
สวัสดีเพื่อน ๆ ชาวพันทิปทุกคน

วันนี้ ! เราอยากมาแชร์ประสบกาณ์ การเป็นฝี ที่มีต้นเหตุมาจากรู Ear Pit ข้าง ๆ หูของเรานั้นเอง
นี้ ! เป็นกระทู้แรกของเรา ถ้ามีสิ่งไหนผิดพลาด หรือไม่เหมาะสม เราของอภัยด้วยนะ
เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าจ้าาาา ตอนนี้เราอายุ 24 ปี ตั้งแต่เราจำความได้ เรามีรู Ear Pit อยู่ 1 ข้างคือข้างซ้าย ตลอดที่อยู่ด้วยกันมารู Ear Pit ไม่เคยสร้างปัญหาให้เราเลย

นี้ ! คือ รู Ear Pit ของเราข้างซ้าย
จนมาอยู่วันหนึ่ง เราปวดและเจ็บบริเวณรู Ear Pit ปวดและเจ็บแต่ไม่มาก ปวดแบบนี้มา 2-3 วัน พอเข้าวันที่ 3 เราเริ่มปวดแบบนอนตะแคงทับฝั่งซ้ายไม่ได้เลยย

นี้ !! เป็นช่วงที่เริ่มมีอาการเจ็บหู และเริ่มมีอาการปวด
หลังจากผ่านไป 3 วันที่เรามีอาการเจ็บ และอาการปวดเพิ่มมากขึ้น อาการปวดที่เราว่านี้ เป็นอาการปวดแบบหนึบ ๆ ตรงช่วงบริเวณ Ear Pit เราเริ่มรู้สึกผิดปกติ เราเลยไปหาหมอ
เราได้ไปหาหมอที่คลินิก A เราบอกอาการกับหมอว่า เรามีอาการปวดบริเวณหูมาประมาณ 2-3 วันแล้วหมอได้ตรวจอาการเบื้องต้น หมอบอกว่าเราเป็นซีสต์ที่หู ครั้งแรกที่เราได้ยินว่าเราเป็นซีสต์ที่หู เราตกใจมาก เพราะว่าเราไม่เคยได้ยินว่ามีคนเป็นซีสต์ที่หูด้วย หมอบอกว่าถ้ากินยาและยังมีอาการบวมขึ้น ต้องไปผ่าตัดเอาก้อนซีสต์ออกหลังจากนั้น เราก็พยามยามถามหมออีกครั้งว่า “ตกลงหนูเป็นซีสต์ใช่ไหมค่ะ ? ” หมอบอกว่า “ ใช่ครับ ” เราไม่คิดเลยว่าตัวเองจะเป็นซีสต์ที่หู หลังจากหาหมอเสร็จ หมอให้ยาฆ่าเชื้อมา 2 ตัว และยาลดบวม 1 ตัว เรากินยาหมอได้ประมาณ 3 มื้อ อาการอื่น ๆ เริ่มมาเพิ่มแล้วววว วววววว
เราเริ่มมีอาการปวดแสบ ปวดร้อนที่หูตลอดเวลา ร้อนเหมือนมีคนเอาไฟมาจุดที่ใบหูเราตลอด และมีอาการปวดหนึบ ๆ บริเวณหู ปวดตลอด ปวดจนเรานอนไม่ได้เลย ยยย และหูเริ่มแดง

นี้ ! คือสภาพหูที่เริ่มมีอาการปวดแสบ ปวดร้อน และแดง เพิ่มขึ้นมา
หลังจากที่เรามีอาการอื่นแทรกเพิ่มเข้ามา เราตัดสินใจไปหาหมออีกคลินิค B เราบอกอาการเบื้องต้นเหมือนที่เราบอกกับหมอท่านแรกเลย เราปวดแบบนี้มา 2-3 วันแล้ว พอหมอซักประวัติเราเสร็จ หมอเริ่มทำการจับที่ใบหูเรา ตรวจดูว่าเราเจ็บตรงไหน ครั้งแรกที่หมอจับใบหู เราสะดุ้งเลย เพราะมันเจ็บมากโดนไม่ได้เลย และเวลาหมอกด น้ำตาเราไหลเลยอ่า คือมันเจ็บมากๆๆๆ ๆๆๆๆๆๆๆๆ หมอบอกว่าเราเป็นฝี อ้าว !! เรานึกในใจตกเราเราเป็นอะไรกันแน่เนี้ยยยย (ที่เราตัดสินใจไม่ไปหาหมอที่คลินิค A เพราะคิดว่าตัวเองแพ้ยาที่หมอให้มา เลยลองเปลี่ยนหมอที่พ่อแฟนแนะนำ) หลังจากที่เราหาหมอคลินิค B หมอให้ยาฆ่าเชื้อมาทาน 2 ตัว และบอกว่ากับเราว่า ถ้าไม่หายบวม อาจจะต้องผ่าตัดนะ

