จะขอสรุปเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับกล้องถ่ายภาพนะครับ เรื่องสินค้าออฟฟิศอะไรนี่ปล่อยเค้าไป
จากข้อมูลทั้งหมด จะนำมาสรุปเป็นประเด็นๆไปนะครับ
เริ่มจากในภาพรวมของสินค้าทุกผลิตภัณฑ์ Q2 ปีนี้กำไรทะลุเกิน 1พันล้านเยน เป็นกำไรที่มหาศาลที่สุดในรอบสิบปี นับจากปี 2008
ต่อมา ส่วนที่เกี่ยวกับกล้องถ่ายภาพ
1. สินค้าประเภทกล้องถ่ายภาพ โดยรวมยอดขายลดลง ผลกำไรลดลง
2. จะมีการปรับกลยุทธ์ในครึ่งปีหลังใหม่ เนื่องจากยอดขายยังไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้
3. สินค้าหมวดกล้องถ่ายภาพ จะเสริมความแข็งแกร่งในทิศทางด้านการดึงกลุ่มลูกค้ารายใหม่เข้าสู่ระบบ Entry Model ให้มากขึ้น
4. เพื่อให้ลูกค้าหันมาซื้อสินค้ากล้องในกลุ่ม Entry จากนี้ไปจะนำสเปคและฟังค์ชันใส่เข้ามาในกล้องกลุ่ม Entry ให้สามารถมีศักยภาพในระดับเดียวกับกล้องในรุ่นสูงกว่า นอกจากนั้นจะรับฟังเสียงเรียกร้องจากลูกค้ามากขึ้น เพื่อยอดขายของสินค้าจะสามารถยืดช่วง Decline ออกไปให้ไกลกว่าเดิม
5. จะรีไวซ์แพลนใหม่เพื่อให้สามารถจำหน่ายสินค้าในราคาที่ต่ำลงจากราคาเฉลี่ยเดิมลงได้อีก (ตรงนี้หมายถึง มาร์จิ้นต่อหน่วยที่ลดลงจะถูกชดเชยด้วยจำนวนยูนิตที่เพิ่มขึ้น : พูดง่ายๆแปลไทยเป็นไทยคือ ทำของดีสเปคแรงออกมาแล้วเน้นขายถูกลง แต่จะขายได้มากขึ้น)
6. ยอดขายของ Q2 ปีนี้ ลดลง 3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
7. สินค้าหลักที่เป็นดาวเด่น เป็นตัว Drive ผลประกอบการหลักใน Q นี้คือ EOS M50 ที่เป็นการนำศักยภาพของกล้องระดับสูงมาใส่ลงในบอดี้กล้องระดับ Entry Model และยังมี UI ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ใหม่ ใช้งานง่ายสำหรับมือใหม่ จึงเป็นกล้องที่ประสบความสำเร็จในกลุ่มผู้ใช้มือใหม่ และส่งผลให้ M50 สามารถขึ้นไปอยู่บน Market Share #1 ตลาดญี่ปุ่นของครึ่งปีแรกได้สำเร็จ นอกจากนี้ในตลาดต่างประเทศเองก็มีส่วนแบ่งการตลาดที่สูงขึ้นอีกด้วย
8. สำหรับการดำเนินการที่จะขยายตลาดของช่วงครึ่งปีหลัง (น่าจะหมายถึงแพลนที่จะกำหนดทิศทางของสินค้าในอนาคต จะเริ่มจากกิจกรรมของครึ่งปีหลังนี้) จะมุ่งเน้นไปที่การนำข้อมูลของฝ่ายมาร์เกตติ้งที่ได้รับจากกลุ่มคอมมูนิตี้ (หมายถึงฟีดแบคของกลุ่มผู้ใช้จากเวบบอร์ดหรือแอพลิเคชั่นต่างๆ) ต่างๆมาเผยแพร่ภายในให้มากขึ้นกว่าเดิม
9. เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของตลาดในกลุ่ม Hi Amateur (หมายถึงกลุ่มมือสมัครเล่นในระดับสูงขึ้น ตามการแบ่งสินค้าของแคน่อนคือไลน์ X0D, 6D, 5D) ในครึ่งปีหลังจะมีสินค้าใหม่ออกสู่ตลาด ตามแผน Full Line Up ของบริษัท
10. เรื่องการลดต้นทุน อันนี้สรุปให้ครับว่า เรื่องผลกำไรจะไม่เน้นจากมาร์จิ้นของราคาขายแล้ว แต่ใน Production จะมุ่งเน้นไปที่กิจกรรม Cost Reduction แทน ซึ่งไม่ได้หมายความถึงการลดคุณภาพของวัสดุและการผลิต แต่จะใช้การผลิตแบบ Jidouka (ทำให้เป็นออโตแมติค) เพิ่มขึ้น พวกพาร์ทประกอบต่างๆจะเป็น Localization (หมายถึงการผลิตแบบ In House) เพิ่มขึ้น เพื่อลดค่าใช้จ่ายลง
11. สำหรับตลาด Compact Camera ยอดขายลดลง 22% เทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งได้รับผลกระทบจากตลาดกล้องคอมแพคที่หดตัวลง
โดยสรุป : ไม่รู้จะสรุปอะไรแล้วครับ เอาเป็นว่า Canon ตอนนี้วางแพลนในลักษณะของผู้ท้าชิงที่พร้อมจะลุยแล้ว ไม่ได้เห็นแบบนี้มานานมากตั้งแต่ตอนที่จะทำศึกครั้งสุดท้ายกับคู่แข่งกระจกเมื่อหลายปีก่อน ก็ถือว่าน่าสนใจดีสำหรับทิศทางของค่ายยักษ์ใหญ่
ที่มา
