สวัสดีค่ะ ^^ นี้เป็นการรีวิวครั้งแรกในชีวิตที่ได้มีโอกาสพาครอบครัวไปเที่ยวญี่ปุ่นเองเป็นครั้งแรก หากรีวิวนี้ผิดพลาดประการใดโปรดชี้แนะ และขออภัยล่วงหน้ามา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ทริปนี้เป็นความตั้งใจตั้งแต่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 2 เพราะได้มีโอกาสนั่งดูรายการทีวี Say Hi กับคุณพ่อ ตอนนั้นมีพี่ติ๊ก (กัญญารัตน์) เป็นพิธีกรพาไปเที่ยวภูเขาไฟฟูจิ แล้วคุณพ่อก็พูดประโยคนึงขึ้นมาว่า "ถ้าได้ไปเห็นภูเขาไฟฟูจิสักครั้งในชีวิตก็คงจะดีนะ" ตั้งแต่นั้นมาก็สัญญากับตัวเองมาตลอดว่าสักวันจะต้องพาคุณพ่อไปให้ได้เลย
และแล้ววันนั้นก็มาถึงเมื่อเดือน พ.ค. 61 ที่ผ่านมาได้มีโอกาสพาครอบครัวไปเที่ยวโตเกียวด้วยตัวเองครั้งแรกร่วมกับพี่ชาย เตรียมการล่วงหน้าประมาณ 8 เดือน เพราะการไปเที่ยวด้วยกันหลายคนเป็นอะไรที่หาเวลาลงตัวได้ยากมาก เลยตกลงว่าจะไปช่วงที่น้องชายปิดเทอม (ไม่งั้นเดี๋ยวจะโดนนางงอน)
ขอเริ่มจากการวางแผนเที่ยวก่อนเลยค่ะ เนื่องจากเจ้าของกระทู้ไม่เคยไปเที่ยวต่างประเทศเองเลยซักครั้ง (เคยแต่ไปทัวร์) เลยต้องทำการบ้านค่อนข้างหนัก แต่ได้กระทู้จัดทริปญี่ปุ่นสุดปังในห้องบลูแพลนเน็ต
https://pantip.com/topic/36328178 ช่วยได้มากเลยว่าต้องทำอะไรบ้าง
1. กำหนดที่หมายและช่วงเวลา : เนื่องจากเป้าหมาย คือ ภูเขาไฟฟูจิ จึงเลือกไปโตเกียว และช่วงเวลาที่เลือกอะไรไม่ได้เลยต้องไปช่วงเดือน พ.ค. ปลายฤดูใบไม้ผลิที่ดอกซากุระร่วงหมดแล้ว แม้จะมีความหวังเล็กๆว่าจะเหลือให้ชื่นชมซักต้นสองต้นก็หามีไม่เจ้าค่ะ T_T
2. จองตั๋วเครื่องบิน : งบน้อยหอยสังข์ก็ต้องบิน Low cost หนีไม่พ้น AirAsiaX ซึ่ง จขกท. จองล่วงหน้านานถึง 8 เดือน เป็นช่วงที่จัดโปรโมชั่นพอดีเลยได้ตั๋วราคาค่อนข้างถูก ราคาตั๋วไป-กลับตกคนละ 9,500 บาทเท่านั้น แต่ไม่ได้เลือกที่นั่งและไม่มีอาหารนะคะ พยายามหาข้อมูลในเนตที่เค้ารีวิวกันใช้วิชามารต่างๆที่หามาเพื่อ Check in ล่วงหน้าให้ได้นั่งติดกัน มีพลาดบ้างแต่ก็ได้นั่งเป็นคู่ไม่โดดเดี่ยวค่ะ
3. เลือกและจองที่พัก : ช่วงที่ออกนอกเมืองจะจองแบบเรียวกังที่ดีหน่อยแบบมีแช่ออนเซนค่ะ พอกลับเข้าเมืองก็จองแบบธรรมดาเป็น Hostel ไปประหยัดงบกว่ากันเยอะมากๆ โดยใช้บริการ Agoda ล้วนๆเลยค่ะ
4. ปักหมุดใน Google Map : เพื่อที่จะได้วางแผนเที่ยวได้กระชับไม่วกไปวนมาให้เสียเวลา อย่าลืมไปปักหมุดสถานที่เที่ยวที่อยากไป โรงแรมที่พัก ก่อนวางแผนแต่ละวันกันด้วยนะคะ ช่วยให้เห็นภาพกว้างชัดมากค่ะ
