สวัสดีคะ นี้เป็นการเขียนตั้งกระทู้ครั้งแรก ด้วยความที่ว่าเราเป็น นอยๆ กับชีวิตเราตอนนี้มากๆ อะไรมันก็แย่ไปหมด ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ มันเข้ามาพร้อมๆกันจนเราตั้งรับไม่ทัน เราจะพูดย้อนไปเมื่อปีที่แล้วละกันต้นเหตุของปัญหา คือ ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่ไม่มีหนี้สินอะไรมาก่อน อยู่แบบปกติ
ธรรมดาสามัญชน ว่าง่ายๆก็ชาวบ้านธรมดาหาเช้ากินค่ำไม่อดไม่อยาก ด้วยความที่บ้านเราเป็นร้าขายของพวกอาหาร แม่เราก็จะมีเพื่อนเยอะ คนรู้จักเยอะ
เพราะแกเป็นคนพูดเก่งตามนิสัยแม่ค้า ด้วยความที่บ้านเราพื้นเพเป็นคนคุยกับคนอื่นง่ายๆอยู่แล้วอะไรก็ได้ แม่เราก็เลยได้ไปรู้จักกับคนๆนึง
ขายของเหมือนๆกัน ไปมาหาสู่เอาข้าวนำอะไรไปส่งแบบเพื่อนสนิท (คนนี้เขาเป็นผู้หญิงนะคะ) ก็ทำแบบนี้มานานพอสมควรเลยแหละ
ส่วนเพื่อนคนนั้นเวลามาบ้านเราก็จะมานั่งเล่น เก็บของช่วย ล้างถ้วยช่วย แบบ เหมือน ญาติคนนึงที่มาทำดีด้วย ด้วยความไว้ใจหรืออะไรต่างๆ
วันนั้น เพื่อนคนเนี่ย เขาก็เดือดร้อนมาหาแม่เราให้แม่เราช่วยค่ำเงินกู้ให้แก ด้วยความที่คิดว่าสนิทกันแม่เราก็ไปค่ำเงินก้อนนั้นให้แก
ซึ่งไม่ฟังความคิดเห็นจากคนที่บ้านสักคนว่าเงินเยอะขนาดนั้น มันใช่หรอที่จะไปค่ำให้เขา แม่เราก็ไว้ใจเชื่อใจทุกสิ่งอย่างก็ตัดสินใจไปค่ำให้เขา
ซึ่งเงินที่เอาไปเราบอกเลยว่าเป็นจำนวนไม่น้อย ( 1xx,xxx ขึ้น ) แล้วผลสุดท้ายก็เป็นแบบที่ทุกคนคิดก็คือ เขาหนีไปเลย หนีไปโดยทิ้งหนี้ก้อนนี้ไว้ค่ำคอ
ครอบครัวเรา (หนี้ที่ยืมเป็นหนี้นอกระบบนะค่ะยืมจากคนที่สนิทก็บแม่เราแล้วเครดิตแม่เราดีพอสมควรเลยยิมได้ซึ้งเขาก็ได้บอกแล้ว่าถ้ามีปํญหาอะไรแม่เราจะต้องเป็นคนรับผิดชอบ) แล้วครอบครัวเราก็ถึงขั้นวิกฤท ระบบการเงินในบ้าน ลวนไปหมด ไม่มีเงิน หาเงินมาได้ก็ต้องเอาไปให้เขา ผ่านมาเลื่อยๆ จนมาถึงปีใหม่ที่ผ่านมา ตาเราได้เข้าโรงพยาบาลเพราะเบาหวานขึ้น 400 กว่า ช็อค เข้าโรงพยาบาล หลังออกโรงพยาบาล อาการของแกก็คงตัวที่ตรวจเจอ มิมเลือดในสมอง แต่ก็รักษาให้อาการคงตัวตลอดมา จนมาล่าสุดคะ เมื่อเดือนที่แล้ว เงินทางบ้านเราค่อนข้างย่ำแย่ ตาเราก่อนที่แกจะช็อค
หรืออะไรก่อนหน้านี้แกขัยรถสิบล้อมาก่อนพอแกป่วยเลยให้แกเลิกขับไป แต่ด้วยความที่บ้านเราไม่มีใช่ ตาแกก็กลับไปขับรถสิบล้อเหมือนเดิม ไม่ใช่ว่าคนในบ้านไม่ห้ามนะคะ ห้ามทุกคน ห้ามจนยายเรา บอกจะตัดขาดไม่เผาผีกับตาเราเลยแต่แกก็ไม่ฟัง แกก็กลับไปขับ จนล่าสุดเมื่อวานนี้ แกชักเกรงบนรถสิบล้อ นอนชักบนรถสิบล้อมาสองวันพึ่งมีคนพาตาเราไปโรงพยาบาลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา อาการตอนนี้โคม่า หนักพอตัวแกนอนตากแดดบนรถมานาน2วัน