https://global.canon/ja/ir/conference/pdf/conf2018q2j-sum.pdf
Canon แถลงข้อมูล Q2 น่าสนใจเล็กน้อยครับ
จากข้อมูลทั้งหมด จะนำมาสรุปเป็นประเด็นๆไปนะครับ
เริ่มจากในภาพรวมของสินค้าทุกผลิตภัณฑ์ Q2 ปีนี้กำไรทะลุเกิน 1พันล้านเยน เป็นกำไรที่มหาศาลที่สุดในรอบสิบปี นับจากปี 2008
ต่อมา ส่วนที่เกี่ยวกับกล้องถ่ายภาพ
1. สินค้าประเภทกล้องถ่ายภาพ โดยรวมยอดขายลดลง ผลกำไรลดลง
2. จะมีการปรับกลยุทธ์ในครึ่งปีหลังใหม่ เนื่องจากยอดขายยังไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้
3. สินค้าหมวดกล้องถ่ายภาพ จะเสริมความแข็งแกร่งในทิศทางด้านการดึงกลุ่มลูกค้ารายใหม่เข้าสู่ระบบ Entry Model ให้มากขึ้น
4. เพื่อให้ลูกค้าหันมาซื้อสินค้ากล้องในกลุ่ม Entry จากนี้ไปจะนำสเปคและฟังค์ชันใส่เข้ามาในกล้องกลุ่ม Entry ให้สามารถมีศักยภาพในระดับเดียวกับกล้องในรุ่นสูงกว่า นอกจากนั้นจะรับฟังเสียงเรียกร้องจากลูกค้ามากขึ้น เพื่อยอดขายของสินค้าจะสามารถยืดช่วง Decline ออกไปให้ไกลกว่าเดิม
5. จะรีไวซ์แพลนใหม่เพื่อให้สามารถจำหน่ายสินค้าในราคาที่ต่ำลงจากราคาเฉลี่ยเดิมลงได้อีก (ตรงนี้หมายถึง มาร์จิ้นต่อหน่วยที่ลดลงจะถูกชดเชยด้วยจำนวนยูนิตที่เพิ่มขึ้น : พูดง่ายๆแปลไทยเป็นไทยคือ ทำของดีสเปคแรงออกมาแล้วเน้นขายถูกลง แต่จะขายได้มากขึ้น)
6. ยอดขายของ Q2 ปีนี้ ลดลง 3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
7. สินค้าหลักที่เป็นดาวเด่น เป็นตัว Drive ผลประกอบการหลักใน Q นี้คือ EOS M50 ที่เป็นการนำศักยภาพของกล้องระดับสูงมาใส่ลงในบอดี้กล้องระดับ Entry Model และยังมี UI ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ใหม่ ใช้งานง่ายสำหรับมือใหม่ จึงเป็นกล้องที่ประสบความสำเร็จในกลุ่มผู้ใช้มือใหม่ และส่งผลให้ M50 สามารถขึ้นไปอยู่บน Market Share #1 ตลาดญี่ปุ่นของครึ่งปีแรกได้สำเร็จ นอกจากนี้ในตลาดต่างประเทศเองก็มีส่วนแบ่งการตลาดที่สูงขึ้นอีกด้วย
8. สำหรับการดำเนินการที่จะขยายตลาดของช่วงครึ่งปีหลัง (น่าจะหมายถึงแพลนที่จะกำหนดทิศทางของสินค้าในอนาคต จะเริ่มจากกิจกรรมของครึ่งปีหลังนี้) จะมุ่งเน้นไปที่การนำข้อมูลของฝ่ายมาร์เกตติ้งที่ได้รับจากกลุ่มคอมมูนิตี้ (หมายถึงฟีดแบคของกลุ่มผู้ใช้จากเวบบอร์ดหรือแอพลิเคชั่นต่างๆ) ต่างๆมาเผยแพร่ภายในให้มากขึ้นกว่าเดิม
9. เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของตลาดในกลุ่ม Hi Amateur (หมายถึงกลุ่มมือสมัครเล่นในระดับสูงขึ้น ตามการแบ่งสินค้าของแคน่อนคือไลน์ X0D, 6D, 5D) ในครึ่งปีหลังจะมีสินค้าใหม่ออกสู่ตลาด ตามแผน Full Line Up ของบริษัท
10. เรื่องการลดต้นทุน อันนี้สรุปให้ครับว่า เรื่องผลกำไรจะไม่เน้นจากมาร์จิ้นของราคาขายแล้ว แต่ใน Production จะมุ่งเน้นไปที่กิจกรรม Cost Reduction แทน ซึ่งไม่ได้หมายความถึงการลดคุณภาพของวัสดุและการผลิต แต่จะใช้การผลิตแบบ Jidouka (ทำให้เป็นออโตแมติค) เพิ่มขึ้น พวกพาร์ทประกอบต่างๆจะเป็น Localization (หมายถึงการผลิตแบบ In House) เพิ่มขึ้น เพื่อลดค่าใช้จ่ายลง
11. สำหรับตลาด Compact Camera ยอดขายลดลง 22% เทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งได้รับผลกระทบจากตลาดกล้องคอมแพคที่หดตัวลง
โดยสรุป : ไม่รู้จะสรุปอะไรแล้วครับ เอาเป็นว่า Canon ตอนนี้วางแพลนในลักษณะของผู้ท้าชิงที่พร้อมจะลุยแล้ว ไม่ได้เห็นแบบนี้มานานมากตั้งแต่ตอนที่จะทำศึกครั้งสุดท้ายกับคู่แข่งกระจกเมื่อหลายปีก่อน ก็ถือว่าน่าสนใจดีสำหรับทิศทางของค่ายยักษ์ใหญ่
ที่มา
https://global.canon/ja/ir/conference/pdf/conf2018q2j-sum.pdf