นี้ ! คือรูปตั้งแต่วันที่ 3 ที่ปวด จนถึงประมาณวันที่ 4
หลังจากนั้นเราทานยาหมอได้ประมาณ 2 วัน อาการปวดแสบ ปวดร้อน และหูแดง เริ่มดีขึ้น แต่ยังไม่หายขาด แต่ที่มาเพิ่มคือ ตุ่มที่ข้างๆ หูมันใหญ่กว่าเดิมนะซิ

ใหญ่ขึ้นจริง ๆ ด้วย พ่อคุณ
พอตุ่มเริ่มใหญ่ขึ้น เราก็กังวลอีก รีบไปหาหมอคลินิค B อีกครั้งหนึ่ง คุณหมอบอกว่าต้องผ่าออก แต่ต้องไปผ่าที่ รพ. นะ
เราก็ด้วยความกังวลมาตลอดว่า อย่าให้มันใหญ่กว่านี้เลย แต่เหมือนโชคไม่เข้าข้างเราเลย ยยย

มันใหญ่ขึ้นจนได้
เราก็ถามกับหมอว่า ต้องผ่าเลยหรอคะ และต้องผ่าให้เร็วแค่ไหน รอวันจันทร์ได้ไหม ? (เพราะตอนที่เราไปหาหมอที่คลินิค B เป็นวันเสาร์ช่วงเช้า ) ติดเสาร์ - อาทิตย์อีกจ้าาา หมอบอกว่าหมออยากให้ไปเลยนะ เราก็ต้องตกลงกับหมอว่า ได้ค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะไปเลย แต่เราได้ลองหาข้อมมูล และแผนก คอ หู จมูก ที่รพ. และลองโทรหาดู ไม่มีคนรับเลยยย เราเลยตัดสินใจ รอไปวันจันทร์ทีเดียวดีกว่า เพราะที่ไม่มีคนรับอาจจะติดวันหยุด
พอถึงวันจันทร์ เรารีบไปหาหมอแต่เช้าเลยย พอไปถึงรพ. ทำประวัติเสร็จ พยาบาลถามอาการว่ามีอาการอย่างไรค่ะ เราก็บอกว่าเหมือนจะเป็นฝีค่ะ มันปวดแสบ ปวดร้อนที่หู หนูไปหมอที่คลินิคมา หมอบอกว่าต้องผ่าออกค่ะ พยาบาลบอกว่า วันนี้ ! คงผ่าไม่ได้ เพราะฝียังมีอาการอักเสบอยู่ ต้องรอให้ฝีหายอักเสบถึงจะผ่าได้ค่ะ วันนี้คนไข้เยอะหน่อยนะคะ เพราะมีคนไข้ที่นัดไว้ด้วยกว่าจะถึงคิวเราประมาณ 3-4 โมงเย็น คนไข้จะรอพบหมอไหม แต่ตอนที่เราไปถึง รพ.คือ 07.30 คุณพระ !!! มาเช้าเพื่ออะไรฟ่ะเรา 5555 คนไข้รอไหวไหม ? หรือจะให้นัดมาค่ะ เราด้วยความขี้เกียจรอ นานนนนจังเลยคะ (คิดในใจนะ) เราเลยบอกพยาบาลว่า งั้นหนูมาวันอื่นก็ได้ค่ะ ขอนัดเป็นวันอังคารนะคะ
(หลังจากนัดวันที่มาพบหมอเสร็จ เราก็รีบกลับบ้านเลยยย ยย)
ระหว่างรอถึงวันอังคารหน้า น้องฝีของเราก็เริ่มแสดงตัวออกมาเพิ่มอีกแล้วจ้าาาา

