
แรงบันดาลใจ
ในชีวิต เราเชื่อว่าทุกคนมีความฝัน ฝันที่จะได้สิ่งนู้น สิ่งนี้ ฝันที่จะไปนู่น ไปนี่ ในครั้งนี้ฝันของพวกเราเป็นการเดินทาง ในตอนเด็ก ๆ ฝันนี้คงเกินตัวไปซักหน่อย การอ่านพันทิป แล้วมีคนมาถ่ายทอดเรื่องราวให้ฟัง ก็เป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว พอโตขึ้น ฝันพวกนี้ก็ใกล้ตัวขึ้นมาเรื่อย ๆ จนถึงวันที่พวกเราออกเดินทาง นำประสบการณ์มาถ่ายทอดให้เพื่อน ๆ ฟัง และนั่นคือที่มาของกระทู้นี้
ทั้งหมดนี้คือ 3 ความฝันของพวกเรา
1. พวกเราอยากนั่ง Trans-siberian
ตอนเด็ก ๆ ผมเองเป็นคนที่ชอบเรื่องภูมิศาสตร์มาก ชอบดูเรื่องประเทศและเมืองต่าง ๆ จนไปสะดุดกับ “เส้นทางรถไฟที่ยาวที่สุดในโลก” ยิ่งอ่าน ยิ่งอยากไป พอโตขึ้นมา นี่คือคำตอบของผมทุกครั้ง เวลาใครถามว่า อยากจะไปเที่ยวที่ไหนมากที่สุดในโลก
2. พวกเราอยากดูฟุตบอลโลก
การเล่นกีฬาในช่วงในเด็กของพวกผม ส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นการเตะบอล และสำหรับเด็กที่บ้าบอลแล้ว การได้ไปดูฟุตบอลโลก คงเป็นหนึ่งใน Bucket List ของใครหลาย ๆ คน พวกเราก็เช่นกัน และปีนี้ก็ดันเกิดขึ้นที่รัสเซียซะด้วย
3. พวกเราอยากดูฟุตบอลไทยในฟุตบอลโลก
นี่คงเป็นฝันไกลตัวที่สุด ไม่ใช่แค่มีเงินก็ดูได้ แต่ความฝันนี้จุดประกายขึ้นมาตอนที่ โค้ช ซิโก้ สามารถพาทีมเข้าคัดเลือกรอบสุดท้ายได้ ในฐานะแฟนบอลไทยตัวยง เลยมีความหวังขึ้นมา แม้สุดท้ายทีมชาติไทยจะไปไม่ถึง ก็เป็นชุดที่ได้ใจแฟนบอลไปอย่างมากมาย
3 สิ่งที่หวังไว้ สุดท้ายทำได้ 2 ก็ถือว่าดีสุด ๆ แล้ว ผมเชื่อว่าฝันที่ 3 ก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม
หลังจากเกริ่นซะนาน ก็ได้เวลาเข้าเรื่อง สวัสดีครับ วันนี้พวกเราอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ การนั่งรถไฟ Trans-Siberian จากจีนถึงรัสเซีย เพื่อไปดูฟุตบอลโลก เป็นเวลาทั้งสิ้น 27 วัน!!!
พวกเราเป็นเด็กเพิ่งเรียนจบมาใหม่ ๆ จบปุ๊ปก็ใช้เวลา 1 เดือนที่ว่างไปตามฝันในทริปนี้ ก่อนที่จะกลับมาเผชิญความเป็นจริงที่เราต้องอยู่กับมันอีกแสนนาน คือการทำงานงานออฟฟิศ (ทำงานใช้เงินคืน 55555)
โดยแพลนของเราคร่าว ๆ ในทริปนี้คือ
1 มิ.ย. - ขึ้นเครื่องบินจากสนามดอนเมือง และไปต่อเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์
2 - 6 มิ.ย. - ปักกิ่ง ประเทศจีน และออกเดินทางโดยรถไฟไป อูลานบาตอร์ ประเทศ มองโกเลีย
7 - 8 มิ.ย. - นอนที่ อูลานบาตอร์ หนึ่งคืน และนั่งรถไฟ ไปเมือง เอียร์คุสต์ ประเทศรัสเซีย
9 - 12 มิ.ย. - เมือง เอียร์คุสต์ และ ออกไปนอนที่เมืองทะเลสาบไบคาล (เมือง Listvyanka) หนึ่งคืน
13 - 15 มิ.ย. - 69 ชั่วโมงบนรถไฟในฝัน Trans-Siberian จาก เอียร์คุสต์ ไป คาซาน
15 - 17 มิ.ย. - 2 คืนที่ คาซาน พร้อมดูฟุตบอลโลกอีก 1 แมตช์ ระหว่าง ฝรั่งเศส พบ ออสเตรเลีย แล้วนั่งรถไฟไป มอสโคว
18 - 21 มิ.ย. - มอสโคว เมืองหลวงของประเทศ รัสเซีย และฟุตบอลอีก 1 แมตช์ ระหว่าง โปแลนด์ พบ เซเนกัล
และนั่งรถไฟไป เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
22 - 25 มิ.ย. - เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก อีก 4 วันเต็มๆ และนั่งรถไฟกลับมา มอสโคว เพื่อขึ้นเครื่องกลับประเทศไทย
26 มิ.ย. - ขึ้นเครื่องที่ สนามบิน Domodedovo ไปต่อเครื่องที่ อาบูดาบี
27 มิ.ย. - ถึง สนามบิน สุวรรณภูมิ เวลา 7.30 น.
