“ฐากร” กางแผนประมูลความถี่ 2600, 1800, 850, 700 MHz

กระทู้ข่าว

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)

        กสทช.กางแผนประมูลคลื่นความถี่ ปีหน้าเปิดประมูลคลื่น 2600 MHz แน่นอน ขณะที่คลื่น 1800 MHz และ 850 MHz คาดประมูลปี 2561 ส่วนคลื่น 700 MHz เปิดประมูลปี 2563 คาดทั้งหมดจะทำเงินเข้ารัฐกว่า 4 แสนล้านบาท
       
       นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า หลังจากรับตำแหน่งเลขาธิการ กสทช.อีกสมัย ตนมีแผนงานที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2560 รวมไปถึงแผนงานที่ยังคงค้างจากปี 2559 อย่างต่อเนื่อง เริ่มต้นด้วยการนำคลื่นความถี่ย่าน 2600 MHz ซึ่งอยู่ภายใต้สัญญาสัมปทานของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ที่มีการใช้งานอยู่รวมทั้งสิ้น จำนวน 190 MHz โดยเป็นการให้บริการระบบโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก (เคเบิล และทีวีดาวเทียม) ที่ใช้เทคโนโลยีบรอดแบนด์ความเร็วสูง โดย อสมท ได้แสดงเจตจำนงต่อสำนักงาน กสทช.แล้วว่า อสมท จะคืนคลื่นความถี่มาให้ กสทช.จำนวน 80 MHz แต่ กสทช.ต้องกำหนดมาตรการเยียวยาให้แก่ อสมท เนื่องจากสัญญาสัมปทานยังไม่สิ้นสุดลง และ กสทช.เองก็ยังไม่มีอำนาจในการออกมาตรการเยียวยา คงต้องรอให้ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ฉบับใหม่เสร็จก่อน
       
       “กสทช.เตรียมตั้งคณะทำงานเพื่อทำงานคู่ขนานเกี่ยวกับการกำหนดมาตรการเยียวยา ภายใต้ พ.ร.บ.กสทช.ฉบับใหม่ที่คณะกรรมาธิการพิจารณาอยู่ ดังนั้น อำนาจการเยียวยาจะต้องรอ พ.ร.บ. กสทช.ฉบับใหม่ ที่คณะกรรมาธิการกำลังพิจารณาอยู่แล้วเสร็จ ซึ่งจะออกมาสอดคล้องต่อร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติแล้ว คาดว่าจะบังคับใช้ พ.ร.บ.กสทช.ฉบับใหม่ในเดือน ธันวาคม 2559 นี้ และจะทำให้สำนักงาน กสทช.ยังคงเป็นหน่วยงานอิสระ และมีอำนาจเยียวยาให้แก่ อสมท”
       
       ทั้งนี้ หากกฎหมายดังกล่าวผ่านแล้ว สำนักงาน กสทช. ได้กำหนดเวลาจัดประมูลคลื่นความถี่ 2600 MHzในปี 2560 และมีจำนวนคลื่นความถี่ที่จะนำมาประมูล 80 MHz จำนวนใบอนุญาต 3-4 ใบอนุญาต โดยแบ่งช่วงคลื่นความถี่แต่ละใบอนุญาตเป็นช่วงละ (ล็อต) 25 MHz, 25MHz และ 30 MHz เพื่อใช้สำหรับงานโครงข่ายให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง หรือบรอดแบนด์ โดย กสทช.จะทำงานคู่ขนานไปด้วยกันกับการเจรจา กับ อสมท คาดว่ากระบวนการ และการจัดทำหลักเกณฑ์เงื่อนไขการประมูล หรือไอเอ็ม น่าจะใช้เวลาประมาณ 5-6 เดือน ก็จะทำให้ กสทช.เปิดประมูลคลื่น 2600 MHz ได้ในปี 2560
       
       ขณะเดียวกัน สำนักงาน กสทช.ยังได้กำหนดให้เดือนเมษายน 2561 เปิดประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz จำนวน 3 ใบอนุญาตด้วย โดยกำหนดให้ใช้ราคาสุดท้ายที่ประมูลคลื่น 1800 MHz รอบที่แล้วที่ราคา 4 หมื่นล้านบาท และคลื่นความถี่ย่าน 850 MHz จำนวน 10 MHz จำนวน 1 ใบอนุญาต ใช้ราคาประมูลคลื่น 900 MHz ครั้งก่อนที่ราคา 7.56 หมื่นล้านบาท เป็นเกณฑ์คิดราคาเริ่มต้น ก่อนที่ 2 คลื่นดังกล่าวจะหมดอายุสัมปทานในเดือนกันยายน 2561 ซึ่งคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz อยู่ภายใต้สัญญาสัมปทานระหว่าง บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กับบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ที่ใช้งานอยู่จำนวน 45 MHz ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 30 กันยายน 2561 และคลื่นความถี่ย่าน 850 MHz จำนวน 10 MHz ที่ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ใช้งานอยู่ โดยจะเปิดประมูลล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 6 เดือนก่อนหมดอายุสัญญา คาดว่าในเดือน เมษายน 2561 และกระบวนการออกใบอนุญาตก็จะเสร็จสิ้นในเดือน สิงหาคม 2561 ก่อนสัญญาสัมปทานจะสิ้นสุดลง
       