สวัสดีชาวโลก เราคือฝีนะจ๊ะ 55555
นับวันยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนมาถึงวันนี้

อันนี้ ! เราตกใจมาก ใหญ่มากก ใหญ่เหมือนมีหูอีกอันหนึ่งงอกออกมา แต่อาการเจ็บ ปวด หายไปเลยนะ ไม่มีเลย แต่ระหว่างที่เรารอพบหมอ เราจะใช้สำลีเช็ดบริเวณฝีวันละ 1 ครั้ง ทำความสะอาด ไม่อยากให้เชื่อโรคสะสม เพราะในฝีก็มีเชื้อโรคมากพอแล้ว
พอมาถึงวันอังคาร วันที่จะไปพบหมอ โอ๊ย !! น้องฝีปลุกเราขึ้นแต่เช้าเลย น้องฝีแตกกกกกก กกกก !!

เราไปอ่านกระทู้พันทิปอื่น ๆ มา บอกว่าเวลาฝีแตกกลิ่นเหม็นมาก ๆ เราคิดในใจจะเหม็นแค่ไหนกันเชียว
พอมาเจอกับตัวจริง ๆ คุณพระ !! มันเหม็นจะอวกมากกกก เหม็นแบบอธิบายไม่ถูกอ่า ต้องคนเป็นเอง หรือเคยเป็นจะรู้เลยว่า กลิ่นมันเหม็นได้ใจมากกก ไม่อยากจะเชื่อว่าจะเหม็นขนาดนี้ เราเช็ด และพยายามบีมหนองที่ไหนออก
( เราขอแนะนำเพื่อนๆ ที่เจอปัญหาแบบเรา เราแนะนำให้ใช้สำลีแผ่น หรือก้อนก็ได้ชุบน้ำเกลือ เช็ดหนองออก พยายามอย่าไปกดฝีจนแรงเกินไป เวลาเราบีบหนองออก เราพยายามกดให้เบามือที่สุด เพราะไม่อยากให้มันอักเสบอีกรอบ เราไม่รู้ว่าวิธีที่เราทำมันถูกต้องไหม แต่เราจะพยายามไม่ให้มือเรา ไปสัมผัสฝีเด็ดขาด )
หลังจากที่เราเช็ดฝีออกเกือบหมดแล้ว สิ่งที่เหลือคือเลือดที่ยังคงอยู่ เรารีบไปหมหมอ พอพบหมอ หมอบอกว่าเราเป็นฝีนะ หมอแนะนำให้กรีดระบายหนองออก เราก็ตอบตกลงไม่ทันได้คิดอะไรเลย ทั้ง ๆ ที่ในใจ ภาวนามาตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่อยากกรีด พอคุยหมอเสร็จ พยาบาลพาขึ้นเตียงเลยจ้าาาา รอหมอประมาณ 10 นาที หมอเดินมา ใส่ถุงมือ บอกว่าหมอขอฉีดยาชาหน่อยนะ เราก็บอกว่า ค่ะ พอเข้มแทงที่ฝีเท่านั้นแหล่ะ เจ็บจัง

หมอหยิบมีดกรีดเลยย เจ็บโครตๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ยาชาไม่ทันออกฤทธิ์เลย หมอกรีดแล้ว หมอใช้สำลีก้านเช็ดเอาหนองในโพรงฝีออก มีเลือดออกมาด้วยอ่า คล้ายๆ น้ำเลือดน้ำหนองปนกัน ไหลเปื้อนหน้าเราหมดเลย เหม็นชวนอวกมากกกกก กกกกกกก เจ็บ เหม็น ไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้ว
หลังจากที่กรีดเอาหนองออก หมอแนะนำให้ล้างแผล วันละ 1 ครั้งและต้องยัดผ้าก๊อตด้วยนะ

นี้ ! คือรูปหลังผ่าตัด สีแดง ๆ ยาว ๆ ตรงกลางผ้าก๊อตน้าาาาา
เรายัดผ้าก๊อตประมาณ 3-4 วัน อาจจะเป็นเพราะแผลเราไม่ลึกมากเลยยัดไม่ถึงอาทิตย์ เพราะบางคนที่เราอ่านมายัดเป็นอาทิตย์เลยยย