การเตรียมตัว
วีซ่า
ตลอดทั้งทริปนี้เราเดินทางทั้งหมด 3 ประเทศ คือ จีน มองโกเลีย และ รัสเซีย
ซึ่งทั้งรัสเซียและมองโกเลีย ปัจจุบันให้ฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจากประเทศไทย 30 วัน
(สำหรับช่วงนี้รัสเซียปล่อยฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวทุกสัญชาติที่มาดูฟุตบอลโลกด้วย)
และมีแวะ transit อีก 2 ประเทศ คือ มาเลเซีย และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ที่เราไม่ได้ออกไปเที่ยวนอกสนามบินเลยไม่ต้องขอวีซ่า transit เพิ่ม
ทั้งทริปจึงต้องขอแค่วีซ่าประเทศจีน ซึ่งการขั้นตอนการขอวีซ่าอย่างละเอียด พวกเราอ้างอิงจากกระทู้นี้เลยครับ
https://pantip.com/topic/36190042
จองตั๋วฟุตบอลโลก

แน่นอนว่าการไปดูฟุตบอลโลก ถือเป็นหนึ่งใน highlight ของทริปนี้ หลายคนอาจจะคิดว่าจองยาก จริง ๆ แล้วก็ไม่ขนาดนั้น แค่ต้องใช้เวลาเตรียมตัวที่นานกว่าปกติ เราเริ่มจองตั้งแต่ พ.ย. ปีที่ผ่านมา 7 เดือนล่วงหน้าเลยทีเดียว เรียกได้ว่าตั้งหน้าตั้งตารอตั้งแต่การขายตั๋วรอบแรก
ด้วยงบประมาณและเวลาที่จำกัด พวกเราได้ไปดู 2 นัดด้วยกันในรอบแบ่งกลุ่ม คือ
- ฝรั่งเศส พบ ออสเตรเลีย ที่ Kazan (โซน 3)
- โปแลนด์ พบ เซเนกัล ที่ Moscow (โซน 2)

การจองจะเริ่มจากเราต้องเข้าไปส่ง request ของเราในเว็บ ในระยะเวลาที่เค้ากำหนด โดยจะมี2แบบด้วยกัน

1. Random Selection
วิธีนี้ เราสามารถส่ง request เข้าไปตอนไหนก็ได้ในช่วงนั้น แล้วก็เค้าจะสุ่มมาให้ว่าเราได้รึเปล่า มี 3 รอบด้วยกัน ซึ่งพวกผมใช้วิธีนี้กันทั้งสองนัด
2. First come first served
ก็ตามชื่อเลยครับ ว่าใครมาก่อนได้ก่อน แต่บอกเลยว่าคนจองเยอะมาก ๆ ผมจองไม่ทันเลย
พอทาง Fifa สุ่มมาให้ เราก็สามารถเช็คได้ในเว็บไซต์ เสร็จปุ๊ปเราก็แค่รอตั๋ว ซึ่งพาร์ทนี้ลุ้นระทึกมาก เพราะเราออกเดินทางกันตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. แต่กว่าตั๋วจะมาก็วันที่ 30 พ.ค. เรียกว่าฉิวเฉียดมาก ๆ เพราะถ้าไม่ทันคงต้องลำบากมาก ๆ แน่นนอน
Tips
สิ่งนึงที่ทุกคนจะได้หลังจากมีตั๋วบอลโลก คือ Fan ID ซึ่งเจ้าบัตรห้อยคอตัวนี้มีประโยชน์มาก หลัก ๆ คือ Free Visa แต่คนไทยสามารถเข้ารัสเซียโดยไม่ต้องใช้วีซ่าอยู่แล้ว นับว่าโชคดีไป
ประโยชน์อื่น ๆ ก็มี
- รถไฟข้ามเมืองฟรี - เป็นข้อที่ทำให้เราประหยัดไปได้เยอะทีเดียว ปกติเที่ยวนึงก็ประมาณพันกว่าบาทอยู่แล้ว พวกผมได้ใช้บริการสองเที่ยวด้วยกัน คาซาน - มอสโคว และ มอสโคว - เซนต์ปีเตอร์เบิรกส์
- การเดินทางในวันแข่งขันฟรี - วันที่เป็น match day เราสามารถขึ้นรถไฟ นั่งบัส ในเมืองแบบไม่มีค่าใช้จ่ายเลย แค่โชว์ Fan ID กับ ตั๋วในวันนั้น
- ส่วนลดค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ - อันนี้ก็สำคัญเพราะ บางโบสถ์ค่าเข้าแพงมาก ๆ ลดตรงนี้ไปได้เยอะอยู่
ที่พัก