ตัวไหม้ด้วยแดด พองทั้งตัว เบาหวานขึ้น เส้นเลือดในสมองตีบ หมอบอกว่าเป็นอัมพฤกครึ่งตัว แม่เราก็ต้องได้หยุดทำงานไป ยายเราก็เช่นกัน ส่วนเราก็เรียนมหาลัยปี1 ตอนนี้เราสับสนไปหมด ว่าเราจะหยุดเรียนละออกมาทำงานดีไหม แต่ยายเราไม่ให้ลาออกแกบอกว่าไม่ต้องห่วงทางบ้านเรียนไป หน้าที่ของเราคือเรียนไปและไปมีอนาคต เรียนให้จบ แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยมาทำงานช่วยแบ่งเบา เราเข้าใจว่าแกห่วงเรา เราก็ห่วงแกห่วงตาห่วงครอบครัว ตอนนี้เรารู้สึกทั้งโชคร้าย ทั้งเสียใจ ทั้งหมดหนทาง มันตันไปหมดเรามีความคิดที่จพทำพาททามนะ และเราก็จะทำ แต่เรา นอย นอย ชีวิตที่มันแย่แบบนี้
เราจะไม่โทษใคร เราจะโทษที่ครอบครัวเรามันไว้ใจคนง่ายเอง ที่เชื่อคนง่าย เลยต้องมาเจอเรื่องแย่ๆ แบบนี้ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ เข้ามาฟังระบายของเรา ใครมีแง่คิด มีเรื่องราวที่ทำให้เราอยากสู้อยากเดินต่อ แชร์มาได้นะค่ะ เรารับฟังเช่นกัน
--------------------- ถ้าเป็นกรรมแต่ชาติปางไหนก็ขอให้เลิกแล้วต่อกันในชาตินี้อย่าได้ตามจองเวรกันอีกเลย -------------------#
ความทุกข์เข้ามาพร้อมๆกันเยอะมาก ตอนนี้เราจนปัญญามากพอจะมีใครมีเรื่องราวดีๆพอเป็นแนวทางการเดินไปข้างหน้าชีวิตเราบ้างไหม?
ธรรมดาสามัญชน ว่าง่ายๆก็ชาวบ้านธรมดาหาเช้ากินค่ำไม่อดไม่อยาก ด้วยความที่บ้านเราเป็นร้าขายของพวกอาหาร แม่เราก็จะมีเพื่อนเยอะ คนรู้จักเยอะ
เพราะแกเป็นคนพูดเก่งตามนิสัยแม่ค้า ด้วยความที่บ้านเราพื้นเพเป็นคนคุยกับคนอื่นง่ายๆอยู่แล้วอะไรก็ได้ แม่เราก็เลยได้ไปรู้จักกับคนๆนึง
ขายของเหมือนๆกัน ไปมาหาสู่เอาข้าวนำอะไรไปส่งแบบเพื่อนสนิท (คนนี้เขาเป็นผู้หญิงนะคะ) ก็ทำแบบนี้มานานพอสมควรเลยแหละ
ส่วนเพื่อนคนนั้นเวลามาบ้านเราก็จะมานั่งเล่น เก็บของช่วย ล้างถ้วยช่วย แบบ เหมือน ญาติคนนึงที่มาทำดีด้วย ด้วยความไว้ใจหรืออะไรต่างๆ
วันนั้น เพื่อนคนเนี่ย เขาก็เดือดร้อนมาหาแม่เราให้แม่เราช่วยค่ำเงินกู้ให้แก ด้วยความที่คิดว่าสนิทกันแม่เราก็ไปค่ำเงินก้อนนั้นให้แก
ซึ่งไม่ฟังความคิดเห็นจากคนที่บ้านสักคนว่าเงินเยอะขนาดนั้น มันใช่หรอที่จะไปค่ำให้เขา แม่เราก็ไว้ใจเชื่อใจทุกสิ่งอย่างก็ตัดสินใจไปค่ำให้เขา