นี้ ! คือแผลหลังผ่าตัดประมาณ อาทิตย์กว่า ๆ แผลเริ่มแห้งแล้วจ้า อาการเจ็บเริ่มไม่มีแล้ว ดีใจมาก ๆ ที่ผ่านจุด ๆ นั้นมาได้
สุดท้ายนี้ ! การรักษาความสะอาดเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง หมอบอกว่าที่เราเป็นเพราะมีเชื้อโรคเข้าไปทางรู Ear Pit มันทำให้เกิดการติดเชื้อ และลามมาเป็นฝี หลังจากนั้น เราพยายามล้างมือบ่อย ๆๆๆๆ บ่อยครั้งมากๆ และเวลาแต่งหน้าเสร็จ หรือไปข้างนอกมาก่อนนอนจะใช้น้ำเกลือเช็ดบริเวณ รู Ear Pit เพื่อเช็ดเอาพวก ฝุ่น เชื้อโรคออก เพราะเราไม่รู้ว่าเชื้อโรคตัวไหนจะไปกระตุ้นให้เกิดฝีอีก
หวังว่ากระทู้ของเราจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อน ๆ ไม่มากก็น้อยน้าาาา ของคุณทุก ๆ คนที่สละเวลาเข้ามาอ่านนะคะ
Ear Pit ภัยร้ายที่ใกล้ตัว
นี้ ! เป็นกระทู้แรกของเรา ถ้ามีสิ่งไหนผิดพลาด หรือไม่เหมาะสม เราของอภัยด้วยนะ
เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าจ้าาาา ตอนนี้เราอายุ 24 ปี ตั้งแต่เราจำความได้ เรามีรู Ear Pit อยู่ 1 ข้างคือข้างซ้าย ตลอดที่อยู่ด้วยกันมารู Ear Pit ไม่เคยสร้างปัญหาให้เราเลย
จนมาอยู่วันหนึ่ง เราปวดและเจ็บบริเวณรู Ear Pit ปวดและเจ็บแต่ไม่มาก ปวดแบบนี้มา 2-3 วัน พอเข้าวันที่ 3 เราเริ่มปวดแบบนอนตะแคงทับฝั่งซ้ายไม่ได้เลยย
หลังจากผ่านไป 3 วันที่เรามีอาการเจ็บ และอาการปวดเพิ่มมากขึ้น อาการปวดที่เราว่านี้ เป็นอาการปวดแบบหนึบ ๆ ตรงช่วงบริเวณ Ear Pit เราเริ่มรู้สึกผิดปกติ เราเลยไปหาหมอ
เราได้ไปหาหมอที่คลินิก A เราบอกอาการกับหมอว่า เรามีอาการปวดบริเวณหูมาประมาณ 2-3 วันแล้วหมอได้ตรวจอาการเบื้องต้น หมอบอกว่าเราเป็นซีสต์ที่หู ครั้งแรกที่เราได้ยินว่าเราเป็นซีสต์ที่หู เราตกใจมาก เพราะว่าเราไม่เคยได้ยินว่ามีคนเป็นซีสต์ที่หูด้วย หมอบอกว่าถ้ากินยาและยังมีอาการบวมขึ้น ต้องไปผ่าตัดเอาก้อนซีสต์ออกหลังจากนั้น เราก็พยามยามถามหมออีกครั้งว่า “ตกลงหนูเป็นซีสต์ใช่ไหมค่ะ ? ” หมอบอกว่า “ ใช่ครับ ” เราไม่คิดเลยว่าตัวเองจะเป็นซีสต์ที่หู หลังจากหาหมอเสร็จ หมอให้ยาฆ่าเชื้อมา 2 ตัว และยาลดบวม 1 ตัว เรากินยาหมอได้ประมาณ 3 มื้อ อาการอื่น ๆ เริ่มมาเพิ่มแล้วววว วววววว
เราเริ่มมีอาการปวดแสบ ปวดร้อนที่หูตลอดเวลา ร้อนเหมือนมีคนเอาไฟมาจุดที่ใบหูเราตลอด และมีอาการปวดหนึบ ๆ บริเวณหู ปวดตลอด ปวดจนเรานอนไม่ได้เลย ยยย และหูเริ่มแดง
