
ต่อจากกระทู้นี้นะคะ
New Zealand Motorhome Trip in Winter มาขับรถบ้านเที่ยวเกาะใต้นิวซีแลนด์ยามหนาวเหน็บกัน - แวะชมซิดนีย์ก่อนบินไปขับรถบ้าน
https://pantip.com/topic/37893150
กุ๊กสรุปค่าใช้จ่ายไว้ที่กระทู้นี้นะคะ
https://pantip.com/topic/37898632
Day 6 - 6 July 2018
ที่จอดวันนี้วิวดีอีกแล้ว Lake Pukaki ระหว่างเข้าแคมป์ก็สวยเหลือเกิน แต่ไม่มีแรงฝ่าความหนาวลงไปถ่ายรูปแล้ว
ถึงจะเจ็บกันออดๆแอดๆ แต่อยากให้หิมะตกจัง อยากเจอ อุตส่าห์มาตั้งไกล ตกมาให้พี่เล่นสักหน่อยนะ อย่าอยู่แต่บนยอดเขาเลย

Day 7 - 07 July 2018
วิวสำหรับแคมป์คืนนี้ เห็นหิมะกำลังไหลลงมาจากยอดเขาไหม ฝนยังคงตกไม่หยุดตั้งแต่เมื่อคืนจนตอนนี้ พยากรณ์อากาศบอกว่าจะหยุดช่วงบ่ายสาม แล้วเราจะไปเดินแทร็ค Mt Cook กัน

ฝ่าฝนและความหนาวเดินเทร็ค Hooker Valley Track หนึ่งในหลายๆเส้นทางการเดินเทร็คในอุทยานแห่งชาติ Mt Cook ที่ UNESCO แต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในแหล่งมรดกโลก เดินไปเห็นยอด Mt Cook ไป หนังเรื่อง Vertical Limit (ดูเถอะ ลุ้นเยี่ยวเหนียวดี) ก็มาถ่ายทำที่นี่โดยสมมติว่ายอดเมาท์คุกคือยอดเขา K2 ยอดเขาที่สูงอันดับสองของโลก

นิวซีแลนด์มีภูเขาที่สูงกว่า 3,000 เมตรทั้งหมด 23 ลูก อยู่ในอุทยานแห่งชาติเมาท์คุกไป 19 ลูกเลยค่า (จาก Lonely Planet) แหม นึกถึงฉากที่พิ๊พพิ่นปีนขึ้นไปจุดไฟสัญญาณขอความช่วยเหลือของกอนดอร์ จากนั้นไฟสัญญาณจากแต่ละเมืองบนยอดเขาก็จุดตามๆกัน จนกษัตริย์โรฮานขานรับการขอความช่วยเหลือจากกอนดอร์ เป็นฉากที่ดูกี่รอบก็ขนลุกทุกที เสียงกษัตริย์โรฮานยังก้องอยู่ในหัว “และโรฮานจะขานรับ!!!”
ที่กล่าวมาคือแค่จะอ้างความยิ่งใหญ่ของเมาท์คุก แต่เราไม่ได้ไปปีนอะไรกะเค้านะ เราแค่เดินบนทางราบเรียบๆไปกลับสิบกิโล ทางทำไว้ดีมากๆ มีสะพานแขวนข้ามแม่น้ำเชี่ยวกรากสามเส้น เดินแล้วดึ๋งดั๋งดี แต่ที่โหดคือสภาพอากาศวันนี้ 3 องศาอีกแล้ว ฝนยังตกอีก แล้วตอนใกล้ถึงจุดหมายลมแรงมากจนคนอย่างอิชั้นจะปลิวจ้า แต่ก็ไม่วายมีพ่อแม่พาลูกๆมาเดินตากฝนกันเพียบ

ปลายทางที่ 5 กม คือทะเลสาบ Hooker เป็นทะเลสาบสีน้ำนม สำหรับกุ๊กมันคือสัญลักษณ์แห่งความเศร้าเพราะมีน้ำแข็งลอยอยู่ในทะเลสาบนี้ไม่มากแล้ว 100 ปีก่อนหน้านี้ มันเคยเป็นธารน้ำแข็งที่เห็นได้ตั้งแต่ต้นทาง แต่ตอนนี้ใครอยากเห็นกลับต้องเดินถึง 5 กม เพื่อไปดู ก็โลกมันร้อนขึ้นทุกวันนี่นะ