โรงแรมเป็นสิ่งต่อไปที่เราจองหลังจากจองตั๋วฟุตบอลโลกเรียบร้อย ซึ่งส่วนใหญ่จองผ่าน booking.com และ agoda ซึ่งข้อดีของการที่เราจองไปก่อนนานถึง 7-8 เดือน เลยยังมีโรงแรมเหลือให้เลือกอีกเยอะ และราคาก็ยังไม่แพงถึงแม้จะเป็นช่วงฟุตบอลโลกก็ตาม
Criteria หลักๆ ที่เราใช้เลือกโรงแรมคือ
1. โลเคชั่น - อยู่กลางเมืองที่สามารถเดินไปเที่ยวที่ต่างๆ หรืออยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าหรือป้ายรถบัส ซึ่งในเว็บไซต์ booking.com จะมีคะแนน location ของโรงแรมจากลูกค้าที่เคยเข้าพัก ซึ่งค่อนข้างเชื่อถือได้
2. ราคาถูก - ด้วยความที่อยากจำกัดงบให้ได้น้อยที่สุด ราคาโรงแรมเลยตั้งงบไว้ให้ไม่เกินหลักร้อยต่อคนต่อคืน ส่วนใหญ่ที่พักเลยเป็น Hostel
3. ห้องส่วนตัว - เราไปช่วงฟุตบอลโลกที่มีคนมากหน้าหลายตามาจากทั่วทุกมุมโลก และเรามีสิ่งของติดตัวไปหลายอย่าง เลยเลือกเป็นห้องส่วนตัวตลอดทั้งทริปแม้จะนอน Hostel ก็ตาม แต่จะเป็นห้องน้ำส่วนตัวด้วยหรือห้องน้ำรวมก็ได้
4. Rating - เลือกโรงแรมที่คะแนนรีวิวดี และมีคนรีวิวเยอะ หรือเข้าไปอ่าน comment ของคนที่เคยมาเข้าพักเลยว่าโรงแรมแต่ละที่มีข้อเสียที่เราไม่โอเครึเปล่า
5. ยกเลิกได้ฟรี - เราจองไปก่อนล่วงหน้านานมาก หากมีอะไรผิดแผนจะได้แก้ไขได้สะดวก
รายชื่อโรงแรมทั้งหมดที่เราจองไปในทริปนี้คือ
Beijing - Spring Time Hostel
Ulaanbataar - Khuvsgul Lake Hostel
Irkutsk - Z Hostel
Listvyanka - Usadba Demidova
Kazan - Hostel V Tapochkakh
Moscow - Bulvar Hotel na Tsvetnom
St. Petersburg - City Center Hostel
เราจะมารีวิวโรงแรมทั้งหมดโดยละเอียดอีกครั้ง แต่โดยรวมถือว่าดีมาก ไม่มีอันไหนที่แย่จนเราไม่แนะนำ
การเดินทาง
เครื่องบิน
เรานั่งกัน 2 เที่ยวด้วยกัน ซึ่งมี transit หมดเลย เพื่อลดค่าใช้จ่าย 55555
กรุงเทพ - กัวลาลัมเปอร์ - ปักกิ่ง โดย AirAsiaX
มอสโคว - อาบู ดาบี - กรุงเทพ โดย Etihad Airways
เราจองกันตั้งแต่ช่วงตุลาคม ทำให้ได้ราคาที่ถูกมาก รวมราคาไป-กลับแค่ 12,xxx บาทเท่านั้น จริง ๆ แล้ว สำหรับทริคการจองก็ไม่มีอะไรมาก แค่เปิด Skyscanner และสายการบินต่าง ๆ เรื่อย ๆ เจอราคาที่เราคิดว่าโอเคก็จองเลย
รถไฟ
นี่คือจุดที่สำคัญที่สุดของทริปนี้ เพราะถ้าจองไม่ทัน ก็คือจบเลย และด้วยช่วงเวลาที่เราไป ถ้าพลาดรถไฟนึงไป อาจจะไปต่ออีกอันไม่ทัน ทำให้เรากดจองไปก่อนหมดเลย
มีทั้งหมด 6 เที่ยวด้วยกันที่เรานั่ง เริ่มจาก
ปักกิ่ง - อูลานบาตอร์
เราจองผ่านเอเจ้น CITS (
www.cits.net) ขั้นตอนก็ไม่มีอะไรมากแค่ส่งเมลเข้าไป ละก็จ่ายผ่าน PayPal ถึงเวลาก็ไปรับตั๋วที่ออฟฟิศของบริษัทได้เลย สะดวกมาก ราคาก็จะแพงกว่าไปซื้อเองพอสมควร แต่เราก็ไม่อยากเสี่ยง
อูลานบาตอร์ - เอียร์คุสต์
เราจองผ่านเอเจ้น Mongolia Train Tickets (