หลังจากที่เรามีอาการอื่นแทรกเพิ่มเข้ามา เราตัดสินใจไปหาหมออีกคลินิค B เราบอกอาการเบื้องต้นเหมือนที่เราบอกกับหมอท่านแรกเลย เราปวดแบบนี้มา 2-3 วันแล้ว พอหมอซักประวัติเราเสร็จ หมอเริ่มทำการจับที่ใบหูเรา ตรวจดูว่าเราเจ็บตรงไหน ครั้งแรกที่หมอจับใบหู เราสะดุ้งเลย เพราะมันเจ็บมากโดนไม่ได้เลย และเวลาหมอกด น้ำตาเราไหลเลยอ่า คือมันเจ็บมากๆๆๆ ๆๆๆๆๆๆๆๆ หมอบอกว่าเราเป็นฝี อ้าว !! เรานึกในใจตกเราเราเป็นอะไรกันแน่เนี้ยยยย (ที่เราตัดสินใจไม่ไปหาหมอที่คลินิค A เพราะคิดว่าตัวเองแพ้ยาที่หมอให้มา เลยลองเปลี่ยนหมอที่พ่อแฟนแนะนำ) หลังจากที่เราหาหมอคลินิค B หมอให้ยาฆ่าเชื้อมาทาน 2 ตัว และบอกว่ากับเราว่า ถ้าไม่หายบวม อาจจะต้องผ่าตัดนะ
หลังจากนั้นเราทานยาหมอได้ประมาณ 2 วัน อาการปวดแสบ ปวดร้อน และหูแดง เริ่มดีขึ้น แต่ยังไม่หายขาด แต่ที่มาเพิ่มคือ ตุ่มที่ข้างๆ หูมันใหญ่กว่าเดิมนะซิ
พอตุ่มเริ่มใหญ่ขึ้น เราก็กังวลอีก รีบไปหาหมอคลินิค B อีกครั้งหนึ่ง คุณหมอบอกว่าต้องผ่าออก แต่ต้องไปผ่าที่ รพ. นะ
เราก็ด้วยความกังวลมาตลอดว่า อย่าให้มันใหญ่กว่านี้เลย แต่เหมือนโชคไม่เข้าข้างเราเลย ยยย
เราก็ถามกับหมอว่า ต้องผ่าเลยหรอคะ และต้องผ่าให้เร็วแค่ไหน รอวันจันทร์ได้ไหม ? (เพราะตอนที่เราไปหาหมอที่คลินิค B เป็นวันเสาร์ช่วงเช้า ) ติดเสาร์ - อาทิตย์อีกจ้าาา หมอบอกว่าหมออยากให้ไปเลยนะ เราก็ต้องตกลงกับหมอว่า ได้ค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะไปเลย แต่เราได้ลองหาข้อมมูล และแผนก คอ หู จมูก ที่รพ. และลองโทรหาดู ไม่มีคนรับเลยยย เราเลยตัดสินใจ รอไปวันจันทร์ทีเดียวดีกว่า เพราะที่ไม่มีคนรับอาจจะติดวันหยุด
พอถึงวันจันทร์ เรารีบไปหาหมอแต่เช้าเลยย พอไปถึงรพ. ทำประวัติเสร็จ พยาบาลถามอาการว่ามีอาการอย่างไรค่ะ เราก็บอกว่าเหมือนจะเป็นฝีค่ะ มันปวดแสบ ปวดร้อนที่หู หนูไปหมอที่คลินิคมา หมอบอกว่าต้องผ่าออกค่ะ พยาบาลบอกว่า วันนี้ ! คงผ่าไม่ได้ เพราะฝียังมีอาการอักเสบอยู่ ต้องรอให้ฝีหายอักเสบถึงจะผ่าได้ค่ะ วันนี้คนไข้เยอะหน่อยนะคะ เพราะมีคนไข้ที่นัดไว้ด้วยกว่าจะถึงคิวเราประมาณ 3-4 โมงเย็น คนไข้จะรอพบหมอไหม แต่ตอนที่เราไปถึง รพ.คือ 07.30 คุณพระ !!! มาเช้าเพื่ออะไรฟ่ะเรา 5555 คนไข้รอไหวไหม ? หรือจะให้นัดมาค่ะ เราด้วยความขี้เกียจรอ นานนนนจังเลยคะ (คิดในใจนะ) เราเลยบอกพยาบาลว่า งั้นหนูมาวันอื่นก็ได้ค่ะ ขอนัดเป็นวันอังคารนะคะ
