สวัสดีค่า เราเพิ่งกลับมาจากทริปขับรถบ้านเที่ยวเกาะใต้ที่นิวซีแลนด์ในหน้าหนาวช่วง 1-17 กรกฎาคมค่ะ กระทู้จะไม่ค่อยละเอียดนะคะ ออกแนวบันทึกประจำวันมากกว่า เราเดินทางกับแฟนสองคนค่ะ ในกระทู้จะเรียกแฟนว่าเดอะบ๊อบนะคะ ส่วนเราชื่อเดอะกุ๊กค่า
กุ๊กสรุปค่าใช้จ่ายไว้ที่กระทู้นี้นะคะ
https://pantip.com/topic/37898632
Day 1 - 01 Jul 2018 ภูเก็ต - ซิดนีย์
ครั้งแรกกับการนั่งดรีมไลน์เนอร์ของเจ็ทสตาร์ เครื่องดีเลย์ประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าจะเทคออฟ เราได้เจอคุณป้าคนไทยชาวภูเก็ตที่ได้ยินเราพูดไทยจึงเข้ามาทัก ว่าจะขอรวมกลุ่มไปกับเราตอนผ่าน ตม คุณป้าเป็นผู้หญิงสูงวัยราวๆหกสิบต้นๆลักษณะดูเป็นคุณนาย แต่ต้องบินเดี่ยวไปเยี่ยมลูกสาวที่จบโทและทำงานต่อที่ออสจนมีครอบครัวที่นั่น ป้าไปทุกปีเลย แต่หนูเพิ่งไปครั้งแรกเองนะคะ ป้าบอกว่ากลัว ตม เอาแน่เอานอนไม่ได้ กลัวหมาที่เอามาดมข้าวของตอนดีแคลร์ และป้าไม่เก่งภาษาอังกฤษ อ่ะได้เลยค่ะป้า งั้นไปด้วยกัน แต่หนูเอาของกินมาเยอะมากๆเลยนะคะป้า 25 กก ของน้ำหนักกระเป๋าหนูคือวัตถุดิบที่จะเอาไปทำอาหารกันเองที่นิวซีแลนด์ หนูต้องโดน ตม ยึดของเพียบแน่เลย เพราะป้าเคยโดนทิ้งอาหารเส้น แต่ก็ลองดูเนอะคุณป้า

เมื่อเหยียบสนามบินคิงส์ฟอร์ด ณ ประเทศออสเตรเลีย อาการเจ็ทแล็ก เวลาที่เร็วกว่าไทย 3 ชม การนอนไม่พอเพราะเด็กข้างหลังถีบเบาะและร่วมกับการไอทั้งคืนของฉัน หูอื้อไปหนึ่งข้างกู่ไม่กลับตอนเครื่องบินลดระดับ การพูดกับเดอะบ๊อบหลายรอบเพราะเสียงไม่ออกมีเสมหะคอยขัด และหนังเรื่อง Maze Runner ที่ดูบนเครื่องมันไม่สนุกเลย เสียเวลาที่ถ่างตาดูมากๆ มันทำให้ฉันหงุดหงิดโคตรๆ แต่ก็ช่างมัน มาลุ้น ตม ดีกว่าว่าจะยึดอะไรเราบ้าง เพราะยาไทรอยด์ฉันเยอะมาก (ขอใบรับรองแพทย์มาด้วย) และยาแก้หวัด ยาสามัญประจำบ้านต่างๆอีก ไหนจะอาหารมากมายแม้กระทั่งน้ำมันทอดไข่ก็เอามา ขวดใหญ่ด้วยนะเอ้อ คุณป้ายังคอยอยู่กับเราไม่ห่าง เมื่อได้กระเป๋าเราก็เดินเข้าแถวดีแคลร์ ใบขาเข้าฉันติ๊กว่าเอายา เนื้อสัตว์(จิงๆคือพวกอาหารแห้งที่อาจมีส่วนผสมไม่อยากฟันธงให้ ตม ดูเลยละกัน เพราะถ้าไม่ติ๊กว่าเอามาแต่ตรวจเจอจะโดนปรับหลายเท่าตัว) และดินที่อาจติดรองเท้าคู่ที่พกมาในกระเป๋า