www.mongoliatraintickets.com) คล้าย ๆ กันตรงที่ส่งเมลไปสอบถาม แต่ที่นี่ยังไม่ต้องจ่ายเงินก่อน ไปจ่ายตอนรับเลย จะจ่ายด้วยสกุลไหนก็ได้ ตอนแรกเราก็กลัว ๆ เหมือนกันว่าจะได้จริงรึเปล่า แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไร โดยที่เจ้าของมาส่งให้ที่สถานีรถไฟเลย ตอนพวกเรามาถึง สบายมาก และก็แน่นอนว่า ราคานี้แพงกว่าซื้อเองเยอะอยู่มาก
เอียร์คุสต์ - คาซาน
พอเข้ารัสเซีย เราก็ใช้เว็บจองของการรถไฟ (
https://pass.rzd.ru/main-pass/public/en) เลย สะดวกมาก ตามรีวิวนี้ไปเลย >
https://pantip.com/topic/36106146
คาซาน - มอสโคว
มอสโคว - เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
อย่างที่บอกไป ทั้งสองเที่ยวนี้ เราได้อานิสงค์รถไฟฟรีจากการมาดูบอลโลก ดีมากๆๆๆๆ 555555 โดยการจองตั๋วรถไฟจะทำได้หลังจากเราได้ตั๋วฟุตบอลโลกและ Fan-ID
เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก - มอสโคว
จองเว็บการรถไฟอีกเช่นเคย
การเดินทางในเมือง
พวกเราพยายามใช้ระบบขนส่งสาธารณะให้มากที่สุด เหตุผลหลัก ๆ ก็คือราคามาตรฐาน และ ไม่โดนหลอก มีไม่กี่ครั้งเท่านั้น ที่เราใช้บริการแท็กซี่
ปักกิ่ง - พวกเราใช้ IC Card ขึ้นทั้ง รถไฟใต้ดิน รถบัส ละก็อีกหนึ่งวิธีเดินทางนั่นก็คือ จักรยานครับ ปักกิ่งเป็นเมืองที่ธุรกิจ Bike-sharing บูมมาก ๆ มีอยู่ทุกที่ สะดวกสบายแถมราคาไม่แพงด้วย เริ่มต้นที่ 2.5 บาทเท่านั้น มี 2 เจ้าด้วยกันหลัก ๆ MoBike กับ Ofo วิธีการใช้ก็ง่ายมาก แค่เติมเงินไป แล้วก็เอามือถือถ่าย QR code ของจักรยานไว้ ไม่นานก็จะปลดล็อคได้แล้ว
อูลานบาตอร์ - พวกเราอยู่กันแค่ 2 วัน 1 คืน ทำให้หลัก ๆ พวกเราเน้นเดินเที่ยวในเมือง มีใช้แท็กซี่ตอนไป Zaisan Memorial เท่านั้น
เอียร์คุสต์ - พวกเรานั่ง tram กับ บัส เป็นหลัก จ่ายเงินตอนลงได้เลย สบายมาก
คาซาน - เราเน้นเดินเป็นหลัก เพราะว่าที่พักอยู่ในเมืองอยู่แล้ว แต่ระบบขนส่งที่นี่ก็ค่อนข้างครบ รถไฟใต้ดิน รถบัส ซื้อเป็นเที่ยว ๆ ได้เลย
มอสโคว - พวกเราใช้บัตร Troika ขึ้นได้ทั้งรถไฟใต้ดินและรถบัส
เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก - ที่พักอยู่ในเมืองแบบสุด ๆ อีกเช่นเคย ทำให้เราเน้นเดินเป็นหลัก ที่เหลือก็นั่งรถบัส รถไฟใต้ดินแบบต่อเที่ยวเอา

ในตอนถัด ๆ ไป พวกเราจะพยายามรีบลงให้เร็วที่สุดนะครับ โดยคาดว่าจะมีทั้งหมด 6-7 ตอนด้วยกัน ฝากติดตามกันด้วยนะครับบ
เข้ามาพูดคุยกับพวกเราได้ที่
https://www.facebook.com/carriageno6/
[CR] EP.0 บนเส้นทางแห่งความฝัน - นั่งรถไฟไปดูบอลโลก [Carriage No.6]
ในชีวิต เราเชื่อว่าทุกคนมีความฝัน ฝันที่จะได้สิ่งนู้น สิ่งนี้ ฝันที่จะไปนู่น ไปนี่ ในครั้งนี้ฝันของพวกเราเป็นการเดินทาง ในตอนเด็ก ๆ ฝันนี้คงเกินตัวไปซักหน่อย การอ่านพันทิป แล้วมีคนมาถ่ายทอดเรื่องราวให้ฟัง ก็เป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว พอโตขึ้น ฝันพวกนี้ก็ใกล้ตัวขึ้นมาเรื่อย ๆ จนถึงวันที่พวกเราออกเดินทาง นำประสบการณ์มาถ่ายทอดให้เพื่อน ๆ ฟัง และนั่นคือที่มาของกระทู้นี้