       นายฐากร กล่าวว่า นอกจากนี้ ในปี 2563 ยังได้เตรียมการเปิดประมูลคลื่นความถี่ย่าน 700 MHz จำนวน 3 ใบอนุญาต อิงราคาประมูลคลื่น 900 MHz ที่คาดการณ์ราคาเริ่มต้นจะสูงขึ้นกว่าคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz เพราะเป็นคลื่นที่มีประสิทธิภาพสามารถครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างกว่า โดยคลื่นความถี่ย่าน 700 MHz จำนวน 45 MHz ปัจจุบันใช้รองรับธุรกิจทีวีดิจิทัลอยู่ 24 ช่อง คลื่นย่านนี้เป็นคลื่นที่ใช้ในกิจการกระจายเสียง หรือบรอดคาสติ้ง แต่สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ไอทียู ) ได้กำหนดให้คลื่นความถี่ย่าน 700 MHz เป็นคลื่นโทรคมนาคม แต่สำหรับไทยยังใช้คลื่น 700 MHz เพื่อประกอบกิจการโทรทัศน์อยู่ ดังนั้น เมื่อครบสัญญาสัมปทานในปี 2563 กสทช.จะประกาศให้คลื่น 700 MHz เป็นคลื่นโทรคมนาคม และจะนำมาเปิดประมูล ซึ่งคาดว่าอย่างน้อยในปี 2563 จะสามารถเปิดประมูลคลื่นดังกล่าวได้
       
       “คลื่น 700 MHz เป็นคลื่นที่มีมูลค่าสูงที่สุด มีมูลค่ามากกว่าคลื่นย่าน 900 MHz เหมาะนำไปใช้สำหรับ 5G โดยผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (โอเปอเรเตอร์) จะนำไปให้บริการระบบ 4G, 5G ได้ ภายใต้เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งคลื่นย่านความถี่ต่ำเป็นคลื่นที่มีมูลค่าสูง เพราะลงทุนน้อยกว่า และการครอบคลุมพื้นที่ได้ทั่วถึง”
       
       หลังจากปี 2560 นี้ เป็นต้นไป กสทช.จะมีเงินจากการประมูลนำส่งรัฐได้ประมาณกว่า 4 แสนล้านบาท โดยเงินจากการเปิดประมูลคลื่น 700 MHz คาดว่าจะมีรายได้นำเข้ารัฐประมาณ 2 แสนล้านบาท คลื่น 1800 MHz คาดไว้ที่ 1.2 แสนล้านบาท และคลื่น 850 MHz อีกเกือบ 1 แสนล้านบาท ทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ราว 1.3 ล้านล้านบาท โดยเหตุผลที่ กสทช.ต้องเตรียมการประมูลคลื่นความถี่ในช่วง 4 ปีนี้ เพราะทุกอย่างกำลังเปลี่ยนแปลงเข้ายุค Internet of Thing (IoT)
       
       ดังนั้น คณะกรรมการ กสทช.ชุดใหม่ที่จะเข้ามาจะต้องเปิดประมูลคลื่นความถี่ตามแผนดังกล่าว ดังนั้น คณะกรรมการ กสทช.ชุดใหม่เข้ามาต้องสามารถทำงานได้ มีความเชี่ยวชาญ มีองค์ความรู้ สำนักงาน กสทช.จะเสนอ และให้บอร์ด กสทช.ปฏิบัติงานได้ทันที เพราะการจัดสรรคลื่นความถี่ และออกใบอนุญาตคุ้มครองผู้บริโภคเรื่องอัตราค่าบริการเป็นภารกิจหลักของ กสทช.
       
       ส่วนแนวโน้มตลาดโทรคมนาคมในปี 2560 มองว่าจะยังเติบโตต่อเนื่อง โดยล่าสุด โอเปอเรเตอร์ รวมไปถึงผู้ให้บริการโครงข่ายเสมือนจริง หรือเอ็มวีเอ็นโอได้มีการขอเบอร์ใหม่ กว่า 10 ล้านเลขหมาย ปัจจุบันเลขหมายที่ใช้งานอยู่มีจำนวน 107 ล้านเลขหมาย โดยปัจจุบันมีผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 2G ลดลงเหลือเพียง 3% ที่เหลืออีกราว 97% เป็นจำนวนผู้ใช้งานระบบ 3G-4G ดังนั้น จึงต้องมีแบนด์วิธรองรับการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งปีนี้อัตราการเติบโตยังคงสูงอยู่ รวมทั้งอัตราการใช้บริการต่อเดือนสูงขึ้น ทั้งนี้ พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด หลังจากเปิดประมูล 3G และ 4G ปลายปี 58 และเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2559 ที่มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
       
       นายฐากร กล่าวอีกว่า ส่วนภารกิจที่สำนักงาน กสทช.จะต้องปฏิบัติต่อเนื่อง โดยการนำเลขหมายสวยมาเปิดประมูลในเดือนเมษายน 2560 ซึ่งจะประกอบไปด้วย เลขหมาย 6 ตัวเหมือน จำนวน 1,388 เลขหมาย และ 7 ตัวเหมือน จำนวน 137 เลขหมาย ซึ่งคาดว่าการประมูลดังกล่าวจะได้เงินราว 18 ล้านบาท นอกจากนี้ อีกหนึ่งภารกิจที่จะต้องเร่งดำเนินการคือ โครงการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึง และบริการเพื่อสังคม หรือ USO ให้แล้วเสร็จจำนวน 3,920 หมู่บ้าน ซึ่งขณะนี้ กสทช.ได้สำรวจและพบว่าเป็นหมู่บ้านที่อยู่ในส่วนของชายขอบ ซึ่งคาดว่าจะสำรวจพื้นที่ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม 2560 และจะทำการประกวดราคาในเดือนมีนาคม 2560 โดยหลังจากนั้น กระบวนในรายละเอียดรวมถึงการติดตั้งคาดว่าจะใช้เวลาราว 3 เดือน และสามารถเปิดให้บริการได้ภายในเดือนธันวาคม 2560
ที่มา http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000124867
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่