ปรากฎว่ากระเป๋าเราทั้งสามคน (รวมคุณป้า) มีหมามาดมแค่นิดเดียวแล้วผ่านเลย ไม่ต้องเปิดอะไรทั้งนั้น โอยโล่งไปอีกเปลาะ กลัวโดนทิ้งเส้นขนมจีนอบแห้ง 5555 ผ่านเข้าออสเตรเลียได้อย่างสบายใจ คุณป้ามีลูกสาวและลูกเขยชาวออสเตรเลียมารอรับ ส่วนเราก็เรียกอูเบอร์มารับไป รร และเดินเล่นฝ่าอุณหภูมิกำลังดี 15 องศาเซลเซียส ไปกินคริสปี้ครีมและเคเอฟซีใกล้ รร อยากให้ภูเก็ตมีอุณหภูมินี้จัง

หลังจากหลับพักผ่อนสัก ชม ตกเย็นพากันเดินจาก รร ไปโอเปร่าเฮาส์ เก้ากิโลค่ะ มันบ้าม้ายยยย แต่สนุกมากที่ได้เห็นบรรยากาศยามค่ำคืนของซิดนีย์แบบเต็มๆ สองหมื่นห้าพันก้าวที่เดินไปมันคุ้มมาก อุณหภูมิ 14 องศาเซลเซียสทำให้เดินได้ยาวๆไม่ค่อยเหนื่อย แวะทานอาหารที่ร้านแถวโอเปร่าเฮาส์เพราะไม่มีแรงเหลือจะไปหาร้านราคาถูกตรงไหนแล้ว สเต็กหมูย่าง 700 บาท ซีซ่าร์สลัดกุ้งลายเสือ 525 และเบียร์สดโคตรอร่อย 325 บาทแก้วเล็กๆของเดอะบ๊อบ แอบจิบแล้วไอเกือบตาย ทั้งหมด พันหกแทบหล่องห้ายยยย แต่ก็นะ กับวิวสะพานฮาเบอร์และโอเปร่าเฮาส์พร้อมกับเสียงนักร้องแจ๊สสดๆ เขาคงขายจานละแปดสิบไม่ไหวหรอกเนอะ

Day 2 - 02 July 2018
เช็คเอาท์จากโรงแรมไปรอขึ้นเครื่องที่สนามบิน ใจอยากไปถ่ายโอเปร่าเฮาส์ตอนกลางวันมากๆ แต่ป่วยจนไปไม่ไหวจริงๆค่ะ เลยได้แต่เดินเล่นในสนามบินรอขึ้นเครื่องไปไครซ์เชิร์ช และแวะทานอาหารร้าน Taste of Thai พอร์ชั่นใหญ่มาก จานนึงกินได้สองคน รสชาติอร่อยเลยทีเดียว คนผัดก็ยืนผัดกันไม่หยุดเลยขายดีสุดๆ (ในสนามบินคิงส์ฟอร์ด) ข้าวผัดทะเลรสชาติเข้มข้นถึงเครื่อง ก๋วยเตี๋ยวเป็ดซุปเข้มข้นไม่ต้องปรุง เป็ดชิ้นใหญ่จริงๆหนึ่งคำต้องงับสองรอบ

Day 3 - 03 July 2018
เจทสตาร์ดีเลย์อีกแล้ว แต่ยังพาเราลงถึงที่หมายได้ตรงเวลา เมื่อเท้าเหยียบลงบนงวงช้างที่เป็นรอยต่อระหว่างเครื่องบินที่เพิ่งพาฉันเหาะมาจากประเทศออสเตรเลียและเกาะใต้ ทำให้รู้ได้ทันทีว่าอากาศประเทศนิวซีแลนด์นั้นโหดกว่ามาก มันเย็นถึงใจ เย็นเหมือนเราอยู่ในตู้ฟรีซเลย สะใจคนรอมานานว่าสักวันจะมาเจอ Winter ของจริงสักครั้ง จัดไปเบาๆ 3 องศาเซลเซียส