ทั้งหมดนี้คือ 3 ความฝันของพวกเรา
1. พวกเราอยากนั่ง Trans-siberian
ตอนเด็ก ๆ ผมเองเป็นคนที่ชอบเรื่องภูมิศาสตร์มาก ชอบดูเรื่องประเทศและเมืองต่าง ๆ จนไปสะดุดกับ “เส้นทางรถไฟที่ยาวที่สุดในโลก” ยิ่งอ่าน ยิ่งอยากไป พอโตขึ้นมา นี่คือคำตอบของผมทุกครั้ง เวลาใครถามว่า อยากจะไปเที่ยวที่ไหนมากที่สุดในโลก
2. พวกเราอยากดูฟุตบอลโลก
การเล่นกีฬาในช่วงในเด็กของพวกผม ส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นการเตะบอล และสำหรับเด็กที่บ้าบอลแล้ว การได้ไปดูฟุตบอลโลก คงเป็นหนึ่งใน Bucket List ของใครหลาย ๆ คน พวกเราก็เช่นกัน และปีนี้ก็ดันเกิดขึ้นที่รัสเซียซะด้วย
3. พวกเราอยากดูฟุตบอลไทยในฟุตบอลโลก
นี่คงเป็นฝันไกลตัวที่สุด ไม่ใช่แค่มีเงินก็ดูได้ แต่ความฝันนี้จุดประกายขึ้นมาตอนที่ โค้ช ซิโก้ สามารถพาทีมเข้าคัดเลือกรอบสุดท้ายได้ ในฐานะแฟนบอลไทยตัวยง เลยมีความหวังขึ้นมา แม้สุดท้ายทีมชาติไทยจะไปไม่ถึง ก็เป็นชุดที่ได้ใจแฟนบอลไปอย่างมากมาย
3 สิ่งที่หวังไว้ สุดท้ายทำได้ 2 ก็ถือว่าดีสุด ๆ แล้ว ผมเชื่อว่าฝันที่ 3 ก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม
หลังจากเกริ่นซะนาน ก็ได้เวลาเข้าเรื่อง สวัสดีครับ วันนี้พวกเราอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ การนั่งรถไฟ Trans-Siberian จากจีนถึงรัสเซีย เพื่อไปดูฟุตบอลโลก เป็นเวลาทั้งสิ้น 27 วัน!!!
พวกเราเป็นเด็กเพิ่งเรียนจบมาใหม่ ๆ จบปุ๊ปก็ใช้เวลา 1 เดือนที่ว่างไปตามฝันในทริปนี้ ก่อนที่จะกลับมาเผชิญความเป็นจริงที่เราต้องอยู่กับมันอีกแสนนาน คือการทำงานงานออฟฟิศ (ทำงานใช้เงินคืน 55555)
โดยแพลนของเราคร่าว ๆ ในทริปนี้คือ
1 มิ.ย. - ขึ้นเครื่องบินจากสนามดอนเมือง และไปต่อเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์
2 - 6 มิ.ย. - ปักกิ่ง ประเทศจีน และออกเดินทางโดยรถไฟไป อูลานบาตอร์ ประเทศ มองโกเลีย
7 - 8 มิ.ย. - นอนที่ อูลานบาตอร์ หนึ่งคืน และนั่งรถไฟ ไปเมือง เอียร์คุสต์ ประเทศรัสเซีย
9 - 12 มิ.ย. - เมือง เอียร์คุสต์ และ ออกไปนอนที่เมืองทะเลสาบไบคาล (เมือง Listvyanka) หนึ่งคืน
13 - 15 มิ.ย. - 69 ชั่วโมงบนรถไฟในฝัน Trans-Siberian จาก เอียร์คุสต์ ไป คาซาน
15 - 17 มิ.ย. - 2 คืนที่ คาซาน พร้อมดูฟุตบอลโลกอีก 1 แมตช์ ระหว่าง ฝรั่งเศส พบ ออสเตรเลีย แล้วนั่งรถไฟไป มอสโคว
18 - 21 มิ.ย. - มอสโคว เมืองหลวงของประเทศ รัสเซีย และฟุตบอลอีก 1 แมตช์ ระหว่าง โปแลนด์ พบ เซเนกัล
และนั่งรถไฟไป เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
22 - 25 มิ.ย. - เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก อีก 4 วันเต็มๆ และนั่งรถไฟกลับมา มอสโคว เพื่อขึ้นเครื่องกลับประเทศไทย
26 มิ.ย. - ขึ้นเครื่องที่ สนามบิน Domodedovo ไปต่อเครื่องที่ อาบูดาบี
27 มิ.ย. - ถึง สนามบิน สุวรรณภูมิ เวลา 7.30 น.
