คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
คือเขากำลังจะสื่อว่า หากเราไม่เข้าไปวัดหรือไปตรวจสอบมัน เราก็จะไม่ทราบสถานะที่ชัดเจน
นั่นคือ ถ้าเราไม่ไปเปิดกล่อง เราก็จะไม่มีทางรู้ว่าแมวจะเป็นยังไง จะตายหรือเป็นก็ไม่รู้
แต่หากเราไปเปิดกล่อง ก็เท่ากับเราไปรบกวนระบบ ทำให้สถานะมันผิดออกไปจากที่ควรจะเป็น
ซึ่งในทางฟิสิกส์แล้ว เรื่องความไม่แน่นอนนี้ มีส่วนสำคัญอยู่มาก โดยเฉพาะด้านฟิสิกส์อนุภาค
หรือด้านควอนตัม เพราะยิ่งศึกษาเรื่องอนุภาคเล็กๆนี้ลงไปลึกเท่าใด ก็ยิ่งพบความแปลกประหลาดซับซ้อนมากเท่านั้น
อิเลคตรอนที่เราเข้าใจกันว่าเป็นอนุภาคเล็กๆวิ่งวนรอบนิวเคลียส ก็กลายเป็นไม่ใช่เสียแล้ว
แต่กลายเป็นกลุ่มหมอกควันที่ปกคลุมรอบนิวเคลียส (คือกำลังสื่อว่า เราไม่รู้ว่าอิเลคตรอนมันอยู่ตรงไหนแน่
มันวิ่งวนคลุมรอบนิวเคลียสตลอดเวลา มันจึงอยู่ทุกที่ทุกตำแหน่ง)
ทั้งนี้เรื่องนี้ ได้ถูกพัฒนาต่อยอดมาเป็น ทฤษฎีความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์ก ซึ่งกล่าวใจความสำคัญว่า
หากเราวัดตำแหน่งของอิเลคตรอนได้แน่ชัด เราก็จะไม่รู้ระดับพลังงานของมัน
แต่หากเราวัดระดับพลังงานของมันได้แน่ชัด เราก็จะไม่รู้ตำแหน่งที่แน่นอนของมัน
เพราะการวัดตำแหน่ง มันไปรบกวนระดับพลังงาน เนื่องจากเราต้องยิงโฟตอน(ซึ่งมีพลังงาน)เข้าไปกระทบตัวอิเลคตรอน
เพื่อที่จะสังเกตตำแหน่งของมัน (ทำนองว่า ถ้าเราไม่เปิดไฟฉาย เราก็จะมองไม่เห็นวัตถุในที่มืด
แต่หากเราเปิดไฟฉาย เรามองเห็นมันก็จริง แต่หากวัตถุนั้นเป็นอนุภาคเล็กมากๆ
มันก็จะรับพลังงานจากโฟตอนแสงเข้าไปด้วย ทำให้เราวัดค่าระดับพลังงานผิดไป)
เรื่องมันก็ประมาณนี้แหละเจ้าค่ะ ทั่นกำนัน
นั่นคือ ถ้าเราไม่ไปเปิดกล่อง เราก็จะไม่มีทางรู้ว่าแมวจะเป็นยังไง จะตายหรือเป็นก็ไม่รู้
แต่หากเราไปเปิดกล่อง ก็เท่ากับเราไปรบกวนระบบ ทำให้สถานะมันผิดออกไปจากที่ควรจะเป็น
ซึ่งในทางฟิสิกส์แล้ว เรื่องความไม่แน่นอนนี้ มีส่วนสำคัญอยู่มาก โดยเฉพาะด้านฟิสิกส์อนุภาค
หรือด้านควอนตัม เพราะยิ่งศึกษาเรื่องอนุภาคเล็กๆนี้ลงไปลึกเท่าใด ก็ยิ่งพบความแปลกประหลาดซับซ้อนมากเท่านั้น