ตม หญิงวัยชราทักทายฉันด้วยความเป็นมิตรอย่างสูงผิดไปจาก ตม ออสเตรเลียอย่างสิ้นเชิง นางเคยมาเที่ยวภูเก็ตและพักแถวหาดกะรนด้วย นางทำให้ฉันอารมณ์ดีและรู้สึกว่าถึงนิวซีแลนด์แล้วจริงๆ ประเทศที่ผู้คนเป็นมิตร ใจดี จากนั้นฉันต้องไปเข้าแถวสำแดงของที่ขนมา เจ้าหน้าที่ผู้ชายสูงวัยอีกเช่นกันขอเปิดกระเป๋าและรื้อดูอาหารแห้งของสองฮอบบิทยักษ์ แต่กระนั้นกระบวนการทั้งหมดก็เต็มไปด้วยความเป็นมิตร ไม่น่ากลัวสักนิดเลย เอาล่ะ ฉันเอาขนมจีนอบแห้งเข้ามาได้ล่ะนะ ที่นี้จะแกงอะไรกินท่ามกลางหิมะขาวโพลนค่อยนึกเอา
ฉันและเดอะบ๊อบนั่งรอที่สนามบินตั้งแต่ตีหนึ่งจนถึงเช้า เพราะบริษัทรถบ้านที่เช่าไว้นั้นเปิดทำการตอนแปดโมง รอ รอ รอ จนเก้าโมงครึ่ง เริ่มไม่โอเค โทรไปแอบต่อว่าเบาๆว่ายูเลทล่ะนะยะ ปรากฎว่าคนขับมาถึงแกเป็นคุณลุงแก่แถมไหล่พิการ จะร้องไห้เลยตู หุบปากทันที หายโกรธทันควัน ลุงรับคนมาเต็มคันแล้ว ช้านต้องรอรอบใหม่อีก 20 นาทีค่ะ ยังไม่พอไปถึงบริษัท Apollo ยังต้องรอคิวอีกจนถึงบ่ายโมงกว่าจะได้รับรถ ฮายยยย

แต่เมื่อเห็นรถบ้านของจริง ความตื่นเต้นก็กลบความโมโหได้อย่างง่ายได้ ตูจะขับรอดม้ายยย รถใหญ่สุดที่เคยขับในชีวิตก็ฟอร์จูนเนอร์ของนาย แต่นี้รถบ้านยาวแปดเมตรเลยนะเฟ้ยยย แล้วงัยล่ะ ซ่าแล้วก็ต้องให้สุด ฟังพนักงานชื่อนิกอธิบายการใช้รถบ้าน ไปๆมาเลยรู้ว่าเขาได้ภรรยาไทย เอารูปมาโชว์ใหญ่เลย นิกดูรีแลกซ์กับฉันขึ้นมาก พอรู้ว่าเราเป็นคนไทยเหมือนภรรยาเขา ภาษาไทยที่นิกเข้าใจมีคำว่า ใช่ และคำว่า รำคาญจริงๆเลย เพราะถูกภรรยาด่าบ่อย 555

จากนั้นฉันลองขับรถบ้านออกมาหาห้างที่ชื่อ Countdown เพื่อเตรียมเสบียงอาหารสำหรับอีกสามวัน เราจะยังไม่ไปไกลจาก Christchurch เพื่อจะได้ชินกับการขับเจ้ายักษ์นี่ก่อน เราไม่ซีเรียสเรื่องแพลน มาเพื่อค่ำไหนนอนนั่นของจริง วันนี้เรื่องหลักๆคือการทำความคุ้นเคยกับเจ้ารถบ้าน และจัดของเข้าที่ให้เป็นสัดส่วน เพราะเราจะอยู่กับมันไปอีก 14 วัน 14 คืน แค่ Day 3 ก็สนุกแล้ว...