การเตรียมตัว
วีซ่า
ตลอดทั้งทริปนี้เราเดินทางทั้งหมด 3 ประเทศ คือ จีน มองโกเลีย และ รัสเซีย
ซึ่งทั้งรัสเซียและมองโกเลีย ปัจจุบันให้ฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจากประเทศไทย 30 วัน
(สำหรับช่วงนี้รัสเซียปล่อยฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวทุกสัญชาติที่มาดูฟุตบอลโลกด้วย)
และมีแวะ transit อีก 2 ประเทศ คือ มาเลเซีย และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ที่เราไม่ได้ออกไปเที่ยวนอกสนามบินเลยไม่ต้องขอวีซ่า transit เพิ่ม
ทั้งทริปจึงต้องขอแค่วีซ่าประเทศจีน ซึ่งการขั้นตอนการขอวีซ่าอย่างละเอียด พวกเราอ้างอิงจากกระทู้นี้เลยครับ
https://pantip.com/topic/36190042
จองตั๋วฟุตบอลโลก
แน่นอนว่าการไปดูฟุตบอลโลก ถือเป็นหนึ่งใน highlight ของทริปนี้ หลายคนอาจจะคิดว่าจองยาก จริง ๆ แล้วก็ไม่ขนาดนั้น แค่ต้องใช้เวลาเตรียมตัวที่นานกว่าปกติ เราเริ่มจองตั้งแต่ พ.ย. ปีที่ผ่านมา 7 เดือนล่วงหน้าเลยทีเดียว เรียกได้ว่าตั้งหน้าตั้งตารอตั้งแต่การขายตั๋วรอบแรก
ด้วยงบประมาณและเวลาที่จำกัด พวกเราได้ไปดู 2 นัดด้วยกันในรอบแบ่งกลุ่ม คือ
- ฝรั่งเศส พบ ออสเตรเลีย ที่ Kazan (โซน 3)
- โปแลนด์ พบ เซเนกัล ที่ Moscow (โซน 2)
การจองจะเริ่มจากเราต้องเข้าไปส่ง request ของเราในเว็บ ในระยะเวลาที่เค้ากำหนด โดยจะมี2แบบด้วยกัน
1. Random Selection
วิธีนี้ เราสามารถส่ง request เข้าไปตอนไหนก็ได้ในช่วงนั้น แล้วก็เค้าจะสุ่มมาให้ว่าเราได้รึเปล่า มี 3 รอบด้วยกัน ซึ่งพวกผมใช้วิธีนี้กันทั้งสองนัด
2. First come first served
ก็ตามชื่อเลยครับ ว่าใครมาก่อนได้ก่อน แต่บอกเลยว่าคนจองเยอะมาก ๆ ผมจองไม่ทันเลย
พอทาง Fifa สุ่มมาให้ เราก็สามารถเช็คได้ในเว็บไซต์ เสร็จปุ๊ปเราก็แค่รอตั๋ว ซึ่งพาร์ทนี้ลุ้นระทึกมาก เพราะเราออกเดินทางกันตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. แต่กว่าตั๋วจะมาก็วันที่ 30 พ.ค. เรียกว่าฉิวเฉียดมาก ๆ เพราะถ้าไม่ทันคงต้องลำบากมาก ๆ แน่นนอน
Tips
สิ่งนึงที่ทุกคนจะได้หลังจากมีตั๋วบอลโลก คือ Fan ID ซึ่งเจ้าบัตรห้อยคอตัวนี้มีประโยชน์มาก หลัก ๆ คือ Free Visa แต่คนไทยสามารถเข้ารัสเซียโดยไม่ต้องใช้วีซ่าอยู่แล้ว นับว่าโชคดีไป
ประโยชน์อื่น ๆ ก็มี
- รถไฟข้ามเมืองฟรี - เป็นข้อที่ทำให้เราประหยัดไปได้เยอะทีเดียว ปกติเที่ยวนึงก็ประมาณพันกว่าบาทอยู่แล้ว พวกผมได้ใช้บริการสองเที่ยวด้วยกัน คาซาน - มอสโคว และ มอสโคว - เซนต์ปีเตอร์เบิรกส์
- การเดินทางในวันแข่งขันฟรี - วันที่เป็น match day เราสามารถขึ้นรถไฟ นั่งบัส ในเมืองแบบไม่มีค่าใช้จ่ายเลย แค่โชว์ Fan ID กับ ตั๋วในวันนั้น