5. แบ่งโซนและทำตารางเที่ยว (รายวัน) : ช่วงนี้ค่อนข้างยากสำหรับ จขกท. เพราะไม่รู้อะไรเลยต้องหาข้อมูลเยอะมาก ไม่ใช่แค่หาว่าอยากไปเที่ยวที่ไหน แต่มันคือหาว่าจะไปยังไงให้สะดวกและประหยัดงบและเวลาที่สุด
6. การเดินทาง : แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ เช่ารถขับและรถไฟ
6.1 ใน 3 วันแรกที่ออกนอกเมืองใช้วิธีเช่ารถขับเพราะไปกัน 6 คน ค่อนข้างคุ้มค่ะ รถที่เช่า คือ Serena สามารถนั่งได้ 6 คน + กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ 3 ใบ สะดวกและนั่งสบายมากเลยค่ะ มีช่องเสียบ USB ทุกที่นั่งเลย
6.2 ส่วนวันที่เหลือเดินทางโดยรถไฟค่ะ หลักๆใช้ Pass Tokyo Subway 72 Hour ราคา 1,500 เยนเท่านั้น และ มีซื้อตั๋วรถไฟท้องถิ่นตามสถานที่ที่ไปเพิ่มเติมค่ะ เช่น Nikko / Kawagoe จะรีวิวในลำดับถัดๆไปค่ะ
6.3 ขากลับนั่ง Airport Limousine Bus จากโรงแรม Asakusa View เพื่อไปสนามบินนาริตะ ราคา 2,800 เยน ถือว่าสะดวกมากค่ะ สำหรับทริปที่มีผู้สูงวัยไปด้วย เพราะไม่ต้องแบกขนกระเป๋าเดินทางเอง
สำหรับรายละเอียดจะมาเล่าให้ฟังอีกทีนะคะ ^^ ววันนี้ราตรีสวัสค่ะ
รีวิวเที่ยว Tokyo กับครอบครัว 2018
สวัสดีค่ะ ^^ นี้เป็นการรีวิวครั้งแรกในชีวิตที่ได้มีโอกาสพาครอบครัวไปเที่ยวญี่ปุ่นเองเป็นครั้งแรก หากรีวิวนี้ผิดพลาดประการใดโปรดชี้แนะ และขออภัยล่วงหน้ามา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ทริปนี้เป็นความตั้งใจตั้งแต่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 2 เพราะได้มีโอกาสนั่งดูรายการทีวี Say Hi กับคุณพ่อ ตอนนั้นมีพี่ติ๊ก (กัญญารัตน์) เป็นพิธีกรพาไปเที่ยวภูเขาไฟฟูจิ แล้วคุณพ่อก็พูดประโยคนึงขึ้นมาว่า "ถ้าได้ไปเห็นภูเขาไฟฟูจิสักครั้งในชีวิตก็คงจะดีนะ" ตั้งแต่นั้นมาก็สัญญากับตัวเองมาตลอดว่าสักวันจะต้องพาคุณพ่อไปให้ได้เลย
และแล้ววันนั้นก็มาถึงเมื่อเดือน พ.ค. 61 ที่ผ่านมาได้มีโอกาสพาครอบครัวไปเที่ยวโตเกียวด้วยตัวเองครั้งแรกร่วมกับพี่ชาย เตรียมการล่วงหน้าประมาณ 8 เดือน เพราะการไปเที่ยวด้วยกันหลายคนเป็นอะไรที่หาเวลาลงตัวได้ยากมาก เลยตกลงว่าจะไปช่วงที่น้องชายปิดเทอม (ไม่งั้นเดี๋ยวจะโดนนางงอน)
ขอเริ่มจากการวางแผนเที่ยวก่อนเลยค่ะ เนื่องจากเจ้าของกระทู้ไม่เคยไปเที่ยวต่างประเทศเองเลยซักครั้ง (เคยแต่ไปทัวร์) เลยต้องทำการบ้านค่อนข้างหนัก แต่ได้กระทู้จัดทริปญี่ปุ่นสุดปังในห้องบลูแพลนเน็ต https://pantip.com/topic/36328178 ช่วยได้มากเลยว่าต้องทำอะไรบ้าง