New Zealand Motorhome Trip in Winter มาขับรถบ้านเที่ยวเกาะใต้นิวซีแลนด์ยามหนาวเหน็บกัน - แวะชมซิดนีย์ก่อนบินไปขับรถบ้าน
สวัสดีค่า เราเพิ่งกลับมาจากทริปขับรถบ้านเที่ยวเกาะใต้ที่นิวซีแลนด์ในหน้าหนาวช่วง 1-17 กรกฎาคมค่ะ กระทู้จะไม่ค่อยละเอียดนะคะ ออกแนวบันทึกประจำวันมากกว่า เราเดินทางกับแฟนสองคนค่ะ ในกระทู้จะเรียกแฟนว่าเดอะบ๊อบนะคะ ส่วนเราชื่อเดอะกุ๊กค่า
กุ๊กสรุปค่าใช้จ่ายไว้ที่กระทู้นี้นะคะ https://pantip.com/topic/37898632
Day 1 - 01 Jul 2018 ภูเก็ต - ซิดนีย์
ครั้งแรกกับการนั่งดรีมไลน์เนอร์ของเจ็ทสตาร์ เครื่องดีเลย์ประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าจะเทคออฟ เราได้เจอคุณป้าคนไทยชาวภูเก็ตที่ได้ยินเราพูดไทยจึงเข้ามาทัก ว่าจะขอรวมกลุ่มไปกับเราตอนผ่าน ตม คุณป้าเป็นผู้หญิงสูงวัยราวๆหกสิบต้นๆลักษณะดูเป็นคุณนาย แต่ต้องบินเดี่ยวไปเยี่ยมลูกสาวที่จบโทและทำงานต่อที่ออสจนมีครอบครัวที่นั่น ป้าไปทุกปีเลย แต่หนูเพิ่งไปครั้งแรกเองนะคะ ป้าบอกว่ากลัว ตม เอาแน่เอานอนไม่ได้ กลัวหมาที่เอามาดมข้าวของตอนดีแคลร์ และป้าไม่เก่งภาษาอังกฤษ อ่ะได้เลยค่ะป้า งั้นไปด้วยกัน แต่หนูเอาของกินมาเยอะมากๆเลยนะคะป้า 25 กก ของน้ำหนักกระเป๋าหนูคือวัตถุดิบที่จะเอาไปทำอาหารกันเองที่นิวซีแลนด์ หนูต้องโดน ตม ยึดของเพียบแน่เลย เพราะป้าเคยโดนทิ้งอาหารเส้น แต่ก็ลองดูเนอะคุณป้า
เมื่อเหยียบสนามบินคิงส์ฟอร์ด ณ ประเทศออสเตรเลีย อาการเจ็ทแล็ก เวลาที่เร็วกว่าไทย 3 ชม การนอนไม่พอเพราะเด็กข้างหลังถีบเบาะและร่วมกับการไอทั้งคืนของฉัน หูอื้อไปหนึ่งข้างกู่ไม่กลับตอนเครื่องบินลดระดับ การพูดกับเดอะบ๊อบหลายรอบเพราะเสียงไม่ออกมีเสมหะคอยขัด และหนังเรื่อง Maze Runner ที่ดูบนเครื่องมันไม่สนุกเลย เสียเวลาที่ถ่างตาดูมากๆ มันทำให้ฉันหงุดหงิดโคตรๆ แต่ก็ช่างมัน มาลุ้น ตม ดีกว่าว่าจะยึดอะไรเราบ้าง เพราะยาไทรอยด์ฉันเยอะมาก (ขอใบรับรองแพทย์มาด้วย) และยาแก้หวัด ยาสามัญประจำบ้านต่างๆอีก ไหนจะอาหารมากมายแม้กระทั่งน้ำมันทอดไข่ก็เอามา ขวดใหญ่ด้วยนะเอ้อ คุณป้ายังคอยอยู่กับเราไม่ห่าง เมื่อได้กระเป๋าเราก็เดินเข้าแถวดีแคลร์ ใบขาเข้าฉันติ๊กว่าเอายา เนื้อสัตว์(จิงๆคือพวกอาหารแห้งที่อาจมีส่วนผสมไม่อยากฟันธงให้ ตม ดูเลยละกัน เพราะถ้าไม่ติ๊กว่าเอามาแต่ตรวจเจอจะโดนปรับหลายเท่าตัว) และดินที่อาจติดรองเท้าคู่ที่พกมาในกระเป๋า
