กฏทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ เราจะรู้ได้ไงว่า มันถูกพิสูจน์แล้วว่า เป็นเรื่อง จริง ในเมื่อเราไม่ใช่นักวิทย์คนนั้นที่วิจัย

เป็นที่รู้กันนะคับ  ว่า  มีทฤษฏีวิทยาศาสตร์  มากมายที่ถูกพิสูจน์แล้วว่า  เป็นเรื่องจริง

แต่ในเมื่อเราไม่ใช่นักวิทย์คนนั้น  ที่เป็นคนทดลอง  และ  อยุ่ในเหตุการณ์การทำวิจัยเรื่องนั้น

เราจะรู้ได้ไงว่า  มันถูกพิสูจน์แล้วว่า  เป็นเรื่องจริง  

ตัวอย่าง  เช่น  

1.อิเล็กตรอน  เป็นทั้งคลื่นและอนุภาคในเวลาเดียวกัน  จากการของทดลองยิงอิเล็กตรอน  ยิงลงบนฉากรับพื้นหลัง 
แล้วมีริ้วรอยการแทรกสอด  ของคลื่นแสง  ตกกระทบผมฉากรับ  ทำให้นี้คือหลักฐานว่า  มันประพฤติตัวเป็นอนุภาคด้วย
เป็นการทดลองของ  แอร์วิน ชเรอดิงเงอร์  และ  แวร์เนอร์ ไฮเซินแบร์ค

2.แสง เป็นทั้งคลื่นและอนุภาคในเวลาเดียวกัน  เหมือน  อิเล็กตรอน(ข้อ 1.) จากการทดลอง  โฟโตอิเล็กทริก  
ที่ทดลอง  ยิงแสง  ใส่  โลหะ  แล้ว  อิเล็กตรอน  ที่ผิวโลหะ  หลุดออกมาเลย
เป็นการทดลองของ  อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

เป็นต้น

แต่ในเมื่อใครหลายๆคนไม่ได้มีความรู้วิทย์  หรือ  คณิตศาสตร์  Basic เลยแม้แต่น้อย  แล้วจะเอาอะไรมารับรองว่า  
การทดลองของคนพวกนี้  สามารถพิสูจน์ว่า  เรื่องแบบตัวอย่างในข้อ  1. 2. และเรื่องอื่นๆในวิทย์เป็นเรื่องจริง

ถ้าเป็น  เรื่อง  พิสูจน์  ว่า  โลกกลม  ยังง่ายหน่อย  ที่ใช้  ตรีโกณมิติ  คำนวณก็พิสูจน์ได้  ในวันที่เชื่อว่าโลกแบน
แต่ถ้า  เรื่องแบบตัวอย่างที่ว่ามา  และ  อาจมีเรื่องยากๆงานวิจัยในอนาคต

คำถาม

จะรู้ได้ไงว่า  งานวิจัย  การทดลอง  ของนักวิทย์คนไหน  ถูกพิสูจน์แล้วว่าเป็นจริง  ในเมื่อ  คนธรรมดาทั่วไป  ไม่มีความรู้วิทย์-คณิต  Basic
ต่อให้เขาไปดูการทดลอง  หรือ  พยายามทดลองเลียนแบบด้วยตนเอง(หากมีอุปกรณ์)  ก็ไม่มีรับประกันได้อยู่ดีว่า  
มันถูกพิสูจน์แล้วว่า  เป็นเรื่องจริง  นะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 27
ยกตัวอย่างทางการแพทย์นะครับ วิทยาศาสตร์ก็คล้ายๆแบบนี้
ความน่าเชือถือเรียงระดับกันไป
สิ่งที่น่าเชือถือที่สุดคือ
1.ผลการทดลองที่มีการทำซ้ำหลายรอบมากๆ จากหลายๆหน่วยงานที่ไม่มีความเกี่ยวข้องหรือผลประโยชน์ทับซ้อนกัน
แล้วได้ผลตรงกันเสมอไม่ว่าจะทำซ้ำกี่รอบ

รองลงมาคือการวิจัย ทดลอง ต่างๆที่มีการทำซ้ำๆ จากสถาบันหรือบุคคลคนเดียวหรือไม่กี่คน โดยมีหลักฐานยืนยันชัดเจน

จากนั้นจึงเป็นวารสารวิชาการที่มีการตีพิมพ์

แล้วเป็นความเห็นของนักวิชาการหลายๆคนที่มีอ้างอิง

จากนั้นจึงเป็นความคิดหรือความเห็น ไอเดียของคนทั่วไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่