“ฐากร” ชี้ผลกระทบ 3 ด้านหาก 5G ไทยไม่สำเร็จ หวั่นประเทศเสียหาย 2.3 ล้านล้านบาท

ที่มา : https://www.matichon.co.th/economy/news_1049037

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2561 ที่โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ กรุงเทพฯ (ซอยรางน้ำ) บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จัดสัมมนา 5G เทคโนโลยีพลิกโลก : ทำอย่างไรให้เกิดขึ้นจริงในไทย
โดยเมื่อเวลา 09.25 น. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(เลขาธิการ กสทช.) ได้ขึ้นกล่าวบนเวที ระบุว่า การจะทำอย่างไรให้เทคโนโลยี 5G เกิดขึ้นให้ได้เพื่อไม่ให้ไทยล้าหลัง เพราะที่ผ่านมา 3G ไทยล้าหลัง 7 ปี 4G ล้าหลัง 4 ปี ดังนั้นเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก กสทช.จะทำให้เกิดเร็วที่สุด เพราะมีการคาดการณ์ว่าเทคโนโลยีนี้จะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม 2563 นับจากวันนี้เหลือ 790 วัน อยากให้ทุกคนสนับสนุน กสทช.


ทั้งนี้สิ่งแรกที่สำคัญคือคลื่นความถี่ ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวน 420 เมกะเฮิร์ตซ์ เมื่อมี 5G จะต้องมีคลื่นความถี่มากขึ้นแน่นอน สอง คือ โครงสร้างพื้นฐานมีความสำคัญมาก เพราะมีผลต่อการส่งข้อมูล อย่าง 4G จะมี1กิกะบิตต่อวินาที แต่ 5G จะมี 15 กิกะบิตต่อวินาที ใช้เวลาโหลดหนังไม่กี่วินาที แต่4 G จะใช้เวลา 3 นาที ความสะดวกสบายของคนไทยครั้งนี้จึงหวังว่าผู้ดำเนินการทั้ง 3 ค่าย คือ เอไอเอส ดีแทค และทรู จะเข้าร่วมประมูลครั้งนี้ เพื่อสร้างถนนที่มีช่องทางจราจรเพิ่มขึ้นและไม่ทำให้เกิดปัญหาจราจรติดขัด และสาม การเชื่อมต่อต่างๆถึงกัน เพราะเมื่อมี 5G จะมีการติดต่อระหว่างกันทั้งคนกับสิ่งของ คนกับคน และสิ่งของกับสิ่งของ เดิมเราใช้แค่โทรศัพท์

“ขอย้ำว่าสิ่งที่พูดจำเป็น มีความสำคัญ ถ้าไม่มี3เรื่อง 5Gก็ไม่มีทางเกิดขึ้น โดยเป็นเรื่องที่กสทช. เอกชน และหน่วยงานรัฐต่างๆรับผิดชอบ”นายฐากรกล่าว และว่า นอกจากนี้ ในปี 2563 ถ้าไทยไม่สามารถดำเนินการ 5G ได้สำเร็จ ผลที่เกิดขึ้น คือ
          1.กระทบภาคการผลิตและอุตสาหกรรม ภาพรวมประเทศจะสูญเสียมูลค่าเศรษฐกิจสูงถึง 2.3 ล้านล้านบาทในปี 2573 คิดเป็น 20%ของจีดีพีประเทศ หรือ 77%ของงบประมาณประเทศ แต่หากเฉพาะภาคอุตสาหกรรมจะเสียหาย 7 แสนล้านบาท-1.6 ล้านล้านบาท คิดเป็น 10-30% จะกระทบจีดีพีภาคอุตสาหกรรม
          2.กระทบกับสมาร์ท ซิตี้ หรือเมืองอัจฉริยะ เพราะ 5G จะเข้ามาช่วยให้การใช้ชีวิตของประชาชนสะดวกขึ้น ทั้งการเรียน ทำงาน ท่องเที่ยว และกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวัน
          3.กระทบเรื่องสมาร์ท ฮอสพิทอล หรือโรงพยาบาลอัจฉริยะ เพราะไทยกำลังเข้าสู่สังคมอีก 25 ปี ไทยจะมีผู้สูงอายุมากถึง 20 ล้านคน ซึ่ง5Gจะเข้ามาช่วยในการรักษาพยาบาลมีเทคโนโลยีเข้ามาอำนวยความสะดวก จะมีการผ่าตัดที่บ้าน ช่วยประหยัดค่ารักษาพยาบาลของภาครัฐคิดเป็น 1.1 หมื่นล้านบาทต่อปี

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช.ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมภายหลังงานสัมมนา เรื่อง ทำอย่างไรให้ “5G เทคโนโลยีพลิกโลก” เกิดขึ้นจริงในไทย ว่า กสทช. ต้องการให้มีการใช้งานคลื่นความถี่เพิ่มเติม เพื่อรองรับ 5G ที่จะเกิดขึ้น ในปี 2020 หรือในปี 2563 โดยหลังการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 เมกะเฮิร์ตซ์ และ 900 เมกะเฮิรตซ์ ทาง กสทช. จะทบทวนแผนการจัดสรรคลื่นความถี่ โดยจะวางมาตรการ เพื่อให้เอกชนสามารถลงทุนในการใช้คลื่นความถี่ได้ โดยเฉพาะคลื่นย่าน 26 และ 28 กิกะเฮิรตซ์ (ขนาด)

นายฐากร กล่าวด้วยว่า ได้เตรียมคลื่นช่วงความถี่ 700 , 2600 (หรือ 26 กิกะเฮิร์ตซ์) และ 2800 เมกะเฮิตร์ซ์ (หรือ 28 กิกะเฮิร์ตซ์) ไว้รองรับเทคโนโลยี 5G โดยในส่วนของคลื่นความถี่ย่าน 700 เมกะเฮิร์ตซ์นั้นจะต้องเยียวยาให้กลุ่มทีวีดิจิทัล เนื่องจากปัจจุบันกลุ่มนี้ใช้คลื่นนี้อยู่ ในขณะคลื่น 2600และ2800 นั้นจะเป็นช่วงย่านความถี่สูง ซึ่งจะต้องใช้เงินลงทุนสูง ดังนั้นการเกิดขึ้นของ5G ต้องขึ้นอยู่กับ3 ปัจจัยคือ ความพร้อมของเอกชน การลงทุนโครงสร้างพิ้นฐาน และการเชื่อมต่อ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่