ปรากฎว่ากระเป๋าเราทั้งสามคน (รวมคุณป้า) มีหมามาดมแค่นิดเดียวแล้วผ่านเลย ไม่ต้องเปิดอะไรทั้งนั้น โอยโล่งไปอีกเปลาะ กลัวโดนทิ้งเส้นขนมจีนอบแห้ง 5555 ผ่านเข้าออสเตรเลียได้อย่างสบายใจ คุณป้ามีลูกสาวและลูกเขยชาวออสเตรเลียมารอรับ ส่วนเราก็เรียกอูเบอร์มารับไป รร และเดินเล่นฝ่าอุณหภูมิกำลังดี 15 องศาเซลเซียส ไปกินคริสปี้ครีมและเคเอฟซีใกล้ รร อยากให้ภูเก็ตมีอุณหภูมินี้จัง
หลังจากหลับพักผ่อนสัก ชม ตกเย็นพากันเดินจาก รร ไปโอเปร่าเฮาส์ เก้ากิโลค่ะ มันบ้าม้ายยยย แต่สนุกมากที่ได้เห็นบรรยากาศยามค่ำคืนของซิดนีย์แบบเต็มๆ สองหมื่นห้าพันก้าวที่เดินไปมันคุ้มมาก อุณหภูมิ 14 องศาเซลเซียสทำให้เดินได้ยาวๆไม่ค่อยเหนื่อย แวะทานอาหารที่ร้านแถวโอเปร่าเฮาส์เพราะไม่มีแรงเหลือจะไปหาร้านราคาถูกตรงไหนแล้ว สเต็กหมูย่าง 700 บาท ซีซ่าร์สลัดกุ้งลายเสือ 525 และเบียร์สดโคตรอร่อย 325 บาทแก้วเล็กๆของเดอะบ๊อบ แอบจิบแล้วไอเกือบตาย ทั้งหมด พันหกแทบหล่องห้ายยยย แต่ก็นะ กับวิวสะพานฮาเบอร์และโอเปร่าเฮาส์พร้อมกับเสียงนักร้องแจ๊สสดๆ เขาคงขายจานละแปดสิบไม่ไหวหรอกเนอะ
Day 2 - 02 July 2018
เช็คเอาท์จากโรงแรมไปรอขึ้นเครื่องที่สนามบิน ใจอยากไปถ่ายโอเปร่าเฮาส์ตอนกลางวันมากๆ แต่ป่วยจนไปไม่ไหวจริงๆค่ะ เลยได้แต่เดินเล่นในสนามบินรอขึ้นเครื่องไปไครซ์เชิร์ช และแวะทานอาหารร้าน Taste of Thai พอร์ชั่นใหญ่มาก จานนึงกินได้สองคน รสชาติอร่อยเลยทีเดียว คนผัดก็ยืนผัดกันไม่หยุดเลยขายดีสุดๆ (ในสนามบินคิงส์ฟอร์ด) ข้าวผัดทะเลรสชาติเข้มข้นถึงเครื่อง ก๋วยเตี๋ยวเป็ดซุปเข้มข้นไม่ต้องปรุง เป็ดชิ้นใหญ่จริงๆหนึ่งคำต้องงับสองรอบ
Day 3 - 03 July 2018
เจทสตาร์ดีเลย์อีกแล้ว แต่ยังพาเราลงถึงที่หมายได้ตรงเวลา เมื่อเท้าเหยียบลงบนงวงช้างที่เป็นรอยต่อระหว่างเครื่องบินที่เพิ่งพาฉันเหาะมาจากประเทศออสเตรเลียและเกาะใต้ ทำให้รู้ได้ทันทีว่าอากาศประเทศนิวซีแลนด์นั้นโหดกว่ามาก มันเย็นถึงใจ เย็นเหมือนเราอยู่ในตู้ฟรีซเลย สะใจคนรอมานานว่าสักวันจะมาเจอ Winter ของจริงสักครั้ง จัดไปเบาๆ 3 องศาเซลเซียส
