี่...ค่ะ (เราเข้าใจว่าเขาหมายถึง เขากะจะบอกเราอยู่แล้วแต่เพื่อนร่วมงานเขาจะเสนองานอีกตำแหน่งให้เลยยังไม่ให้เขาแจ้งเราว่ารับคนอื่นไปแล้ว แต่เพราะเราไปต่อว่าเขา เขาเลยยกเลิกเรื่องที่จะเสนองานอีกที่ให้เรา)
คือตอนนี้บอกได้คำเดียวว่า พังมาก
เราไม่เข้าใจว่าเราไปทำไรให้เขา ถ้าเขาไม่ได้ตั้งใจจะรับเราตั้งแต่แรก ทำไมเขาต้องให้ความหวังเราด้วย เขาก็แค่บอกมาว่าจะปรึกษากับทีมก่อนอะไรก็ว่าไป แต่นี่พูดออกมาแล้วว่าให้มาเริ่มงานวันนี้ เดี๋ยวจะจัดการอย่างนู้นอย่างนี้ แล้วถ้าเราไม่พยายามติดต่อไปเองเขาจะบอกเราเมื่อไหร่ หรือต้องให้เราไปยืนรอหน้าออฟฟิศวันที่ 1 เลยถึงจะบอกเรา เราเสียทั้งเวลาทั้งโอกาส ผู้สัมภาษณ์เป็นถึงระดับบริหารแล้วแต่คำพูดกลับเชื่อถือไม่ได้ เรามั่นใจว่าถ้าเราไม่ได้ต่อว่าเขาไปตอนนั้น เขาก็จะเงียบหายไปเฉยๆ ตำแหน่งงานที่จะเสนอให้เราเชื่อว่ามันไม่มีจริงหรอกค่ะ หรือถ้ามี เราก็คงไม่กล้าไปทำหรอกค่ะ เพราะไม่รู้ว่าเราจะโดนเทอีกไหม ตอนนี้คือในหัวมีแต่คำว่า ทำไมๆๆๆ เต็มไปหมด หรือเราพลาดอะไรไป เราเลยต้องโดนแบบนี้
มีแค่นี้ค่ะเรื่องที่อยากแชร์ วันหลังจะไม่เชื่ออะไรจนกว่าจะมีเอกสารสัญญามายืนยันและได้ลงมือทำงานจริงๆค่ะ
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ
สมัครงานแล้วโดนเท!!!!
ตอนนั้นยังไม่มีล้อคอินเป็นของตัวเอง แต่ตอนนี้มีแล้วจ้า เราจะลงให้อ่านใหม่ เคื่องดราม่าในชีวิตจริง
เผื่อใครขี้เกียจกดลิ้งค์แว้บไปแว้บมา
มีโอกาสได้เข้าไปสัมภาษณ์งานที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านที่มีเหตุการณ์ระเบิดบ่อยๆ ส่วนที่เราไปสัมภาษณ์เป็นตำแหน่งที่ทำอยู่ back office ของแบรนด์สินค้าญี่ปุ่นแบรนด์หนึ่ง (ที่ปากกาขายดีมาก) การสัมภาษณ์ดำเนินไปปกติไม่ได้มีอะไรพิเศษมากมาย จนมาถึงช่วงท้ายของการสัมภาษณ์.....
ผู้สัมภาษณ์ :น้องสะดวกมาเริ่มงานวันไหนคะ
เรา : สามารถเริ่มงานได้ทันทีค่ะ แต่ถ้าจะเอาที่สะดวกจริงๆอยากเริ่มวันที่ 1 สิงหาค่ะ (วันที่สัมภาษณ์เป็่วงกลางเดือน กรกฎาคมค่ะ การเริ่มงานวันที่ 1 สิงหา จะได้มีเวลาจัดการเรื่องเอกสารให้เรียบร้อยและเคลียร์อะไรหลายๆอย่างด้วย)
ผู้สัมภาษณ์ :พี่ว่าพี่ให้หนูเริ่มงานวันที่ 1 สิงหาเลยดีกว่าค่ะ เพราะส่วนใหญ่ก็เริ่มงานกันวันแรกของเดือนเนอะ
เรา : ได้ค่ะ (พี่ว่าไงหนูก็ว่างั้นค่ะ)
ผู้สัมภาษณ์ :งั้นตกลงหนูมาเรื่มงานวันที่ 1 สิงหา ส่วนเรื่องเอกสารที่ต้องขอเพิ่มเดี๋ยวพี่ให้ recruit เป็นคนจัดการติดต่อหนูไปแล้วกันนะคะ
เรา :ค่ะ
หลังจากนั้นก็พูดคุยและร่ำลากันอีกนิดหน่อยจึงได้รู้ว่า หลังจากวันที่สัมภาษณ์นี้ ผู้สัมภาษณ์จะต้องบินไปเทรนงานที่ญี่ปุ่นเป็นเวลาหลายวัน ซึ่งเราก็ไม่ทราบว่าเวลาที่แน่ชัดว่ากี่วัน ก่อนออกมาจากออฟฟิศก็ไหว้ทุกคนด้วยความนอบน้อม เดินออกมาด้วยอารมณ์ที่แบบว่า เอออจะได้ทำงานแล้วววจ้าาา
และหลังจากนั้นเราก็นั่งรอนอนรอ recruit ของบริษัทติดต่อมา (ช่วงเวลาที่รอนั้น มีบริษัท 2 ที่โทรมาเพื่อเรียกเราไปสัมภาษณ์แต่เราก็ต้องปฏิเสธไปอะนะค่ะ) นั่งเช็ค email ทุกวัน ผ่านไป 1 วัน.......3 วัน......จนกระทั่ง 1 อาทิตย์ และกลายเป็นอาทิตย์กว่า ซึ่ง ณ ขณะนั้นย่างเข้าปลายเดือนมาทุกทีๆ เราก็เริ่มนั่งไม่ติด คิดแต่ว่าทำไมไม่มีใครติดต่อมาซะทีว้า แต่ก็พยายามคิดในแง่ดีว่า ก็เขาบอกว่าเขาเทรนงานที่ญี่ปุ่นนี่เนอะ อาจจะยังไม่กลับก็ได้ (โลกสวยไม่หยุดหย่อน) แต่เราพยายามติดต่อเขาไปตลอดนะคะ แต่แบบว่าอยู่ดีๆก็หายไลน์ไม่ตอบ โทรไปก็ไม่รับ (เอาจริงๆคือโทรไม่ติดเลย..... หมายเลขนี้ยังไม่เปิดให้บริการค่ะ.....)