ปล ต้องเอาโกโปรซุกกระเป๋าเสื้อแล้วเอามือกำไว้ให้มันอุ่นตลอด ไม่งั้นแบตตายอีก โกโปรนี่ขี้หนาวจริงๆลุย

Day 8 - 8 July 2018 วันที่แสนธรรมดา
วันนี้เราตื่นสายมากเพราะต้องการพักผ่อนจากการเดินเทร็คตากฝนเมื่อวาน เดอะบ๊อบทำอาหารเช้า กิน ล้าง เก็บ เสร็จเรียบร้อยเตรียมพร้อมออกเดินทางสองร้อยกว่ากิโลมุ่งหน้าไป Lake Wanaka บอกลาเมาท์คุก มรดกโลกอันแสนงดงาม และแวะถ่ายรูปอีกครั้งกับ Lake Pukaki ที่สีฟ้าตลอดเวลาแม้ฝนตกจากจุดชมวิว Peter’s Lookout

เราผ่าน Lindis Pass เป็นเส้นทางที่ขนาบไปด้วยภูเขาหัวโล้นแลดูแห้งแล้งในหน้าหนาว แตกต่างจากวิวไปเมาท์คุกเมื่อวานอย่างสิ้นเชิงที่เราร้องโอ้โห อื้อหือกันทุกวินาที แต่ก็ดูสวยไปอีกแบบนะ ขับประมาณสองชั่วโมงกว่าๆก็ถึงเมือง Wanaka ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ความสนุกหายไปเยอะพอควรเพราะต้องขับรถระวังมากขึ้น แวะเติมน้ำมันที่ต้องเติมเองแล้วเข้าไปจ่ายตังในร้าน สนุกดี เราแวะห้าง New World เพื่อเติมเสบียงอาหาร สังเกตได้ชัดเจนถึงความเป็นเมืองมากกว่าที่ต่างๆที่เราผ่านมา เพราะคนเยอะมาก เดินแย่งกันซื้อของจนมึนหัว แต่ถึงกระนั้นเมืองนี้ก็มีความน่ารักบอกไม่ถูก บ้านแต่ละหลัง หลังเล็กๆน่าอยู่ ร้านค้าเป็นสัดส่วน ถ้าฝนไม่ตกคงได้ถ่ายรูปมาพอควร

วันนี้พอถึงแคมป์ที่พัก Top 10 เรารีบทำอาหารกิน มื้อนี้อยากกินข้าวกระเพราหมูมากๆ จัดเลยค่ะ กระเพราหมูใส่ซองโลโบ พอกินได้ เดอะบ๊อบทำต้มจืดไก่ใส่ผักกะไข่เจียว จากนั้นรีบอาบน้ำอุ่นและซักผ้าครึ่งทริปที่ผ่านมา จะเป็นการซักครั้งใหญ่และครั้งเดียวของทริปนี้ ทั้งซักและอบ 90 บาท ผงซักฟอกเราเอามาเองจากบ้าน เพราะอ่านรีวิวเจอว่า ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน ฟองน้ำ ที่นี่แพงมาก แอบรู้สึกว่าวันนี้ไม่ค่อยได้อะไรเท่าไหร่ รีบวางแผนสำหรับพรุ่งนี้ดีกว่า ยังไงก็ยังคงชอบการแพลนแบบวันต่อวัน เหนื่อยก็พัก พลังเยอะก็ออกไปเดิน ที่พักนี่วอล์คอินตลอด หน้าหนาวคนเที่ยวไม่ค่อยมาก ไปที่ไหนไม่เคยเต็มเลย ขอไปแพลนของวันพรุ่งนี้ก่อนล่ะน้า

อรุณสวัสดิ์วันที่ 9 ของการเดินทาง
เช้านี้ 4 องศาเซลเซียส ณ วานาก้า หิมะที่บอกจะตกตอนแปดโมงก็เปลี่ยนใจไม่ตกซะละ คุณหลอกดาวววว
เชฟเดอะบ๊อบจัดไก่ทอดน้ำปลาให้เป็นอาหารเช้า เชฟจากหลากหลายประเทศมาแข่งขันกันโช้งเช้งในครัวกลางของแคมป์
ครอบครัวคนจีนก็ตามระเบียบบ้านเค้า เสียงดังฟังชัด เป็นการแสดงความยิ่งใหญ่ ปล่อยลูกๆวิ่งเล่นตามใจในครัว กรี๊ดกร๊าดเต็มที่ ครอบครัวฝรั่งมากะลูกห้าคน มาถึงพ่อแม่แยกกันทำกับข้าว ลูกห้าคนนั่งโต๊ะรอกินอย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อย กินเสร็จลูกฝรั่งต่างคนต่างล้างจานของตัวเองมาคืนแม่ โห ประทับใจ เด็กตัวนิดเดียวเอง