ตม หญิงวัยชราทักทายฉันด้วยความเป็นมิตรอย่างสูงผิดไปจาก ตม ออสเตรเลียอย่างสิ้นเชิง นางเคยมาเที่ยวภูเก็ตและพักแถวหาดกะรนด้วย นางทำให้ฉันอารมณ์ดีและรู้สึกว่าถึงนิวซีแลนด์แล้วจริงๆ ประเทศที่ผู้คนเป็นมิตร ใจดี จากนั้นฉันต้องไปเข้าแถวสำแดงของที่ขนมา เจ้าหน้าที่ผู้ชายสูงวัยอีกเช่นกันขอเปิดกระเป๋าและรื้อดูอาหารแห้งของสองฮอบบิทยักษ์ แต่กระนั้นกระบวนการทั้งหมดก็เต็มไปด้วยความเป็นมิตร ไม่น่ากลัวสักนิดเลย เอาล่ะ ฉันเอาขนมจีนอบแห้งเข้ามาได้ล่ะนะ ที่นี้จะแกงอะไรกินท่ามกลางหิมะขาวโพลนค่อยนึกเอา
ฉันและเดอะบ๊อบนั่งรอที่สนามบินตั้งแต่ตีหนึ่งจนถึงเช้า เพราะบริษัทรถบ้านที่เช่าไว้นั้นเปิดทำการตอนแปดโมง รอ รอ รอ จนเก้าโมงครึ่ง เริ่มไม่โอเค โทรไปแอบต่อว่าเบาๆว่ายูเลทล่ะนะยะ ปรากฎว่าคนขับมาถึงแกเป็นคุณลุงแก่แถมไหล่พิการ จะร้องไห้เลยตู หุบปากทันที หายโกรธทันควัน ลุงรับคนมาเต็มคันแล้ว ช้านต้องรอรอบใหม่อีก 20 นาทีค่ะ ยังไม่พอไปถึงบริษัท Apollo ยังต้องรอคิวอีกจนถึงบ่ายโมงกว่าจะได้รับรถ ฮายยยย
แต่เมื่อเห็นรถบ้านของจริง ความตื่นเต้นก็กลบความโมโหได้อย่างง่ายได้ ตูจะขับรอดม้ายยย รถใหญ่สุดที่เคยขับในชีวิตก็ฟอร์จูนเนอร์ของนาย แต่นี้รถบ้านยาวแปดเมตรเลยนะเฟ้ยยย แล้วงัยล่ะ ซ่าแล้วก็ต้องให้สุด ฟังพนักงานชื่อนิกอธิบายการใช้รถบ้าน ไปๆมาเลยรู้ว่าเขาได้ภรรยาไทย เอารูปมาโชว์ใหญ่เลย นิกดูรีแลกซ์กับฉันขึ้นมาก พอรู้ว่าเราเป็นคนไทยเหมือนภรรยาเขา ภาษาไทยที่นิกเข้าใจมีคำว่า ใช่ และคำว่า รำคาญจริงๆเลย เพราะถูกภรรยาด่าบ่อย 555
จากนั้นฉันลองขับรถบ้านออกมาหาห้างที่ชื่อ Countdown เพื่อเตรียมเสบียงอาหารสำหรับอีกสามวัน เราจะยังไม่ไปไกลจาก Christchurch เพื่อจะได้ชินกับการขับเจ้ายักษ์นี่ก่อน เราไม่ซีเรียสเรื่องแพลน มาเพื่อค่ำไหนนอนนั่นของจริง วันนี้เรื่องหลักๆคือการทำความคุ้นเคยกับเจ้ารถบ้าน และจัดของเข้าที่ให้เป็นสัดส่วน เพราะเราจะอยู่กับมันไปอีก 14 วัน 14 คืน แค่ Day 3 ก็สนุกแล้ว...