จากประสบการณ์ที่เคยทำงานมาสองที่ เรารู้สึกว่านี่มันผิดปกติไปซักหน่อย จึงพยายามติดต่อไปในเบอร์อื่นๆที่ไปหามาได้ (เรามีเพื่อนทำงานอยู่ในนั้นค่ะ) พอหาช่องทางติดต่อได้แล้ว ณ ตอนนั้นร้อนใจเลยไม่รอเช้าวันใหม่ค่ะ (ตอนนั้นเป็นคืนวัที่ 26 กรกฎาคมค่ะ) ไลน์ไปทิ้งไว้เพราะไม่รู้ว่าเขาสะดวกรับโทรศัพท์ไหม ตอนนั้นเวลาประมานสามทุ่มกว่าเกือบสี่ทุ่ม และโชคดีที่เขายังไม่นอน ตอบกลับมาในเวลาประมาณเที่ยงคืน.....
เรา : สวัสดีค่ะคุณ.... หนู....นะคะ ที่บอกว่าจะให้ recruit ติดต่อมาเรื่องเอกสารที่จะต้องขอเพิ่มอะค่ะ เป็นวันไหนหรอคะ หนูไลน์มาถามไว้เพราะไม่แน่ใจว่า คุณ...ว่างเวลาไหนค่ะ
ผู้สัมภาษณ์ :ขอโทษนะคะ น้อง..... พอดีติดเทรนงานที่ญี่ปุ่นนานเลย พี่อยากได้หนูมาร่วมงานนะคะ แต่บัดดี้เขาสัมภาษณ์อีกคนแล้วเขาโอเคค่ะ จ้องขอโทษที่ไม่ได้แจ้งไปนะคะ
เรา : ค่ะ (สตั้นไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง พร้อมน้ำตาที่ค่อยๆไหล)
เรา : คราวหลังรบกวนคุณช่วยพูดให้ชัดเจนและแจ้งเราให้เร็วกว่านี้นะคะ เพราะเราปฎิเสธงานไปสองที่ เพราะเราเข้าใจผิดว่าจะได้ร่วมงานกับคุณค่ะ
ผู้สัมภาษณ์ : จริงๆก็จะแจ้งแล้วนะคะแต่พอดี พี่....บอกว่าอย่าพึ่งบอกเพราะเสนองานอีกที่ให้ก่อน แบบนี้คงไม่ต้องแล้วหละค่ะ จะได้บอกพี่...ค่ะ (เราเข้าใจว่าเขาหมายถึง เขากะจะบอกเราอยู่แล้วแต่เพื่อนร่วมงานเขาจะเสนองานอีกตำแหน่งให้เลยยังไม่ให้เขาแจ้งเราว่ารับคนอื่นไปแล้ว แต่เพราะเราไปต่อว่าเขา เขาเลยยกเลิกเรื่องที่จะเสนองานอีกที่ให้เรา)
คือตอนนี้บอกได้คำเดียวว่า พังมาก
เราไม่เข้าใจว่าเราไปทำไรให้เขา ถ้าเขาไม่ได้ตั้งใจจะรับเราตั้งแต่แรก ทำไมเขาต้องให้ความหวังเราด้วย เขาก็แค่บอกมาว่าจะปรึกษากับทีมก่อนอะไรก็ว่าไป แต่นี่พูดออกมาแล้วว่าให้มาเริ่มงานวันนี้ เดี๋ยวจะจัดการอย่างนู้นอย่างนี้ แล้วถ้าเราไม่พยายามติดต่อไปเองเขาจะบอกเราเมื่อไหร่ หรือต้องให้เราไปยืนรอหน้าออฟฟิศวันที่ 1 เลยถึงจะบอกเรา เราเสียทั้งเวลาทั้งโอกาส ผู้สัมภาษณ์เป็นถึงระดับบริหารแล้วแต่คำพูดกลับเชื่อถือไม่ได้ เรามั่นใจว่าถ้าเราไม่ได้ต่อว่าเขาไปตอนนั้น เขาก็จะเงียบหายไปเฉยๆ ตำแหน่งงานที่จะเสนอให้เราเชื่อว่ามันไม่มีจริงหรอกค่ะ หรือถ้ามี เราก็คงไม่กล้าไปทำหรอกค่ะ เพราะไม่รู้ว่าเราจะโดนเทอีกไหม ตอนนี้คือในหัวมีแต่คำว่า ทำไมๆๆๆ เต็มไปหมด หรือเราพลาดอะไรไป เราเลยต้องโดนแบบนี้
มีแค่นี้ค่ะเรื่องที่อยากแชร์ วันหลังจะไม่เชื่ออะไรจนกว่าจะมีเอกสารสัญญามายืนยันและได้ลงมือทำงานจริงๆค่ะ
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