คิดถึงสาวญี่ปุ่นเมื่อคืน เราเดินไปขอแลกเหรียญเพื่อใช้ซักผ้า นางวิ่งตากฝนไปที่รถนางเพื่อหาเหรียญให้เรา เราขอบคุณนางเป็นทั้งอังกฤษทั้งไทยและยกมือไหว้ นางถามว่าเรามาจากไทยเหรอ เราบอกว่าใช่ นางเลยยกมือไหว้กลับและพูดไทยว่า ขอบคุณค่า เราเลยโค้งแล้วตอบกลับไปว่า อาริกาโตะ ...รู้สึกอบอุ่นจัง

เติมน้ำดีเข้ารถ และดัมพ์น้ำใช้แล้วทิ้งไป ระหว่างดัมพ์มีคุณแม่ครอบครัวฝรั่งถือแหวนเงินสองวงมาเคาะกระจกถามว่าเราลืมแหวนสองวงนี้ในครัวหรือเปล่า เราก็ตอบไปว่าไม่ใช่ของเรา เสร็จแล้วเราขับออกจากแคมป์เดินถ่ายรูปเล่นริมทะเลสาบ เดอะบ๊อบนึกขึ้นได้ว่าลืมโทรศัพท์ไว้ในห้องน้ำรวมที่แคมป์ (เป็นอะไรกะโทรศัพท์มากนะสองผัวเมียนี่) ในใจคิดว่ายังงัยก็ไม่หายเชื่อดิ และเป็นตามนั้น มันวางอยู่ในห้องน้ำเดิม ที่เดิม ขอบคุณ นิวซีแลนด์และเพื่อนร่วมแคมป์ดีๆ วันนี้ขับรถเพียง 50 กม เบาๆ มุ่งหน้าสู่ Queenstown
New Zealand Motorhome Trip in Winter - Lake Pukaki to Mt Cook, Wanaka and Arrowtown
ต่อจากกระทู้นี้นะคะ
New Zealand Motorhome Trip in Winter มาขับรถบ้านเที่ยวเกาะใต้นิวซีแลนด์ยามหนาวเหน็บกัน - แวะชมซิดนีย์ก่อนบินไปขับรถบ้าน
https://pantip.com/topic/37893150
กุ๊กสรุปค่าใช้จ่ายไว้ที่กระทู้นี้นะคะ https://pantip.com/topic/37898632
Day 6 - 6 July 2018
ที่จอดวันนี้วิวดีอีกแล้ว Lake Pukaki ระหว่างเข้าแคมป์ก็สวยเหลือเกิน แต่ไม่มีแรงฝ่าความหนาวลงไปถ่ายรูปแล้ว
ถึงจะเจ็บกันออดๆแอดๆ แต่อยากให้หิมะตกจัง อยากเจอ อุตส่าห์มาตั้งไกล ตกมาให้พี่เล่นสักหน่อยนะ อย่าอยู่แต่บนยอดเขาเลย
Day 7 - 07 July 2018
วิวสำหรับแคมป์คืนนี้ เห็นหิมะกำลังไหลลงมาจากยอดเขาไหม ฝนยังคงตกไม่หยุดตั้งแต่เมื่อคืนจนตอนนี้ พยากรณ์อากาศบอกว่าจะหยุดช่วงบ่ายสาม แล้วเราจะไปเดินแทร็ค Mt Cook กัน
ฝ่าฝนและความหนาวเดินเทร็ค Hooker Valley Track หนึ่งในหลายๆเส้นทางการเดินเทร็คในอุทยานแห่งชาติ Mt Cook ที่ UNESCO แต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในแหล่งมรดกโลก เดินไปเห็นยอด Mt Cook ไป หนังเรื่อง Vertical Limit (ดูเถอะ ลุ้นเยี่ยวเหนียวดี) ก็มาถ่ายทำที่นี่โดยสมมติว่ายอดเมาท์คุกคือยอดเขา K2 ยอดเขาที่สูงอันดับสองของโลก