อิเลคตรอนที่เราเข้าใจกันว่าเป็นอนุภาคเล็กๆวิ่งวนรอบนิวเคลียส ก็กลายเป็นไม่ใช่เสียแล้ว
แต่กลายเป็นกลุ่มหมอกควันที่ปกคลุมรอบนิวเคลียส (คือกำลังสื่อว่า เราไม่รู้ว่าอิเลคตรอนมันอยู่ตรงไหนแน่
มันวิ่งวนคลุมรอบนิวเคลียสตลอดเวลา มันจึงอยู่ทุกที่ทุกตำแหน่ง)
ทั้งนี้เรื่องนี้ ได้ถูกพัฒนาต่อยอดมาเป็น ทฤษฎีความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์ก ซึ่งกล่าวใจความสำคัญว่า
หากเราวัดตำแหน่งของอิเลคตรอนได้แน่ชัด เราก็จะไม่รู้ระดับพลังงานของมัน
แต่หากเราวัดระดับพลังงานของมันได้แน่ชัด เราก็จะไม่รู้ตำแหน่งที่แน่นอนของมัน
เพราะการวัดตำแหน่ง มันไปรบกวนระดับพลังงาน เนื่องจากเราต้องยิงโฟตอน(ซึ่งมีพลังงาน)เข้าไปกระทบตัวอิเลคตรอน
เพื่อที่จะสังเกตตำแหน่งของมัน (ทำนองว่า ถ้าเราไม่เปิดไฟฉาย เราก็จะมองไม่เห็นวัตถุในที่มืด
แต่หากเราเปิดไฟฉาย เรามองเห็นมันก็จริง แต่หากวัตถุนั้นเป็นอนุภาคเล็กมากๆ
มันก็จะรับพลังงานจากโฟตอนแสงเข้าไปด้วย ทำให้เราวัดค่าระดับพลังงานผิดไป)
เรื่องมันก็ประมาณนี้แหละเจ้าค่ะ ทั่นกำนัน
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
Schrödinger’s Cat คือความพยายามในการอธิบายข้อบกพร่องของความหมายของคำว่า quantum superposition อ่ะเจ้าค่ะ quantum superposition คือสถานะของ quantum ที่สามารถมีได้หลายสถานะในเวลาเดียวกัน แต่ถ้าผู้สังเกตพยายามควบคุมให้ quantum มีสถานะตามที่ต้องการ Schrödinger เค้าก็ไม่เห็นด้วยกับตีความความหมายของ quantum mechanics ตามแบบ Copenhagen Interpretation อ่ะเจ้าค่ะ
เค้าอธิบายว่า เอาแมวใส่กล่องเหล็ก ในกล่องเหล็กก็มีอุปกรณ์วัดกัมมันตภาพรังสี สารกัมมันตภาพรังสี ขวดยาพิษ แล้วก็ฆ้อน ถ้าสารกัมมันตภาพรังสี เกิดการ decay อุปกรณ์ตรวจจับได้ ปล่อยฆ้อนลงมาทุบขวดยาพิษให้แตก ทำให้แมวตาย ซึ่งการ decay ของสารกัมมันตภาพรังสี มัน random เจ้าค่ะ คาดการณ์ไม่ได้ว่าจะเกิดตอนไหน ดังนั้นถ้าไม่ไปเปิดกล่องดู ก็ไม่มีทางรู้หรอกเจ้าค่ะว่าแมวยังอยู่ หรือตาย คือสถานะของแมว เป็นและตายเท่ากัน จนกว่าจะไปเปิดดูนั่นแหละเจ้าค่ะ การจะระบุไปเลยว่าแมว ยังอยู่หรือตาย เป็นเรื่องผิดเจ้าค่ะ ที่ถูกคือต้องบอกว่าแมวคือซอมบี้ ทั้งเป็นและตาย อะไรประมาณนั้น