1. กำหนดที่หมายและช่วงเวลา : เนื่องจากเป้าหมาย คือ ภูเขาไฟฟูจิ จึงเลือกไปโตเกียว และช่วงเวลาที่เลือกอะไรไม่ได้เลยต้องไปช่วงเดือน พ.ค. ปลายฤดูใบไม้ผลิที่ดอกซากุระร่วงหมดแล้ว แม้จะมีความหวังเล็กๆว่าจะเหลือให้ชื่นชมซักต้นสองต้นก็หามีไม่เจ้าค่ะ T_T
2. จองตั๋วเครื่องบิน : งบน้อยหอยสังข์ก็ต้องบิน Low cost หนีไม่พ้น AirAsiaX ซึ่ง จขกท. จองล่วงหน้านานถึง 8 เดือน เป็นช่วงที่จัดโปรโมชั่นพอดีเลยได้ตั๋วราคาค่อนข้างถูก ราคาตั๋วไป-กลับตกคนละ 9,500 บาทเท่านั้น แต่ไม่ได้เลือกที่นั่งและไม่มีอาหารนะคะ พยายามหาข้อมูลในเนตที่เค้ารีวิวกันใช้วิชามารต่างๆที่หามาเพื่อ Check in ล่วงหน้าให้ได้นั่งติดกัน มีพลาดบ้างแต่ก็ได้นั่งเป็นคู่ไม่โดดเดี่ยวค่ะ
3. เลือกและจองที่พัก : ช่วงที่ออกนอกเมืองจะจองแบบเรียวกังที่ดีหน่อยแบบมีแช่ออนเซนค่ะ พอกลับเข้าเมืองก็จองแบบธรรมดาเป็น Hostel ไปประหยัดงบกว่ากันเยอะมากๆ โดยใช้บริการ Agoda ล้วนๆเลยค่ะ
4. ปักหมุดใน Google Map : เพื่อที่จะได้วางแผนเที่ยวได้กระชับไม่วกไปวนมาให้เสียเวลา อย่าลืมไปปักหมุดสถานที่เที่ยวที่อยากไป โรงแรมที่พัก ก่อนวางแผนแต่ละวันกันด้วยนะคะ ช่วยให้เห็นภาพกว้างชัดมากค่ะ
5. แบ่งโซนและทำตารางเที่ยว (รายวัน) : ช่วงนี้ค่อนข้างยากสำหรับ จขกท. เพราะไม่รู้อะไรเลยต้องหาข้อมูลเยอะมาก ไม่ใช่แค่หาว่าอยากไปเที่ยวที่ไหน แต่มันคือหาว่าจะไปยังไงให้สะดวกและประหยัดงบและเวลาที่สุด
6. การเดินทาง : แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ เช่ารถขับและรถไฟ
6.1 ใน 3 วันแรกที่ออกนอกเมืองใช้วิธีเช่ารถขับเพราะไปกัน 6 คน ค่อนข้างคุ้มค่ะ รถที่เช่า คือ Serena สามารถนั่งได้ 6 คน + กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ 3 ใบ สะดวกและนั่งสบายมากเลยค่ะ มีช่องเสียบ USB ทุกที่นั่งเลย
6.2 ส่วนวันที่เหลือเดินทางโดยรถไฟค่ะ หลักๆใช้ Pass Tokyo Subway 72 Hour ราคา 1,500 เยนเท่านั้น และ มีซื้อตั๋วรถไฟท้องถิ่นตามสถานที่ที่ไปเพิ่มเติมค่ะ เช่น Nikko / Kawagoe จะรีวิวในลำดับถัดๆไปค่ะ
6.3 ขากลับนั่ง Airport Limousine Bus จากโรงแรม Asakusa View เพื่อไปสนามบินนาริตะ ราคา 2,800 เยน ถือว่าสะดวกมากค่ะ สำหรับทริปที่มีผู้สูงวัยไปด้วย เพราะไม่ต้องแบกขนกระเป๋าเดินทางเอง
สำหรับรายละเอียดจะมาเล่าให้ฟังอีกทีนะคะ ^^ ววันนี้ราตรีสวัสค่ะ