นิวซีแลนด์มีภูเขาที่สูงกว่า 3,000 เมตรทั้งหมด 23 ลูก อยู่ในอุทยานแห่งชาติเมาท์คุกไป 19 ลูกเลยค่า (จาก Lonely Planet) แหม นึกถึงฉากที่พิ๊พพิ่นปีนขึ้นไปจุดไฟสัญญาณขอความช่วยเหลือของกอนดอร์ จากนั้นไฟสัญญาณจากแต่ละเมืองบนยอดเขาก็จุดตามๆกัน จนกษัตริย์โรฮานขานรับการขอความช่วยเหลือจากกอนดอร์ เป็นฉากที่ดูกี่รอบก็ขนลุกทุกที เสียงกษัตริย์โรฮานยังก้องอยู่ในหัว “และโรฮานจะขานรับ!!!”
ที่กล่าวมาคือแค่จะอ้างความยิ่งใหญ่ของเมาท์คุก แต่เราไม่ได้ไปปีนอะไรกะเค้านะ เราแค่เดินบนทางราบเรียบๆไปกลับสิบกิโล ทางทำไว้ดีมากๆ มีสะพานแขวนข้ามแม่น้ำเชี่ยวกรากสามเส้น เดินแล้วดึ๋งดั๋งดี แต่ที่โหดคือสภาพอากาศวันนี้ 3 องศาอีกแล้ว ฝนยังตกอีก แล้วตอนใกล้ถึงจุดหมายลมแรงมากจนคนอย่างอิชั้นจะปลิวจ้า แต่ก็ไม่วายมีพ่อแม่พาลูกๆมาเดินตากฝนกันเพียบ
ปลายทางที่ 5 กม คือทะเลสาบ Hooker เป็นทะเลสาบสีน้ำนม สำหรับกุ๊กมันคือสัญลักษณ์แห่งความเศร้าเพราะมีน้ำแข็งลอยอยู่ในทะเลสาบนี้ไม่มากแล้ว 100 ปีก่อนหน้านี้ มันเคยเป็นธารน้ำแข็งที่เห็นได้ตั้งแต่ต้นทาง แต่ตอนนี้ใครอยากเห็นกลับต้องเดินถึง 5 กม เพื่อไปดู ก็โลกมันร้อนขึ้นทุกวันนี่นะ
ปล ต้องเอาโกโปรซุกกระเป๋าเสื้อแล้วเอามือกำไว้ให้มันอุ่นตลอด ไม่งั้นแบตตายอีก โกโปรนี่ขี้หนาวจริงๆลุย
Day 8 - 8 July 2018 วันที่แสนธรรมดา
วันนี้เราตื่นสายมากเพราะต้องการพักผ่อนจากการเดินเทร็คตากฝนเมื่อวาน เดอะบ๊อบทำอาหารเช้า กิน ล้าง เก็บ เสร็จเรียบร้อยเตรียมพร้อมออกเดินทางสองร้อยกว่ากิโลมุ่งหน้าไป Lake Wanaka บอกลาเมาท์คุก มรดกโลกอันแสนงดงาม และแวะถ่ายรูปอีกครั้งกับ Lake Pukaki ที่สีฟ้าตลอดเวลาแม้ฝนตกจากจุดชมวิว Peter’s Lookout
เราผ่าน Lindis Pass เป็นเส้นทางที่ขนาบไปด้วยภูเขาหัวโล้นแลดูแห้งแล้งในหน้าหนาว แตกต่างจากวิวไปเมาท์คุกเมื่อวานอย่างสิ้นเชิงที่เราร้องโอ้โห อื้อหือกันทุกวินาที แต่ก็ดูสวยไปอีกแบบนะ ขับประมาณสองชั่วโมงกว่าๆก็ถึงเมือง Wanaka ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ความสนุกหายไปเยอะพอควรเพราะต้องขับรถระวังมากขึ้น แวะเติมน้ำมันที่ต้องเติมเองแล้วเข้าไปจ่ายตังในร้าน สนุกดี เราแวะห้าง New World เพื่อเติมเสบียงอาหาร สังเกตได้ชัดเจนถึงความเป็นเมืองมากกว่าที่ต่างๆที่เราผ่านมา เพราะคนเยอะมาก เดินแย่งกันซื้อของจนมึนหัว แต่ถึงกระนั้นเมืองนี้ก็มีความน่ารักบอกไม่ถูก บ้านแต่ละหลัง หลังเล็กๆน่าอยู่ ร้านค้าเป็นสัดส่วน ถ้าฝนไม่ตกคงได้ถ่ายรูปมาพอควร