มันไม่ได้เกี่ยวว่าผู้สังเกตจะเข้าไปยุ่งแล้วทำให้เกิดผลอย่างอื่นหรอกเจ้าค่ะ เค้าหมายถึงว่า ถ้าเราเปิดกล่องแล้วเห็นว่าแมวยังอยู่ ซึ่งเป็นแค่ 1 ใน 2 สถานะที่แมวควรจะเป็น มันก็จะมีอีกสถานะนึงคือเปิดกล่องแล้วเห็นแมวตาย นี่เป็นผลของผู้สังเกต อีกคนที่สังเกตผู้เปิดกล่องแมวเจ้าค่ะ นั่นเป็นเพราะเหตุผล แมวจะอยู่ หรือ ตายสถานะเดียวไม่ได้ ต้องเป็นทั้ง 2 สถานะ กลายเป็นผู้สังเกตที่เปิดกล่องแมวมีสภาพ superposition ไปอีก นั่นแสดงว่าต้องมีผู้สังเกตเหนือผู้สังเกต paradox ปวดหัวตึ๊บเลยเจ้าค่ะ fyi
เค้าอธิบายว่า เอาแมวใส่กล่องเหล็ก ในกล่องเหล็กก็มีอุปกรณ์วัดกัมมันตภาพรังสี สารกัมมันตภาพรังสี ขวดยาพิษ แล้วก็ฆ้อน ถ้าสารกัมมันตภาพรังสี เกิดการ decay อุปกรณ์ตรวจจับได้ ปล่อยฆ้อนลงมาทุบขวดยาพิษให้แตก ทำให้แมวตาย ซึ่งการ decay ของสารกัมมันตภาพรังสี มัน random เจ้าค่ะ คาดการณ์ไม่ได้ว่าจะเกิดตอนไหน ดังนั้นถ้าไม่ไปเปิดกล่องดู ก็ไม่มีทางรู้หรอกเจ้าค่ะว่าแมวยังอยู่ หรือตาย คือสถานะของแมว เป็นและตายเท่ากัน จนกว่าจะไปเปิดดูนั่นแหละเจ้าค่ะ การจะระบุไปเลยว่าแมว ยังอยู่หรือตาย เป็นเรื่องผิดเจ้าค่ะ ที่ถูกคือต้องบอกว่าแมวคือซอมบี้ ทั้งเป็นและตาย อะไรประมาณนั้น
มันไม่ได้เกี่ยวว่าผู้สังเกตจะเข้าไปยุ่งแล้วทำให้เกิดผลอย่างอื่นหรอกเจ้าค่ะ เค้าหมายถึงว่า ถ้าเราเปิดกล่องแล้วเห็นว่าแมวยังอยู่ ซึ่งเป็นแค่ 1 ใน 2 สถานะที่แมวควรจะเป็น มันก็จะมีอีกสถานะนึงคือเปิดกล่องแล้วเห็นแมวตาย นี่เป็นผลของผู้สังเกต อีกคนที่สังเกตผู้เปิดกล่องแมวเจ้าค่ะ นั่นเป็นเพราะเหตุผล แมวจะอยู่ หรือ ตายสถานะเดียวไม่ได้ ต้องเป็นทั้ง 2 สถานะ กลายเป็นผู้สังเกตที่เปิดกล่องแมวมีสภาพ superposition ไปอีก นั่นแสดงว่าต้องมีผู้สังเกตเหนือผู้สังเกต paradox ปวดหัวตึ๊บเลยเจ้าค่ะ fyi
แสดงความคิดเห็น
ขอผู้รู้อธิบายทฤษฎี “แมวของชเรอดิงเงอร์” ให้ผมเข้าใจหน่อยได้ไหมครับ
แมวหนึ่งตัวจะมีชีวิตทั้งๆที่ ตายไปแล้วได้ยังไง เกี่ยวกับช่วงเวลา ผู้สังเกต สองเหตุการณ์น่าจะแยกออกจากกันอย่างสมบูรณ์