- ส่วนลดค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ - อันนี้ก็สำคัญเพราะ บางโบสถ์ค่าเข้าแพงมาก ๆ ลดตรงนี้ไปได้เยอะอยู่
ที่พัก
โรงแรมเป็นสิ่งต่อไปที่เราจองหลังจากจองตั๋วฟุตบอลโลกเรียบร้อย ซึ่งส่วนใหญ่จองผ่าน booking.com และ agoda ซึ่งข้อดีของการที่เราจองไปก่อนนานถึง 7-8 เดือน เลยยังมีโรงแรมเหลือให้เลือกอีกเยอะ และราคาก็ยังไม่แพงถึงแม้จะเป็นช่วงฟุตบอลโลกก็ตาม
Criteria หลักๆ ที่เราใช้เลือกโรงแรมคือ
1. โลเคชั่น - อยู่กลางเมืองที่สามารถเดินไปเที่ยวที่ต่างๆ หรืออยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าหรือป้ายรถบัส ซึ่งในเว็บไซต์ booking.com จะมีคะแนน location ของโรงแรมจากลูกค้าที่เคยเข้าพัก ซึ่งค่อนข้างเชื่อถือได้
2. ราคาถูก - ด้วยความที่อยากจำกัดงบให้ได้น้อยที่สุด ราคาโรงแรมเลยตั้งงบไว้ให้ไม่เกินหลักร้อยต่อคนต่อคืน ส่วนใหญ่ที่พักเลยเป็น Hostel
3. ห้องส่วนตัว - เราไปช่วงฟุตบอลโลกที่มีคนมากหน้าหลายตามาจากทั่วทุกมุมโลก และเรามีสิ่งของติดตัวไปหลายอย่าง เลยเลือกเป็นห้องส่วนตัวตลอดทั้งทริปแม้จะนอน Hostel ก็ตาม แต่จะเป็นห้องน้ำส่วนตัวด้วยหรือห้องน้ำรวมก็ได้
4. Rating - เลือกโรงแรมที่คะแนนรีวิวดี และมีคนรีวิวเยอะ หรือเข้าไปอ่าน comment ของคนที่เคยมาเข้าพักเลยว่าโรงแรมแต่ละที่มีข้อเสียที่เราไม่โอเครึเปล่า
5. ยกเลิกได้ฟรี - เราจองไปก่อนล่วงหน้านานมาก หากมีอะไรผิดแผนจะได้แก้ไขได้สะดวก
รายชื่อโรงแรมทั้งหมดที่เราจองไปในทริปนี้คือ
Beijing - Spring Time Hostel
Ulaanbataar - Khuvsgul Lake Hostel
Irkutsk - Z Hostel
Listvyanka - Usadba Demidova
Kazan - Hostel V Tapochkakh
Moscow - Bulvar Hotel na Tsvetnom
St. Petersburg - City Center Hostel
เราจะมารีวิวโรงแรมทั้งหมดโดยละเอียดอีกครั้ง แต่โดยรวมถือว่าดีมาก ไม่มีอันไหนที่แย่จนเราไม่แนะนำ
การเดินทาง
เครื่องบิน
เรานั่งกัน 2 เที่ยวด้วยกัน ซึ่งมี transit หมดเลย เพื่อลดค่าใช้จ่าย 55555
กรุงเทพ - กัวลาลัมเปอร์ - ปักกิ่ง โดย AirAsiaX
มอสโคว - อาบู ดาบี - กรุงเทพ โดย Etihad Airways
เราจองกันตั้งแต่ช่วงตุลาคม ทำให้ได้ราคาที่ถูกมาก รวมราคาไป-กลับแค่ 12,xxx บาทเท่านั้น จริง ๆ แล้ว สำหรับทริคการจองก็ไม่มีอะไรมาก แค่เปิด Skyscanner และสายการบินต่าง ๆ เรื่อย ๆ เจอราคาที่เราคิดว่าโอเคก็จองเลย
รถไฟ
นี่คือจุดที่สำคัญที่สุดของทริปนี้ เพราะถ้าจองไม่ทัน ก็คือจบเลย และด้วยช่วงเวลาที่เราไป ถ้าพลาดรถไฟนึงไป อาจจะไปต่ออีกอันไม่ทัน ทำให้เรากดจองไปก่อนหมดเลย
มีทั้งหมด 6 เที่ยวด้วยกันที่เรานั่ง เริ่มจาก
ปักกิ่ง - อูลานบาตอร์
เราจองผ่านเอเจ้น CITS (www.cits.net) ขั้นตอนก็ไม่มีอะไรมากแค่ส่งเมลเข้าไป ละก็จ่ายผ่าน PayPal ถึงเวลาก็ไปรับตั๋วที่ออฟฟิศของบริษัทได้เลย สะดวกมาก ราคาก็จะแพงกว่าไปซื้อเองพอสมควร แต่เราก็ไม่อยากเสี่ยง