วันนี้พอถึงแคมป์ที่พัก Top 10 เรารีบทำอาหารกิน มื้อนี้อยากกินข้าวกระเพราหมูมากๆ จัดเลยค่ะ กระเพราหมูใส่ซองโลโบ พอกินได้ เดอะบ๊อบทำต้มจืดไก่ใส่ผักกะไข่เจียว จากนั้นรีบอาบน้ำอุ่นและซักผ้าครึ่งทริปที่ผ่านมา จะเป็นการซักครั้งใหญ่และครั้งเดียวของทริปนี้ ทั้งซักและอบ 90 บาท ผงซักฟอกเราเอามาเองจากบ้าน เพราะอ่านรีวิวเจอว่า ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน ฟองน้ำ ที่นี่แพงมาก แอบรู้สึกว่าวันนี้ไม่ค่อยได้อะไรเท่าไหร่ รีบวางแผนสำหรับพรุ่งนี้ดีกว่า ยังไงก็ยังคงชอบการแพลนแบบวันต่อวัน เหนื่อยก็พัก พลังเยอะก็ออกไปเดิน ที่พักนี่วอล์คอินตลอด หน้าหนาวคนเที่ยวไม่ค่อยมาก ไปที่ไหนไม่เคยเต็มเลย ขอไปแพลนของวันพรุ่งนี้ก่อนล่ะน้า
อรุณสวัสดิ์วันที่ 9 ของการเดินทาง
เช้านี้ 4 องศาเซลเซียส ณ วานาก้า หิมะที่บอกจะตกตอนแปดโมงก็เปลี่ยนใจไม่ตกซะละ คุณหลอกดาวววว
เชฟเดอะบ๊อบจัดไก่ทอดน้ำปลาให้เป็นอาหารเช้า เชฟจากหลากหลายประเทศมาแข่งขันกันโช้งเช้งในครัวกลางของแคมป์
ครอบครัวคนจีนก็ตามระเบียบบ้านเค้า เสียงดังฟังชัด เป็นการแสดงความยิ่งใหญ่ ปล่อยลูกๆวิ่งเล่นตามใจในครัว กรี๊ดกร๊าดเต็มที่ ครอบครัวฝรั่งมากะลูกห้าคน มาถึงพ่อแม่แยกกันทำกับข้าว ลูกห้าคนนั่งโต๊ะรอกินอย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อย กินเสร็จลูกฝรั่งต่างคนต่างล้างจานของตัวเองมาคืนแม่ โห ประทับใจ เด็กตัวนิดเดียวเอง
คิดถึงสาวญี่ปุ่นเมื่อคืน เราเดินไปขอแลกเหรียญเพื่อใช้ซักผ้า นางวิ่งตากฝนไปที่รถนางเพื่อหาเหรียญให้เรา เราขอบคุณนางเป็นทั้งอังกฤษทั้งไทยและยกมือไหว้ นางถามว่าเรามาจากไทยเหรอ เราบอกว่าใช่ นางเลยยกมือไหว้กลับและพูดไทยว่า ขอบคุณค่า เราเลยโค้งแล้วตอบกลับไปว่า อาริกาโตะ ...รู้สึกอบอุ่นจัง
เติมน้ำดีเข้ารถ และดัมพ์น้ำใช้แล้วทิ้งไป ระหว่างดัมพ์มีคุณแม่ครอบครัวฝรั่งถือแหวนเงินสองวงมาเคาะกระจกถามว่าเราลืมแหวนสองวงนี้ในครัวหรือเปล่า เราก็ตอบไปว่าไม่ใช่ของเรา เสร็จแล้วเราขับออกจากแคมป์เดินถ่ายรูปเล่นริมทะเลสาบ เดอะบ๊อบนึกขึ้นได้ว่าลืมโทรศัพท์ไว้ในห้องน้ำรวมที่แคมป์ (เป็นอะไรกะโทรศัพท์มากนะสองผัวเมียนี่) ในใจคิดว่ายังงัยก็ไม่หายเชื่อดิ และเป็นตามนั้น มันวางอยู่ในห้องน้ำเดิม ที่เดิม ขอบคุณ นิวซีแลนด์และเพื่อนร่วมแคมป์ดีๆ วันนี้ขับรถเพียง 50 กม เบาๆ มุ่งหน้าสู่ Queenstown