(หลังจากนัดวันที่มาพบหมอเสร็จ เราก็รีบกลับบ้านเลยยย ยย)
ระหว่างรอถึงวันอังคารหน้า น้องฝีของเราก็เริ่มแสดงตัวออกมาเพิ่มอีกแล้วจ้าาาา
นับวันยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนมาถึงวันนี้
พอมาถึงวันอังคาร วันที่จะไปพบหมอ โอ๊ย !! น้องฝีปลุกเราขึ้นแต่เช้าเลย น้องฝีแตกกกกกก กกกก !!
เราไปอ่านกระทู้พันทิปอื่น ๆ มา บอกว่าเวลาฝีแตกกลิ่นเหม็นมาก ๆ เราคิดในใจจะเหม็นแค่ไหนกันเชียว
พอมาเจอกับตัวจริง ๆ คุณพระ !! มันเหม็นจะอวกมากกกก เหม็นแบบอธิบายไม่ถูกอ่า ต้องคนเป็นเอง หรือเคยเป็นจะรู้เลยว่า กลิ่นมันเหม็นได้ใจมากกก ไม่อยากจะเชื่อว่าจะเหม็นขนาดนี้ เราเช็ด และพยายามบีมหนองที่ไหนออก
( เราขอแนะนำเพื่อนๆ ที่เจอปัญหาแบบเรา เราแนะนำให้ใช้สำลีแผ่น หรือก้อนก็ได้ชุบน้ำเกลือ เช็ดหนองออก พยายามอย่าไปกดฝีจนแรงเกินไป เวลาเราบีบหนองออก เราพยายามกดให้เบามือที่สุด เพราะไม่อยากให้มันอักเสบอีกรอบ เราไม่รู้ว่าวิธีที่เราทำมันถูกต้องไหม แต่เราจะพยายามไม่ให้มือเรา ไปสัมผัสฝีเด็ดขาด )
หลังจากที่เราเช็ดฝีออกเกือบหมดแล้ว สิ่งที่เหลือคือเลือดที่ยังคงอยู่ เรารีบไปหมหมอ พอพบหมอ หมอบอกว่าเราเป็นฝีนะ หมอแนะนำให้กรีดระบายหนองออก เราก็ตอบตกลงไม่ทันได้คิดอะไรเลย ทั้ง ๆ ที่ในใจ ภาวนามาตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่อยากกรีด พอคุยหมอเสร็จ พยาบาลพาขึ้นเตียงเลยจ้าาาา รอหมอประมาณ 10 นาที หมอเดินมา ใส่ถุงมือ บอกว่าหมอขอฉีดยาชาหน่อยนะ เราก็บอกว่า ค่ะ พอเข้มแทงที่ฝีเท่านั้นแหล่ะ เจ็บจัง
หลังจากที่กรีดเอาหนองออก หมอแนะนำให้ล้างแผล วันละ 1 ครั้งและต้องยัดผ้าก๊อตด้วยนะ
เรายัดผ้าก๊อตประมาณ 3-4 วัน อาจจะเป็นเพราะแผลเราไม่ลึกมากเลยยัดไม่ถึงอาทิตย์ เพราะบางคนที่เราอ่านมายัดเป็นอาทิตย์เลยยย
สุดท้ายนี้ ! การรักษาความสะอาดเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง หมอบอกว่าที่เราเป็นเพราะมีเชื้อโรคเข้าไปทางรู Ear Pit มันทำให้เกิดการติดเชื้อ และลามมาเป็นฝี หลังจากนั้น เราพยายามล้างมือบ่อย ๆๆๆๆ บ่อยครั้งมากๆ และเวลาแต่งหน้าเสร็จ หรือไปข้างนอกมาก่อนนอนจะใช้น้ำเกลือเช็ดบริเวณ รู Ear Pit เพื่อเช็ดเอาพวก ฝุ่น เชื้อโรคออก เพราะเราไม่รู้ว่าเชื้อโรคตัวไหนจะไปกระตุ้นให้เกิดฝีอีก
หวังว่ากระทู้ของเราจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อน ๆ ไม่มากก็น้อยน้าาาา ของคุณทุก ๆ คนที่สละเวลาเข้ามาอ่านนะคะ