อูลานบาตอร์ - เอียร์คุสต์
เราจองผ่านเอเจ้น Mongolia Train Tickets (www.mongoliatraintickets.com) คล้าย ๆ กันตรงที่ส่งเมลไปสอบถาม แต่ที่นี่ยังไม่ต้องจ่ายเงินก่อน ไปจ่ายตอนรับเลย จะจ่ายด้วยสกุลไหนก็ได้ ตอนแรกเราก็กลัว ๆ เหมือนกันว่าจะได้จริงรึเปล่า แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไร โดยที่เจ้าของมาส่งให้ที่สถานีรถไฟเลย ตอนพวกเรามาถึง สบายมาก และก็แน่นอนว่า ราคานี้แพงกว่าซื้อเองเยอะอยู่มาก
เอียร์คุสต์ - คาซาน
พอเข้ารัสเซีย เราก็ใช้เว็บจองของการรถไฟ (https://pass.rzd.ru/main-pass/public/en) เลย สะดวกมาก ตามรีวิวนี้ไปเลย > https://pantip.com/topic/36106146
คาซาน - มอสโคว
มอสโคว - เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
อย่างที่บอกไป ทั้งสองเที่ยวนี้ เราได้อานิสงค์รถไฟฟรีจากการมาดูบอลโลก ดีมากๆๆๆๆ 555555 โดยการจองตั๋วรถไฟจะทำได้หลังจากเราได้ตั๋วฟุตบอลโลกและ Fan-ID
เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก - มอสโคว
จองเว็บการรถไฟอีกเช่นเคย
การเดินทางในเมือง
พวกเราพยายามใช้ระบบขนส่งสาธารณะให้มากที่สุด เหตุผลหลัก ๆ ก็คือราคามาตรฐาน และ ไม่โดนหลอก มีไม่กี่ครั้งเท่านั้น ที่เราใช้บริการแท็กซี่
ปักกิ่ง - พวกเราใช้ IC Card ขึ้นทั้ง รถไฟใต้ดิน รถบัส ละก็อีกหนึ่งวิธีเดินทางนั่นก็คือ จักรยานครับ ปักกิ่งเป็นเมืองที่ธุรกิจ Bike-sharing บูมมาก ๆ มีอยู่ทุกที่ สะดวกสบายแถมราคาไม่แพงด้วย เริ่มต้นที่ 2.5 บาทเท่านั้น มี 2 เจ้าด้วยกันหลัก ๆ MoBike กับ Ofo วิธีการใช้ก็ง่ายมาก แค่เติมเงินไป แล้วก็เอามือถือถ่าย QR code ของจักรยานไว้ ไม่นานก็จะปลดล็อคได้แล้ว
อูลานบาตอร์ - พวกเราอยู่กันแค่ 2 วัน 1 คืน ทำให้หลัก ๆ พวกเราเน้นเดินเที่ยวในเมือง มีใช้แท็กซี่ตอนไป Zaisan Memorial เท่านั้น
เอียร์คุสต์ - พวกเรานั่ง tram กับ บัส เป็นหลัก จ่ายเงินตอนลงได้เลย สบายมาก
คาซาน - เราเน้นเดินเป็นหลัก เพราะว่าที่พักอยู่ในเมืองอยู่แล้ว แต่ระบบขนส่งที่นี่ก็ค่อนข้างครบ รถไฟใต้ดิน รถบัส ซื้อเป็นเที่ยว ๆ ได้เลย
มอสโคว - พวกเราใช้บัตร Troika ขึ้นได้ทั้งรถไฟใต้ดินและรถบัส
เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก - ที่พักอยู่ในเมืองแบบสุด ๆ อีกเช่นเคย ทำให้เราเน้นเดินเป็นหลัก ที่เหลือก็นั่งรถบัส รถไฟใต้ดินแบบต่อเที่ยวเอา
ในตอนถัด ๆ ไป พวกเราจะพยายามรีบลงให้เร็วที่สุดนะครับ โดยคาดว่าจะมีทั้งหมด 6-7 ตอนด้วยกัน ฝากติดตามกันด้วยนะครับบ
เข้ามาพูดคุยกับพวกเราได้ที่ https://www.facebook.com/carriageno6/
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้