ซึ่งเงินที่เอาไปเราบอกเลยว่าเป็นจำนวนไม่น้อย ( 1xx,xxx ขึ้น ) แล้วผลสุดท้ายก็เป็นแบบที่ทุกคนคิดก็คือ เขาหนีไปเลย หนีไปโดยทิ้งหนี้ก้อนนี้ไว้ค่ำคอ
ครอบครัวเรา (หนี้ที่ยืมเป็นหนี้นอกระบบนะค่ะยืมจากคนที่สนิทก็บแม่เราแล้วเครดิตแม่เราดีพอสมควรเลยยิมได้ซึ้งเขาก็ได้บอกแล้ว่าถ้ามีปํญหาอะไรแม่เราจะต้องเป็นคนรับผิดชอบ) แล้วครอบครัวเราก็ถึงขั้นวิกฤท ระบบการเงินในบ้าน ลวนไปหมด ไม่มีเงิน หาเงินมาได้ก็ต้องเอาไปให้เขา ผ่านมาเลื่อยๆ จนมาถึงปีใหม่ที่ผ่านมา ตาเราได้เข้าโรงพยาบาลเพราะเบาหวานขึ้น 400 กว่า ช็อค เข้าโรงพยาบาล หลังออกโรงพยาบาล อาการของแกก็คงตัวที่ตรวจเจอ มิมเลือดในสมอง แต่ก็รักษาให้อาการคงตัวตลอดมา จนมาล่าสุดคะ เมื่อเดือนที่แล้ว เงินทางบ้านเราค่อนข้างย่ำแย่ ตาเราก่อนที่แกจะช็อค
หรืออะไรก่อนหน้านี้แกขัยรถสิบล้อมาก่อนพอแกป่วยเลยให้แกเลิกขับไป แต่ด้วยความที่บ้านเราไม่มีใช่ ตาแกก็กลับไปขับรถสิบล้อเหมือนเดิม ไม่ใช่ว่าคนในบ้านไม่ห้ามนะคะ ห้ามทุกคน ห้ามจนยายเรา บอกจะตัดขาดไม่เผาผีกับตาเราเลยแต่แกก็ไม่ฟัง แกก็กลับไปขับ จนล่าสุดเมื่อวานนี้ แกชักเกรงบนรถสิบล้อ นอนชักบนรถสิบล้อมาสองวันพึ่งมีคนพาตาเราไปโรงพยาบาลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา อาการตอนนี้โคม่า หนักพอตัวแกนอนตากแดดบนรถมานาน2วัน
ตัวไหม้ด้วยแดด พองทั้งตัว เบาหวานขึ้น เส้นเลือดในสมองตีบ หมอบอกว่าเป็นอัมพฤกครึ่งตัว แม่เราก็ต้องได้หยุดทำงานไป ยายเราก็เช่นกัน ส่วนเราก็เรียนมหาลัยปี1 ตอนนี้เราสับสนไปหมด ว่าเราจะหยุดเรียนละออกมาทำงานดีไหม แต่ยายเราไม่ให้ลาออกแกบอกว่าไม่ต้องห่วงทางบ้านเรียนไป หน้าที่ของเราคือเรียนไปและไปมีอนาคต เรียนให้จบ แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยมาทำงานช่วยแบ่งเบา เราเข้าใจว่าแกห่วงเรา เราก็ห่วงแกห่วงตาห่วงครอบครัว ตอนนี้เรารู้สึกทั้งโชคร้าย ทั้งเสียใจ ทั้งหมดหนทาง มันตันไปหมดเรามีความคิดที่จพทำพาททามนะ และเราก็จะทำ แต่เรา นอย นอย ชีวิตที่มันแย่แบบนี้
เราจะไม่โทษใคร เราจะโทษที่ครอบครัวเรามันไว้ใจคนง่ายเอง ที่เชื่อคนง่าย เลยต้องมาเจอเรื่องแย่ๆ แบบนี้ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ เข้ามาฟังระบายของเรา ใครมีแง่คิด มีเรื่องราวที่ทำให้เราอยากสู้อยากเดินต่อ แชร์มาได้นะค่ะ เรารับฟังเช่นกัน
--------------------- ถ้าเป็นกรรมแต่ชาติปางไหนก็ขอให้เลิกแล้วต่อกันในชาตินี้อย่าได้ตามจองเวรกันอีกเลย -------------------#